ผลสำรวจทั่วโลกว่าด้วยการรักษาโรคหอบหืดที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการทำให้ต้องทบทวนประเทศที่ว่าเรื่องนี้อาจกระทบผลการรักษาผู้ป่วย

ข่าวต่างประเทศ Tuesday December 6, 2005 18:22 —Asianet Press Release

มิลวอกี, วิสคอนซิน--6 ธ.ค./พีอาร์นิวส์ไวร์-เอเชียเน็ท/อินโฟเควสท์
ผลสำรวจเชิงปริมาณทั่วโลกเกี่ยวกับการรักษาโรคหอบหืดที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งมีการจัดทำขึ้นเป็นครั้งแรกและได้รับการเปิดเผยที่กรุงลอนดอนในวันนี้ แสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งอย่างมากระหว่างการประเมินเรื่องการรักษาโรคหอบหืดของแพทย์และผู้ป่วยในประเด็นต่างๆที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ รวมถึงผลข้างเคียงของการใช้ยา การศึกษาของผู้ป่วย และการสื่อสารระหว่างแพทย์และผู้ป่วย ผลการสำรวจแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหอบหืดและผู้ป่วยทั่วโลก (GAPP) ซึ่งเป็นผลการวิจัยใน 16 ประเทศทั่วโลกนั้น ได้จัดทำขึ้นเพื่อแสดงถึงผลกระทบของโรคหอบหืดทั่วโลก ซึ่งเป็นโรคที่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นประมาณ 50% ในทุกๆ 10 ปี
"การสื่อสารระหว่างแพทย์และผู้ป่วยมีความสำคัญในการบำบัดภาวะเรื้อรัง อาทิ โรคหอบหืด และผลการสำรวจ GAPP แสดงให้เห็นว่า มีช่องทางมากมายที่จะช่วยปรับปรุงเรื่องนี้ในทุกประเทศที่เราทำการศึกษา" นายจี. วอลเตอร์ คาโนนิกา แพทย์ศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยเจโนวา เมืองเจโนวา ประเทศอิตาลี จากองค์กรโรคภูมิแพ้โลกกล่าว "ผลข้างเคียงเป็นประเด็นที่เราเริ่มต้นศึกษา ซึ่งผลการศึกษาชี้ให้เห็นถึงภาวะขาดการติดต่อสื่อสารอย่างมากระหว่างแพทย์และผู้ป่วย"
ในสายตาของแพทย์นั้น มีความแตกต่างระหว่างคนไข้ที่รับรู้เรื่องผลข้างเคียงตามสภาพความเป็นจริงและคนไข้ที่รับรู้เรื่องผลข้างเคียงด้วยความเข้าใจ โดยผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่า เกือบ 1 ใน 3 (31%) ของผู้ป่วยกล่าวว่า พวกเขา "ไม่ทราบ" เรื่องผลข้างเคียงในระยะยาว ขณะที่แพทย์เชื่อว่าจำนวนคนไข้ที่รับรู้เรื่องผลข้างเคียงมีมากขึ้น มีแพทย์เพียง 3% เท่านั้นที่เชื่อว่าคนไข้ "ไม่ทราบ" เรื่องผลข้างเคียงในระยะสั้น และ 7% เชื่อว่าคนไข้ไม่ทราบเรื่องผลข้างเคียงในระยะยาว
ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับคนไข้ที่ได้รับประทานยาตามคำสั่งแพทย์และได้รับผลกระทบข้างเคียง
34% ของคนไข้ที่เข้ารับประทานยาตามคำสั่งแพทย์เชื่อว่าพวกเขาได้รับผลข้างเคียงระยะสั้น ซึ่งรวมถึงเชื้อราที่เกิดขึ้นในปาก เยื่อบุคอหอยอักเสบ หรือ เสียงแหบ จากการรับการรักษาโรคหอบหืด และ 19% เชื่อว่าพวกเขาได้รับผลข้างเคียงในระยะยาว
คนไข้ที่ได้รับผลข้างเคียงมักให้เหตุผลว่าเป็นเพราะไม่เชื่อฟังคำแนะนำของแพทย์ในการบำบัดรักษา โดยรายงานระบุว่ามีคนไข้เพียง 26% เท่านั้นที่ร้องเรียนอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของจำนวนครั้งที่มีการร้องเรียน รายงานยังระบุด้วยว่าคนไข้ที่ไม่ทำตามกฎเกณฑ์ด้านการรักษาของพวกเขาจะได้รับผลกระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของพวกเขามากขึ้น ซึ่งรวมถึงการแสดงอาการเพิ่มขึ้น (69%) และการถูกกระทบจากโรคหอบหืดถี่ขึ้นหรือหนักขึ้น (41%) ทั้งนี้ แพทย์ได้ประเมินหัวข้อที่ว่าคนไข้ของพวกยอมทำตามกฎเกณฑ์ด้านการรักษาบ่อยแค่ไหนไว้สูงเกินไป
"การค้นพบเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการตอบสนองความต้องการที่ไม่เพียงพอในการรักษาโรคหอบหืด" ดร.คาร์ลอส อี.บาเอนา-คาญานี จากมหาวิทยาลัยคาทอลิกยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ คอร์โดบา เมืองคอร์โดบา ประเทศอาร์เจนติน่า ในนามองค์กรโรคภูมิแพ้โลก กล่าวว่า "ผู้ป่วยที่ไม่ได้รับประทานยารักษาโรคหอบหืดตามคำแนะนำนั้น รายงานระบุว่าโรคหอบหืดของพวกเขามีผลกระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของพวกเขามากขึ้น ส่วนคนไข้ที่มีการศึกษาและได้รับการบำบัดรักษาที่ดีกว่าอาจกล่าวถึงบางประเด็นที่หยิบยกขึ้นมาในการสำรวจครั้งนี้ และทำให้ผลการรักษาคนไข้ประเภทนี้ออกมาดีกว่า"
รายงานที่ไม่ต่อเนื่องกันเกี่ยวกับจำนวนของเวลาที่ใช้ในการให้ความรู้แก่ผู้ป่วยจากผลการสำรวจในแต่ละประเทศ ผู้ป่วยและแพทย์ได้รายงานถึงผลการประเมินที่แตกต่างกันว่า การให้ความรู้ในระหว่างที่เดินไปตามสำนักงานต่างๆนั้นใช้เวลาไปเท่าใด โดยผู้ป่วย 23% ทั่วโลกได้ประเมินว่าไม่มีเวลาในการหารือกันทางด้านเทคนิคสำหรับการจัดการเรื่องโรคหอบหืดให้ประสบความสำเร็จในระหว่างที่มีการเดินทางเยือนบริษัทต่างๆ ด้านแพทย์ 87% ประเมินว่า การเดินทางเยือนสำนักงานมากในสัดส่วนถึงครึ่งหนึ่ง
ผลการศึกษาที่มีค่าอีกชิ้นหนึ่งนั้นคือ ผู้ป่วยถึงครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยที่ได้รับการสำรวจไม่เคยพูดคุยเรื่องผลข้างเคียงในระยะสั้นและระยะยาวกับแพทย์ของตนเอง อย่างไรก็ตาม แพทย์จำนวนมากได้ระบุว่า พวกเขาได้พูดคุยถึงเรื่องผลข้างเคียงกับผู้ป่วยของตนเองแล้ว
ผลสำรวจ GAPP ไม่เพียงแต่อธิบายหรือกำหนดขอบเขตความต้องการที่ยังไม่บรรลุผลในด้านการรักษาหอบหืด แต่ยังเปิดให้เห็นว่ามีความสัมพันธ์กันโดยตรงระหว่างการสื่อสารระหว่างแพทย์กับผู้ป่วยและองค์ประกอบในการรักษา โดยผู้ป่วยที่ได้พูดคุยกับแพทย์มากกว่าเกี่ยวกับเทคนิคในการรักษาโรคหอบหืดให้ประสบความสำเร็จนั้น มีผลการรักษาที่ดีและสอดคล้องกับขั้นตอนในการรักษา
ผู้ป่วยและแพทย์เห็นชอบว่า มีความจำเป็นที่จะใช้การแพทย์เพื่อการรักษาหอบหืดที่ได้มีการปรับปรุงแล้ว
แม้ว่าการประเมินด้านการจัดการกับโรคหอบหืดจะแตกต่างกัน แต่แพทย์และผู้ป่วยก็เห็นพ้องต้องกันว่า การรักษาอาการหอบหืดในปัจจุบันยังคงเป็นไปได้น้อยกว่าที่ได้มีการคาดหวังกันไว้ในระดับสูง ในขณะที่แพทย์จำนวนมาก (95%) เชื่อว่า ICS เป็นมาตรฐานระดับทองคำสำหรับการรักษาอาการหอบหืด แพทย์ยังได้รายงานถึงความพึงพอใจอย่างน้อยที่สุดกับผลข้างเคียงที่ปรากฎอยู่ใน ICS
แพทย์ 85% ระบุว่า จะสั่ง ICS รูปแบบใหม่หาก ICS มีคุณสมบัติด้านความปลอดภัยและความทนทาน โดยเฉพาะ ICS ใหม่ๆที่มีประสิทธิภาพที่สามารถเปรียบเทียบได้และความทนทานที่ได้รับการปรับปรุงแล้ว ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากผู้ป่วยกลุ่มย่อยที่หลากหลาย ที่ได้มีการพัฒนาเพื่อรักษาผู้ป่วยที่มีอาการหอบหืดและได้รับผลข้างเคียงที่รุนแรงในการใช้ชีวิต
เกี่ยวกับคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านการสำรวจ GAPP
คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านการสำรวจ GAPP ประกอบด้วยองค์กรมืออาชีพและกลุ่มที่สนับสนุนผู้ป่วย ดังนี้
* องค์กรโรคภูมิแพ้โลก
องค์กรโรคภูมิแพ้โลก (WAO) เป็นองค์กรในระดับสากลที่ประกอบไปด้วยสมาชิกที่เป็นองค์กรด้านโรคภูมิแพ้ หอบหืด และภูมิคุ้มกันบกพร่องทางการแพทย์จากทั่วโลก ด้วยการจัดตั้งชุมชนที่ประกอบไปด้วยสมาชิก WAO ได้จัดการอบรม การบรรยาย และการสัมนาในประเทศสมาชิก 92 ประเทศ องค์กรก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2494 และได้จัดการประชุมครั้งใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ 18 ครั้ง
* วิทยาลัยโรคภูมิแพ้ หอบหืด และภูมิคุ้มกันแห่งอเมริกา
วิทยาลัยโรคภูมิแพ้ หอบหืด และภูมิคุ้มกันวิทยาแห่งอเมริกา (ACAAI) เป็นสมาคมวิชาชีพของสหรัฐฯที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกันวิทยา 4,900 ราย ACAAI ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2485 มุ่งมั่นที่จะปรับปรุงคุณภาพการดูแลรักษาผู้ป่วยด้วยโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกันวิทยาผ่านการวิจัย การสนับสนุน และการให้การศึกษาแก่ประชาชน
*องค์กรเครือข่ายโรคภูมิแพ้หืด/สาเหตุของโรคหืด
องค์กรเครือข่ายโรคภูมิแพ้หืด/สาเหตุของโรคหืด (AANMA) ก่อตั้งขึ้นในปี 2528 AANMA เป็นเครือข่ายครอบครัวในสหรัฐอเมริกาที่มุ่งมั่นจะหายจากโรคภูมิแพ้และโรคหืด แต่ไม่สามารถเอาชนะได้
คณะทำงานที่ทำการสำรวจ GAPP
*ไมเคิล เอส. บลาอิสส์, มหาวิทยาลัยศูนย์สุขภาพศาสตร์เทนเนสซี่ เมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซี่ สหรัฐอเมริกา ในนามวิทยาลัยโรคภูมิแพ้ หืดหอบ และภูมิคุ้มกันวิทยาแห่งอเมริกk
*คาร์ลอส อี. บาเอนา-คาญานิ, มหาวิทยาลัยคาทอลิคแห่งคอร์โดบา เมืองคอร์โดบา อาร์เจนตินา ในนามองค์กรโรคภูมิแพ้โลก
*จี. วอลเตอร์ คาโนนิกา, มหาวิทยาลัยเจโนวา เมืองเจโนวา อิตาลี ในนามองค์กรโรคภูมิแพ้โลก
*โรนัลด์ ดาห์ล, โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยอาร์ฮุส แผนกโรคทางเดินหายใจ, เมืองอาร์ฮุส เดนมาร์ค ในนามองค์กรโรคภูมิแพ้โลก
*ไมเคิล เอ. คาลิเนอร์, สถาบันโรคหืดและภูมิแพ้ เมืองเชวี่ เชส รัฐแมรี่แลนด์ สหรัฐอเมริกา ในนามองค์กรโรคภูมิแพ้โลก
*แนนซี่ แซนเดอร์, เครือข่ายโรคภูมิแพ้และหืด/สาเหตุของโรคหืด เมืองแฟร์แฟกซ์ รัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา
*เออร์คกา เจ. วาโลเวอร์ทา, ศูนย์โรคภูมิแพ้เทอร์คู เมืองเทอร์คู ฟินแลนด์ ในนามองค์กรโรคภูมิแพ้โลก
การออกแบบการศึกษาและวิธีการศึกษา
แฮร์ริส อินเตอร์แอคทีฟ (Harris Interactive) ดำเนินการสำรวจในนามของคณะกรรมการที่ปรึกษาการสำรวจ GAPP ผ่านทางอินเทอร์เน็ท ทางโทรศัพท์ และการสัมภาษณ์แบบเผชิญหน้า ระหว่างวันที่ 18 พ.ค.-24 ส.ค. 2548
การสำรวจทำการสัมภาษณ์บุคคลทั้งหมด 3,459 ราย (ผู้ใหญ่ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหืดทั้งหมด 1,726 ราย และคณะแพทย์ทั่วไปและเฉพาะทางที่รักษาผู้ใหญ่เหล่านั้น 1,733 ราย) ใน 16 ประเทศ ซึ่งได้แก่ ออสเตรเลีย เบลเยี่ยม บราซิล แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี ไอร์แลนด์ อิตาลี ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ แอฟริกาใต้ สเปน สวิตเซอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา กลุ่มตัวอย่างสำหรับแต่ละประเทศเป็นผู้ป่วยและแพทย์ 100 ราย ยกเว้นในสหรัฐฯที่กลุ่มตัวอย่างของแต่ละกลุ่มมีจำนวน 200 ราย คณะแพทย์ที่ทำการสำรวจต้องมีเกณฑ์ดังต่อไปนี้: มีส่วนเกี่ยวข้องกับทางการแพทย์เป็นเวลาอย่างน้อย 3-30 ปีจนถึงปัจจุบัน, พบผู้ป่วยโรคหืดที่เป็นผู้ใหญ่อย่างน้อย 3 รายต่อสัปดาห์, เขียนใบสั่งยาสำหรับยาหืดอย่างน้อย 1 ฉบับต่อสัปดาห์ ส่วนแพทย์ทั่วไปรวมถึงแพทย์ประจำครอบครัว แพทย์ทั่วไป แพทย์อายุรกรรม และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งรวมถึงแพทย์ภูมิแพ้วิทยา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคปอด และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคทางเดินหายใจ
ข้อมูลในสหรัฐฯเป็นเพียงข้อมูลเดียวที่ได้รับการพิเคราะห์ ข้อมูลของแพทย์ถูกพิจารณาจากความสามารถเฉพาะทางของแพทย์ เพศ และประสบการณ์ที่ทำการรักษาที่จะสะท้อนถึงลักษณะของแพทย์ในประวัติของนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสมาคมทางการแพทย์อเมริกา ข้อมูลของผู้ป่วยพิจารณาจากเพศ การศึกษา อายุ ครอบครัว รายได้ และภูมิภาคที่อาศัยอยู่ที่จะสะท้อนถึงลักษณะของผู้ป่วยโรคหืดที่เป็นผู้ใหญ่จากการสัมภาษณ์เรื่องสุขภาพระดับชาติ ข้อมูลจากประเทศอื่นๆที่ทำการสำรวจไม่ได้นำมาพิจารณาด้วย
เกี่ยวกับโรคหอบหืด
โรคหอบหืดเป็นโรคทางปอดชนิดเรื้อรังที่เกิดจากการอักเสบในระบบทางเดินหายใจ ซึ่งส่งผลให้มีการกีดขวางระบบทางเดินหายใจเพื่อตอบรับกระตุ้นบางอย่าง โดยภูมิแพ้เป็นสาเหตุให้ผู้ใหญ่จำนวน 50% เป็นโรคหอบหืด บุคคลที่ประสบปัญหาภูมิแพ้บนผิวหนังมีแนวโน้มว่าบุคคลนั้นๆหรือครอบครัว จะมีความอ่อนไหวต่อโรคและสร้างไอจีอี แอนติบอดี้ต่อสารที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ โดยบ่อยครั้งต้องเผชิญกับเชื้อภูมิแพ้มากกว่า 1 ชนิดและโรคเยื่อเมือกทางช่องจมูกอักเสบอันเป็นอาการภูมิแพ้ ด้วยอาการอันเป็นลักษณะเฉพาะซึ่งรวมทั้งการหายใจหอบ ไอ และช่องทางเดินหายใจบีบรัด ซึ่งเป็นสาเหตุของการหายใจติดขัดและสามารถทำให้ถึงแก่ความตายได้
โกลบอล อินิชิเอทีฟ ฟอร์ แอธม่า (GINA) ระบุว่า ประชาชนมากกว่า 300 ล้านคนทั่วโลกเป็นโรคหอบหืด ด้วยอัตราผู้เสียชีวิตจากโรคหอบหืดทั่วโลกมากกว่า 180,000 รายต่อปี
เกี่ยวกับแฮร์ริส อินเตอร์แอ็คทีฟ (R)
แฮร์ริส อินเตอร์แอ็คทีฟ อิงค์. (Harris Interactive Inc.) (www.harrisinteractive.com) ซึ่งตั้งอยู่ที่โรเชสเตอร์ นิวยอร์ก เป็นองค์การวิจัยตลาดที่มีการเติบโตเร็วที่สุดในโลกเป็นอันดับ 13 โดยเป็นที่รู้จักกันดีในแบบสำรวจเดอะ แฮร์ริส โพลล์ (R) และสำหรับความเป็นผู้นำในการบุกเบิกอุตสาหกรรมการวิจัยตลาดแบบออนไลน์ แฮร์ริส อินเตอร์แอ็คทีฟได้รับการจดจำจากลูกค้ามายาวนานสำหรับการเสนอความเข้าใจถ่องแท้อันนำมาซึ่งการตัดสินใจทางธุรกิจอย่างมั่นใจ บริษัทได้ผสมผสานวิทยาศาสตร์แห่งการวิจัยที่มีการเปลี่ยนแปลง เข้ากับศิลปะแห่งการให้คำปรึกษาทางกลยุทธ์เพื่อส่งตรงความรู้ที่นำไปสู่คุณค่าที่ยั่งยืนและสามารถประเมินค่าได้
แฮร์ริส อินเตอร์แอ็คทีฟให้บริการลูกค้าทั่วโลกผ่านทางสำนักงานในสหรัฐอเมริกา ยุโรป (www.harrisinteractive.com/europe) และเอเชีย รวมทั้งบริษัทย่อยโนวาทริสในปารีส ฝรั่งเศส (www.novatris.com) และผ่านทางเครือข่ายบริษัทวิจัยตลาดระดับโลกที่เป็นอิสระ
ที่มา: องค์กรโรคภูมิแพ้โลก (WAO)
ติดต่อ: ราเชล เพลล์, องค์กรโรคภูมิแพ้โลก
+1-646-935-4137
rachel.pell@ketchum.com
--เผยแพร่โดย เอเชียเน็ท (www.asianetnews.net)--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ