การประชุมออนไลน์ครั้งนี้ดึงดูดผู้นำจากภาคอุตสาหกรรม ภาครัฐ และภาควิชาการกว่า 8,000 คน มาร่วมหารือแนวทางขับเคลื่อนโลกหลังยุคโควิด
เมื่อวันที่ 16-19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ผู้นำกว่า 8,000 คนจากเอเชียและภูมิภาคอื่น ๆ ได้มารวมตัวกันในการประชุมออนไลน์ Leadership Energy Summit Asia (LESA) 2020 ซึ่งจัดโดย Asia School of Business (ASB) Iclif Executive Education Center
การประชุมออนไลน์จัดขึ้นในหัวข้อ "Navigating Uncertainty with Leadership Energy In Action" โดยมีการบรรยายของวิทยากรชั้นนำมากมาย เช่น Esther Duflo เจ้าของรางวัลโนเบลปี 2019, Tan Sri Dr. Jemilah Mahmood ผู้ก่อตั้ง MERCY Malaysia และที่ปรึกษาพิเศษของนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย, Aireen Omar ประธานกลุ่มบริษัท RedBeat Ventures และ AirAsia รวมถึงนักวิชาการหัวกะทิจาก Massachusetts Institute of Technology (MIT) และ ASB ที่มาร่วมนำเสนองานวิจัยและข้อมูลเชิงลึกมากมาย
วิทยากรแต่ละท่านได้แบ่งปันมุมมองที่โดดเด่นและหลากหลายในการรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ในปัจจุบัน โดย Esther Duflo ได้แบ่งปันแนวทางในการบรรเทาปัญหาความยากจนทั่วโลก ซึ่งส่งผลให้เธอคว้ารางวัลโนเบล ขณะที่ Tan Sri Dr. Jemilah Mahmood บอกเล่าประสบการณ์ในการรับมือวิกฤตด้านมนุษยธรรมและการให้คำปรึกษาแก่รัฐบาลมาเลเซียในการรับมือกับโควิด ส่วน John Sterman ศาสตราจารย์สาขาบริหารจาก MIT Sloan School of Management ได้ถกแนวทางการแก้ปัญหาโควิด-19 และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
"คนส่วนใหญ่พยายามหาวิธีการเดียวที่สามารถแก้ปัญหาทุกอย่างพร้อมกัน แต่เป็นเรื่องยากที่วิธีเดียวจะสามารถแก้ปัญหาทุกอย่างได้ ดังนั้น เราต้องแยกปัญหาออกเป็นปัญหาย่อย ๆ ที่สามารถจัดการได้ง่ายขึ้น" Esther Duflo กล่าว
ขณะที่ John Sterman กล่าวว่า "ในฐานะที่เป็นมนุษย์ เราไม่ถนัดรับมือกับระบบที่ซับซ้อน เรามักปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปจนกระทั่งรู้สึกถึงผลกระทบ และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมก็เป็นเรื่องยาก อย่างเช่นการรับมือกับภาวะโลกร้อนและโควิด-19 ซึ่งเราสามารถแก้ปัญหานี้ได้ด้วยการให้ความรู้ และเรายังมีหวังอยู่"
Roberto Rigobon ศาสตราจารย์สาขาเศรษฐศาสตร์ประยุกต์ เน้นย้ำถึงบรรทัดฐานสำคัญที่จะช่วยแก้วิกฤตในปัจจุบัน โดยยกตัวอย่างงานวิจัยของเขาในหลายประเทศที่สามารถเปลี่ยนความยากจนเป็นความมั่งคั่ง "การจัดการกับความท้าทายเป็นเรื่องยาก บรรดาผู้นำต้องมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนจนแรงงานและประชาชนยอมรับ และเต็มใจที่จะเสียสละประโยชน์ส่วนตนเพื่อส่วนรวม"
ถึงแม้การประชุมจะจัดในรูปแบบออนไลน์ แต่ผู้ร่วมงานต่างรู้สึกประทับใจกับประสบการณ์ในครั้งนี้ และนี่คือเสียงตอบรับส่วนหนึ่งของผู้เข้าร่วมงาน
"ฉันสังเกตว่าการประชุมครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างมากในทุกแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นจำนวนผู้เข้าร่วม ประเทศที่เข้าร่วม คุณภาพของเนื้อหา ความหลากหลายและความน่าประทับใจของวิทยากร จึงนับเป็นการประชุมระดับเวิลด์คลาสอย่างแท้จริง" Datuk Nora A. Manaf ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทุนมนุษย์ของ Maybank กล่าว
"ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าการเรียนรู้จากนักวิชาการจะน่าตื่นเต้นขนาดนี้ Prof. Roberto Rigobon เป็นคนที่มีอารมณ์ขันแต่ก็จริงจัง ส่วน Prof. Loredana Padurean ก็บรรยายได้น่าสนใจตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันประทับใจกับสีสันและความหลากหลายของนักวิชาการจาก MIT และ ASB และสนุกกับการประชุมครั้งนี้มาก" Datin Mornifairos Bt Othman รองประธานบริหารฝ่าย People Leader ของ Maybank กล่าว
"เราสนุกกับการบรรยายหัวข้อต่าง ๆ ในการประชุม LESA 2020 โดยได้รับฟังข้อมูลเชิงลึกและแนวทางของวิทยากรแต่ละท่าน การประชุมครั้งนี้ประสบความสำเร็จในการกระตุ้นให้เกิดการพูดคุยแลกเปลี่ยนในหมู่ผู้บรรยายและผู้ฟัง ผมขอชื่นชมจากใจจริง" Ahmad Zakky Habibie กรรมการบริหาร Ancora Foundation กล่าว
สำหรับไฮไลต์อื่น ๆ ของการประชุมประกอบด้วย การจัดมาสเตอร์คลาสโดย Sarawak Energy ในหัวข้อต่าง ๆ เช่น "The Strategic Intra/Entrepreneurial Organization" "The Dollar, the Renminbi, and the International Monetary System" และ "Storytelling for Leaders"
นอกจากนั้นยังมีการประกาศรางวัล Iclif Leadership Energy Awards (ILEA) ซึ่งสนับสนุนโดย Maybank เพื่อยกย่องผู้ที่ใช้ "พลังความเป็นผู้นำ" สร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก โดยผู้ชนะรางวัลประกอบด้วย Dian Sasmita ผู้ก่อตั้ง Sahabat Kapas (อินโดนีเซีย) จากการอุทิศตนต่อต้านความรุนแรงต่อผู้ต้องขังที่เป็นเยาวชน, Marita Cheng ผู้ก่อตั้ง Robogals (ออสเตรเลีย) จากการส่งเสริมและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงทำงานในวงการ STEM และ Dr. Tamana Asey ผู้อำนวยการ Afghanistan Forensic Science Organization จากการต่อสู้เพื่อสิทธิของสตรีและเด็กหญิง ด้วยการต่อต้านการตรวจความบริสุทธิ์ของผู้หญิง
"เราภูมิใจที่ LESA 2020 ได้ทำหน้าที่เป็นเวทีในการแก้ปัญหาท้าทายสำคัญที่ผู้นำในปัจจุบันต้องเผชิญ" Prof. Charles Fine ประธานผู้ก่อตั้งและคณบดีของ ASB กล่าว "เราขอขอบคุณผู้สนับสนุนทุกรายที่ทำให้งานนี้เป็นจริงขึ้นมาได้ การสนับสนุนของพวกเขาเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ ASB เข้าถึงผู้คนทั่วโลกได้ขนาดนี้ และเราขอแสดงความขอบคุณเป็นพิเศษแก่ Maybank, Sarawak Energy, CX Technology, Lawrence S. Ting Foundation และ Ancora Foundation ที่แสดงให้เราเห็นว่าพลังความเป็นผู้นำเป็นอย่างไร"
เกี่ยวกับ Asia School of Business
Asia School of Business (ASB) ก่อตั้งขึ้นในปี 2015 ด้วยความร่วมมือระหว่างธนาคารกลางมาเลเซียกับ MIT Sloan School of Management เพื่อให้เป็นวิทยาลัยธุรกิจชั้นนำระดับโลก รวมทั้งเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และองค์ความรู้ที่ผสานความเชี่ยวชาญ ข้อมูลเชิงลึก และมุมมองของเอเชียและกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่
โปรแกรมการเรียนการสอนสำหรับผู้บริหารของ Iclif Executive Education Center ในเครือ ASB ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่าเป็นผู้นำในการให้ความรู้ด้านการบริหาร ทั้งนี้ ASB นำเสนอหลักสูตรการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง โดยร่วมมือกับองค์กรและผู้เรียนจากทั่วโลก เพื่อพัฒนาผู้นำที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงและมีจรรยาบรรณ ซึ่งจะมีส่วนช่วยพัฒนาโลกต่อไป