จับตาสหรัฐฯ ถอนตัวออกจากความตกลงปารีส (Paris Agreement) หวังลดต้นทุนเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันด้านราคา

ข่าวเศรษฐกิจ Monday June 5, 2017 15:36 —กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

เมื่อวันที่ 2มิถุนายน 2560 นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่าตามที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศว่าสหรัฐฯ จะถอนตัวจากความตกลงปารีส (Paris Agreement) ซึ่งเป็นความตกลงที่มีวัตถุประสงค์เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อลดโลกร้อน และมีสมาชิก 195ประเทศ รวมทั้งประเทศไทยนั้น จะทำให้สหรัฐฯ ไม่ต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเคยสัญญาไว้ตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีบารัก โอบามา ที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงร้อยละ 26-28 จากระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปี 2548(2005) ให้ได้ภายในปี 2568(2025) และไม่ต้องให้เงินสนับสนุนในกองทุน GreenClimate Fund เพื่อเป็นเงินสำหรับให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศกำลังพัฒนาในการจัดทำโครงการด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อลดโลกร้อนอีกต่อไป โดยที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้สัญญาว่าจะให้เงินสนับสนุนเข้ากองทุนดังกล่าวเป็นจำนวนมากที่สุดถึง 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และในสมัยของประธานาธิบดีบารัก โอบามา ได้มีการจ่ายเงินเข้าสู่กองทุนแล้ว 1,000ล้านเหรียญสหรัฐ

อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ได้แสดงความเห็นเพิ่มเติมในส่วนของผลกระทบในเชิงการค้าว่าจากการถอนตัวของสหรัฐฯ จากความตกลงดังกล่าว จึงมีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลและภาคส่วนต่างๆ ของสหรัฐฯ อาจลดความสำคัญต่อการดำเนินการด้านการป้องกันและแก้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมลง เนื่องจากสหรัฐฯ ไม่มีพันธกรณีที่ต้องปฏิบัติตามภายใต้ความตกลงปารีสแล้ว และอาจส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวกับสินค้าและบริการด้านสิ่งแวดล้อมภายในสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบเนื่องจากความต้องการที่ลดลง และก็เป็นไปได้ว่าสหรัฐฯ อาจจะนำเข้าสินค้าและบริการด้านสิ่งแวดล้อมจากต่างประเทศลดลงด้วย

แม้ว่าการที่สหรัฐฯ ไม่ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จะทำให้สหรัฐฯ สามารถลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจได้ในระยะสั้น เนื่องจากไม่ต้องมีการลงทุนเพื่อปรับกระบวนการผลิตเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งจะส่งผลในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านราคาของสินค้าที่ส่งออกจากสหรัฐฯ แต่ในระยะยาวจะมีผลต่อความพยายามเพื่อการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและลดโลกร้อน โดยเฉพาะสหรัฐฯ เป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ขณะเดียวกันสินค้าและบริการของสหรัฐฯ ที่ส่งออกก็น่าจะได้รับผลกระทบ เนื่องจากผู้บริโภคในประเทศที่ให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อมอาจต่อต้านสินค้าของสหรัฐฯ และมีความเป็นไปได้ที่สินค้าเหล่านั้นจะถูกเก็บภาษีสิ่งแวดล้อมเพิ่มเติม จากประเทศผู้นำเข้าที่ให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยมีรายงานว่าสาธารณรัฐประชาชนจีนและสหภาพยุโรป จะมีแถลงการณ์ร่วมยืนยันว่าจะยังเดินหน้าตามข้อผูกพันภายใต้ความตกลงปารีสในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อไป

ทั้งนี้ คาดว่ากระบวนการในการถอนตัวจากการเป็นภาคีความตกลงปารีสจะใช้ระยะเวลาประมาณ 4ปี ก่อนที่การถอนตัวจากความตกลงปารีสจะเสร็จสิ้นอย่างเป็นทางการ โดยการถอนตัวของสหรัฐฯ คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2563(2020) ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ จะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

กระทรวงพาณิชย์

3 มิถุนายน 2560

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เลขที่ 44/100 ถ.นนทบุรี1 ต. บางกระสอ อ. เมือง จ. นนทบุรี 11000

โทรศัพท์ (66) 2507-7444 แฟกซ์ (66) 2547-5630


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ