กลุ่มพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญโรคเบาหวานทั่วโลกเรียกร้องให้จัดการโรคเบาหวานอย่างเต็มที่ เพื่อป้องกันการสูญเสียและภาระค่าใช้จ่ายสูง

ข่าวต่างประเทศ Monday September 18, 2006 09:21 —Asianet Press Release

โคเปนเฮเกน--18 ก.ย.--พีอาร์นิวส์ไวร์-เอเชียเน็ท/อินโฟเควสท์
- การเรียกร้องจากทั่วโลกให้เคลื่อนไหว โดยผู้เชี่ยวชาญด้านโรคเบาหวานจากยุโรป ละตินอเมริกา เอเชีย สหรัฐฯ แคนาดา และออสเตรเลีย
- ผู้เชี่ยวชาญโรคเบาหวานกล่าวว่า :
- เราต้องปรับปรุงเรื่องการจัดการโรคเบาหวาน
- เราต้องเพิ่มการรับรู้เรื่องอินซูลินด้วยการให้ความรู้ว่า อินซูลินเป็นแนวทางการรักษาที่เหมาะสม
- เราต้องลดภาระที่เพิ่มขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนของโรคเบาหวาน
EASD ซึ่งเป็นรายงานผลการสำรวจความคิดเห็นที่มีการเปิดเผยในวันนี้ กำลังเรียกร้องให้เร่งดำเนินการปรับปรุงการจัดการโรคเบาหวานอย่างจริงจัง รายงานผลการสำรวจความคิดเห็นถือเป็นเสียงเรียกร้องจากทั่วโลกเพื่อให้เกิดการเคลื่อนไหวขึ้น ภายหลังการประชุมผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการยอมรับ 25 คนจากประเทศต่างๆ 16 ประเทศ
โรคเบาหวานกำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลกระทบต่องบประมาณด้านสุขภาพอย่างมีนัยสำคัญ และยังส่งผลให้ความคาดหวังในการมีชีวิตอยู่ลดลงด้วย ทั้งนี้ ได้มีการจัดตั้งกลุ่มพันธมิตรเพื่อหาแนวทางแก้ไขภาระระดับโลกที่สร้างกังวลในเรื่องนี้ หลังจากที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับผลการสำรวจระหว่างประเทศครั้งสำคัญที่ชื่อว่า "Optimizing Control in Diabets (OPTIMIZE) Survey" ในประชาชนเกือบ 1,500 คนที่เป็นโรคเบาหวานประเภทที่ 2 จาก 7 ประเทศ ถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับทัศนคติที่มีต่อการจัดการโรคเบาหวาน ซึ่งสรุปได้ว่ามีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งที่พบอุปสรรคในการไปให้ถึงเป้าหมายการควบคุมน้ำตาลในเลือดอย่างเหมาะสม
"โรคเบาหวานเป็นโรคที่กำเริบเร็ว และผู้ป่วยเกือบทุกคนที่เป็นโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ซึ่งปัจจุบันกำลังควบคุมอาการของโรคด้วยการควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย และบำบัดรักษาทางปาก จะต้องใช้อินซูลิน ซึ่งเป็นการรักษาตามมาตรฐานหลักสำหรับการจัดการโรคเบาหวานที่ประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตาม การบำบัดรักษาจะประสบความสำเร็จได้ถ้าผู้ป่วยเต็มใจที่จะใช้วิธีการรักษาแบบนั้น ผลการวิจัยทางการแพทย์เมื่อไม่นานมานี้บ่งชี้ว่า ครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยที่ใช้ยารักษาโรคเบาหวานทางปากซึ่งไปไม่ถึงเป้าหมายในการควบคุมน้ำตาลในเลือดนั้น กำลังประวิงเวลาอย่างน้อย 4-6 เดือนก่อนที่จะเริ่มใช้การรักษาด้วยอินซูลิน แม้แต่ผู้ป่วยที่ทุกข์ทรมานจากภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานที่ไม่อาจควบคุมได้ อาทิ โรคเกี่ยวกับระบบประสาทและโรคที่เกี่ยวกับม่านตา ซึ่งอาจทำให้ตาบอดได้นั้น ยังคงประวิงเวลาในการรักษาด้วยอินซูลิน" ศาสตราจารย์เซฟาลู แห่งศูนย์วิจัยไบโอเมดิคอล เพนนิงตัน เมืองบาตองรูจ มลรัฐหลุยเซียนา สหรัฐอเมริกา กล่าว
ผลสำรวจ OPTIMIZE ซึ่งมุ่งเน้นทัศนคติของผู้ป่วยที่มีต่อการจัดการโรคเบาหวาน ทำให้ข้อมูลเหล่านี้มีน้ำหนักและยังเผยให้เห็นถึงประเด็นต่างๆที่น่าสนใจเกี่ยวกับการรับอินซูลินที่จำเป็นในการแก้ไข
ศาสตราจารย์เคฟาลู กล่าวต่อไปว่า "เรื่องนี้กระตุ้นเพื่อนร่วมงานของผมและผมในการสร้างความร่วมมือซึ่งพวกเราได้พัฒนารายงานการประชุม โดยเราหวังว่าจะเพิ่มการรับรู้และการตระหนักถึงปัญหาได้มากกว่านี้ รวมทั้งกระตุ้นให้ผู้ป่วยและผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพยึดติดกับคำแนะนำสำหรับการแทรกแซงเนิ่นๆตามที่ได้มีการร้องขอ"
การเรียกร้องให้มีการเคลื่อนไหว
รายงาน OPTIMIZE Consensus Report พิจารณาการปฏิบัติที่สำคัญ เพื่อช่วยพิชิตอุปสรรคของการควบคุมเลือดในน้ำตาลซึ่งรวมถึง
การสร้างสิ่งแวดล้อมที่เปิดรับได้ง่าย
-- การสร้างการรับรู้ในภาคสาธารณและการให้อำนาจผู้ป่วยต้องได้รับการพัฒนา
-- ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพต้องได้รับการศึกษาที่ดีขึ้นเกี่ยวกับอินซูลินและอุปสรรคในการรักษา เพื่อที่ผู้เชี่ยวชาญจะได้สามารถสื่อถึงความสำคัญของการควบคุมน้ำตาลในเลือดกับผู้ป่วยได้
-- ผู้กำหนดนโยบายสุขภาพต้องเข้าใจเรื่องค่าใช้จ่ายของการรักษาโรคเบาหวาน
การสื่อสารถึงความสำคัญเพื่อบรรลุถึงเป้าหมาย
-- ช่วยปรับปรุงความเข้าใจของผู้ป่วยว่าการรักษาด้วยอินซูลินอาจจำเป็นในท้ายที่สุด เนื่องจากธรรมชาติของโรคเบาหวาน ควรจะมีการพิจารณโดยาเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
-- อินซูลินควรจะมีการใช้อย่างเหมาะสมและไม่สายเกินไป
-- ความนิยมชมชอบของผู้ป่วยเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการตัดสินใจการรักษาทั้งหมด เพื่อสร้างความกล้าหาญในการจัดการตนเองอย่างเที่ยงตรง
บทบาทที่สำคัญของการรักษาด้วยการใช้อินซูลินรูปแบบใหม่โดยไม่ต้องฉีดยา
-- การหาหนทางเพิ่มการยอมรับการรักษาด้วยอินซูลินอาจช่วยให้เข้าถึงเป้าหมายการลดระดับน้ำตาลในเลือด ทางเลือกในการรักษาใหม่ เช่น การสูดเอาอินซูลินเข้าไปในร่างกายสามารถนำไปสู่ผลความสำเร็จที่มากขึ้นสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
"อินซูลินเป็นวิธีการรักษาเพื่อลดน้ำตาลในเลือดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในขณะนี้ แต่ไม่ได้รับการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิด 2 เรียนรู้ที่จะกลัวอินซูลินมากกว่าการเห็นประสิทธิภาพของการรักษา ซึ่งสามารถช่วยพวกเขารักษาระดับการควบคุมน้ำตาลในเลือดได้ ความกลัวนี้เป็นความกลัวที่ฝังแน่นมาจากแพทย์บางรายที่ใช้การรักษาอินซูลินในการข่มขู่ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการยินยอมในช่วงขั้นต้นของโรคเบาหวาน แต่ในความเป็นจริงอินซูลินเป็นวิถีทางที่มีประสิทธิภาพและเป็นธรรมชาติในการควบคุมน้ำตาลในเลือด รายงาน OPTIMIZE Consensus Report เน้นย้ำถึงการไม่เต็มใจใช้หรือการเพิ่มความจริงจังในการรักษาด้วยอินซูลินบ่อยครั้งเกิดจากปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการฉีดยา เราต้องกำจัดความกลัวดังกล่าวนี้และปรับปรุงการจัดการโรคเบาหวาน ซึ่งรวมถึงการเพิ่มการยอมรับอินซูลิน ด้วยการสื่อสารถึงประโยชน์จากการใช้อินซูลินในฐานะการรักษาที่ใช้งานได้ดี หากเราต้องการลดภาพความหวาดกลัวที่เคยมีเพิ่มขึ้นจากโรคนี้" ศาสตราจารย์ แมทธิว แห่งมหาวิยาลัยเลอเวน ในเบลเยี่ยม กล่าว
จำนวนผู้ป่วยโรคเบาหวานเพิ่มมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งนับเป็นตัวเลขในระดับของโรคระบาดเลยทีเดียว ด้วยจำนวนผู้ป่วยโรคเบาหวานราว 230 ล้านคนทั่วโลก และคาดว่าในอนาคตจะเพิ่มขึ้นแตะที่ 350 ล้านคนในปี 2578 หลักฐานที่ปรากฎว่าการจัดการระดับน้ำตาลในเส้นเลือดที่ไม่มีประสิทธิภาพจะมีผลให้เกิดผลกระทบอันสืบเนื่องมาจากโรคเบาหวาน เช่น การสูญเสียการมองเห็น เนื้อตาย ไตวาย หัวใจล้มเหลว และความเสียหายในระบบประสาท ทั้งนี้โรคเบาหวานเป็นสาเหตุอันดับ 4 ของการเกิดโรคร้ายที่เป็นอันตรายถึงชีวิตทั่วโลก ทั้งนี้การรักษาโรคที่เกิดจากผลกระทบของการเป็นโรคเบาหวานมีค่าใช้จ่ายในการรักษามากที่สุดในประเทศที่ 2.86 แสนล้านดอลล่าร์ต่อปี
ศาสตราจารย์แมทธิว ยังกล่าวด้วยว่า "การควบคุมตัวเองของผู้ป่วยเป็นสิ่งจำเป็นในการเห็นถึงผลสำเร็จของการรักษา หากคนไข้ไม่ชอบการรักษาของตนเอง พวกเขามีแนวโน้มที่ต้องจัดการตัวเองให้เป็นไปตามที่แพทย์กำหนด ด้วยการปรับปริมาณอินซูลินตามความต้องการของคนไข้อย่างเหมาะสม ตลอดจนเสนอทางเลือกในการรักษาที่คนไข้พึงพอใจ เพื่อช่วยให้การรักษาคนไข้สัมฤทธิ์ผลได้
เกี่ยวกับผลสำรวจออพติไมซ์( OPTIMIZE )
ผลสำรวจออพติไมซ์จัดทำขึ้นโดยบริษัท แฮร์ริส อินเตอร์แอ็คทีฟ (Harris Interactive) บริษัทวิจัยชั้นนำระดับโลกในนามของไฟเซอร์ (Pfizer) โดยผลสำรวจมาจากประชาชน 1,444 คนที่เป็นโรคเบาหวานประเภท 2 ในเดือนก.ค.และส.ค. 2548 ด้วยตัวแทนจากแต่ละประเทศในจำนวนที่เท่ากัน อาทิ สหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี สเปน เม็กซิโก และบราซิล ผลการสำรวจของออพติไมซ์สามารถเข้าชมได้ตามต้องการ
เกี่ยวกับพันธมิตรของออพติไมซ์
พันธมิตรของออพติไมซ์ประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคเบาหวาน 25 ราย จาก 16 ประเทศที่ประชุมกันในเดือนก.พ. 2548 เพื่อหารือถึงผลของการสำรวจจากออพติไมซ์ ซึ่งการประชุมดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากไฟเซอร์
สมาชิกที่เป็นพันธมิตรของออพติไมซ์ประกอบด้วย
Professor Maarten Kamp Australia Dr. Elizabeth Philippines
Fernando
Dr. Michael Walter Roden Austria Dr. Rima Tan Philippines
Professor Chantal Mathieu Belgium Professor Wladyslaw Poland
Grzeszczak
Dr. Freddy Goldberg Brazil Professor Jacek Poland
Eliaschewitz Sieradzki
Dr. Jorge Gross Brazil Professor Krzysztof Poland
Strojek
Dr. Keith Bowering Canada Dr. Javier Ampudia Spain
Dr. Lawerence Leiter Canada Dr. Pedro Luis de Spain
Pablos-Velasco
Professor Bernard France Professor Peter Diem Switzerland
Charbonnel
Professor Sotirios Raptis Greece Professor Nick UK
Freemantle
Dr. Bipin Kumar Sethi India Professor Stephen UK
Gough
Professor Geremia Bolli Italy Dr. William Cefalu USA
(Chair)
Dr. Fernando Lavalle Mexico Dr. Jaime Davidson USA
Dr. Sergio Zuniga-Gujardo Mexico
ข้อมูลอ้างอิง
(1) International Diabetes Federation. http://www.idf.org/home/index.cfm?unode=3B96906B-C026-2FD3-87B73F80BC22682A
Last accessed 14 July, 2006.
(2) UK Prospective Diabetes Study (UKPDS) Group. Intensive blood-glucose control with sulphonylureas or insulin compared with conventional treatment and risk of complications in patients with type 2 diabetes (UKPDS 33). Lancet. 1998
Sep 12;352(9131):837-53.
(3) Diabetes Control and Complications Trial Research group. The effect of intensive diabetes treatment on the development and progression of long-term complications in insulin- dependent diabetes mellitus: The Diabetes Control and
Complications Trial. N Engl J Med 1993; 329:978-986.
(4) International Diabetes Federation. Diabetes Atlas 2nd edition. 2003
ที่มา: ไฟเซอร์
ติดต่อ: ลูซี่ ฮาร์เปอร์ แห่ง เวเบอร์ แชนวิค
โทร +0-20-7-067-0220, or
อีเมล์ lharper@webershandwick.com
--เผยแพร่โดย เอเชียเน็ท ( www.asianetnews.net )--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ