นางพิรมล เจริญเผ่า อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้รัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบให้ไทยเข้าร่วมโครงการนาร่องที่ผู้ส่งออกจะสามารถรับรองถิ่นกาเนิดสินค้าด้วยตนเอง ในการส่งออกสินค้าไปยังประเทศอินโดนีเซีย ลาวและ ฟิลิปปินส์ แทนการใช้หนังสือรับรอง Form D ที่ออกโดยหน่วยงานรัฐเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ที่เพิ่งผ่านมานี้เอง รัฐสภาได้ไฟเขียวให้ไทย สามารถที่จะเข้าร่วมโครงการ นาร่องการรับรอบถิ่นกาเนิดสินค้าด้วยตนเอง โครงการที่ 2 ร่วมกับอินโดนีเซีย ลาว และฟิลิปปินส์ พร้อมกับเห็นชอบการแก้ไขระเบียบปฏิบัติเรื่องถิ่นกาเนิดสินค้าอาเซียน เรื่องการแจ้งราคา FOB ในหนังสือรับรองถิ่นกาเนิดสินค้าอาเซียน ซึ่งตรงนี้จะเป็นการช่วยอานวยความสะดวกทางการค้าแก่ผู้ส่งออกได้เป็นอย่างดี”
นางพิรมล ระบุว่าโครงการนี้เป็นโครงการนาร่องที่ 2 ของอาเซียน ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังจากโครงการ นาร่องแรกที่ใช้อยู่ระหว่างไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย และบรูไน ซึ่งทั้งสองโครงการจะดาเนินการคู่ขนานกันไปจนถึงปี 2558 โดยเป็นเป้าหมายที่อาเซียนทั้ง 10 ประเทศ จะเริ่มต้นใช้ระบบการรับรองถิ่นกาเนิดสินค้าด้วยตนเองโดยผู้ส่งออกในภูมิภาค
สาหรับประโยชน์ในการเข้าร่วมโครงการ อธิบดีกรมเจรจาการค้าฯมองว่า จะช่วยเพิ่มทางเลือกให้ ผู้ส่งออกไทยในการส่งออกสินค้าไปยังอินโดนีเซีย ลาว และฟิลิปปินส์ ได้เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเตรียม ความพร้อมให้กับหน่วยงานรัฐและภาคเอกชนไทย ก่อนที่ใช้ระบบจริงในปี 2558 โดยทั้งสามประเทศจะเริ่มดาเนินโครงการในเดือนมีนาคม 2556 และคาดว่าไทยจะสามารถเข้าร่วมดาเนินการภายในกลางปีนี้
นางพิรมล กล่าวในท้ายสุดว่า การที่รัฐสภาเห็นชอบการปรับปรุงกฎว่าด้วยถิ่นกาเนิดสินค้าของอาเซียน ก็เพื่อให้มีการรับรองถิ่นกาเนิดสินค้าที่ง่ายต่อการปฏิบัติ และเพื่อสนับสนุนการเป็นตลาดและฐานการผลิตร่วมภายใต้ AEC ซึ่งจากนี้ไปผู้ส่งออกจะแจ้งราคา FOB ในหนังสือรับรองถิ่นกาเนิดสินค้า Form D เฉพาะเมื่อสินค้านั้นผลิตตามเกณฑ์ที่ใช้วัตถุดิบในอาเซียน (RVC) คิดเป็นมูลค่าร้อยละ 40 ซึ่งจาเป็นต้องอ้างอิงราคาในการตรวจสอบว่าสินค้านั้นได้เกณฑ์สินค้าอาเซียนหรือไม่
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เลขที่ 44/100 ถ.นนทบุรี1 ต. บางกระสอ อ. เมือง จ. นนทบุรี 11000
โทรศัพท์ (66) 2507-7444 แฟกซ์ (66) 2547-5630