กรมเจรจาฯ เผย AFTA ช่วยดันการค้าไทย-อาเซียน เติบโตต่อเนื่องกว่าร้อยละ 14 ในปี 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday October 30, 2018 13:50 —กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า การค้าระหว่างไทยกับประเทศอาเซียนในฐานะกลุ่มประเทศที่มีการจัดทำเขตการค้าเสรี หรือ FTA ฉบับแรกของไทย ตั้งแต่ปี 2536 มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 (มกราคม–กันยายน) มีมูลค่าการค้ารวมระหว่างกันสูงถึง 85,127.3 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 14.7 จำแนกเป็นการส่งออก 51,036.9 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.6 และนำเข้า 34,090.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.1 โดยอาเซียนยังครองตำแหน่งเป็นประเทศคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย ด้วยสัดส่วนการค้ามากถึงร้อยละ 22.6 รองลงมาเป็นประเทศจีน (ร้อยละ 15.7) และญี่ปุ่น (ร้อยละ 11.8)

นางอรมน ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า จากการติดตามการใช้สิทธิประโยชน์จากการลดภาษีศุลกากรภายใต้ FTA ของอาเซียน (AFTA) ซึ่งอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ ลดภาษีศุลกากรสินค้ากว่าร้อยละ 98-99 ของรายการสินค้าทั้งหมดเป็นร้อยละ 0 แล้ว โดย 6 ประเทศอาเซียนดั้งเดิม ได้แก่ บรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย ลดเป็นร้อยละ 0 ตั้งแต่ปี 2553 ขณะที่ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม (CLMV) ลดเป็นร้อยละ 0 ตั้งแต่ 1 มกราคม 2561 พบว่า ในช่วง 8 เดือนแรก (มกราคม–สิงหาคม) ของปี 2561 ไทยส่งออกสินค้าไปอาเซียนโดยใช้สิทธิภายใต้ AFTA มูลค่า 17,853.3 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือร้อยละ 39.2 ของการส่งออกไทยไปโลก โดยมีสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ รถยนต์และอุปกรณ์ น้ำมันสำเร็จรูป เม็ดพลาสติก และเคมีภัณฑ์ สำหรับการนำเข้าสินค้าจากอาเซียนโดยใช้สิทธิภายใต้ AFTA มูลค่า 6,241 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 20.5 ของการนำเข้าจากโลก โดยมีสินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ น้ำมันดิบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ และก๊าซธรรมชาติ ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว พบว่า ไทยใช้สิทธิ AFTA ส่งสินค้าออกไปและนำเข้ามาจากอาเซียนเพิ่มขึ้น โดยใช้สิทธิส่งออกเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 17 และใช้สิทธินำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.6 อันเป็นผลสืบเนื่องจากที่ไทยส่งออกไปยัง CLMV เพิ่มขึ้นจากการลดภาษีศุลกากรในกรอบอาเซียนของ CLMV ประกอบกับสมาชิกอาเซียนได้พัฒนาระบบการอำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างกันมากขึ้น

นางอรมน กล่าวเสริมว่า ในวาระที่ไทยจะดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนต่อจากสิงคโปร์ ในปี 2562 ถือเป็นโอกาสที่จะเผยแพร่ประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการที่มีศักยภาพของไทยต่อผู้บริโภคอาเซียน เพื่อขยายลู่ทางการค้า โดยเฉพาะในเมืองใหม่ๆ ของอาเซียนที่ผู้ส่งออกไทยยังไม่เคยเข้าไปทำตลาด ขณะเดียวกันไทยก็สามารถใช้เวทีการประชุมต่างๆ ของอาเซียนที่จะจัดขึ้นในไทย เพื่อแสวงหาความร่วมมือทางการค้าตลอดจนแสดงศักยภาพสินค้าและบริการของไทยสู่อาเซียนและชาวโลกด้วย

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

กระทรวงพาณิชย์

26 ตุลาคม 2561

ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ