กรมเจรจาฯ เผย FTA ไทย-เปรู และไทย-ชิลี ทำการค้าไทยกับลาตินอเมริกาขยายตัว

ข่าวเศรษฐกิจ Friday November 23, 2018 14:31 —กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ชี้ความตกลงการค้าเสรีไทย-เปรู และไทย-ชิลี ส่งผลให้มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับลาตินอเมริกาขยายตัวต่อเนื่อง แต่ระยะทางและภาษายังเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับนักธุรกิจไทย

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์การค้าระหว่างไทยกับประเทศกลุ่มลาตินอเมริกาในช่วงที่ผ่านมา พบว่ามูลค่าการค้ามีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 9 เดือนแรก (มกราคม-กันยายน) ของปี 2561 มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับลาตินอเมริกา อยู่ที่ 9,789.2 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนหน้า ร้อยละ 5.7 ซึ่งเป็นการส่งออก 6,255.7 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้า 3,533.6 ล้านเหรียญสหรัฐ และในจำนวนนี้มีประเทศที่ไทยได้จัดทำ FTA ด้วย ได้แก่ ชิลี และเปรู โดยการค้ากับชิลีมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ความตกลงการค้าเสรี ไทย-ชิลี มีผลใช้บังคับเมื่อปลายปี 2558 ซึ่งชิลีและไทยได้ลดภาษีศุลกากรระหว่างกันเหลือร้อยละ 0 ไปแล้ว ร้อยละ 90 ของรายการสินค้าทั้งหมด ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 10 จะทยอยลดภาษีเหลือร้อยละ 0 ในปี 2563 และปี 2566 โดยในช่วง 9 เดือน (มกราคม-กันยายน) ของปี 2561 การค้าระหว่างไทยกับชิลี มีมูลค่า 998 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนหน้า ร้อยละ 18.2 แบ่งเป็นการส่งออก 632.1 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้า 365.9 ล้านเหรียญสหรัฐ และในมูลค่าการส่งออกไปชิลีนั้น มีการใช้สิทธิส่งออกภายใต้ FTAไทย-ชิลี (มกราคม-สิงหาคม) สูงถึง 545.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นการใช้สิทธิเต็มจำนวนรายการสินค้าที่ได้รับสิทธิ ขณะที่นำเข้าโดยใช้สิทธิ 32.5 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 9.6 ของมูลค่าการนำเข้ารวม

สำหรับการค้ากับเปรู ไทยจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทย-เปรู และมีผลใช้บังคับเมื่อปลายปี 2554 ซึ่งไทยและเปรูได้มีการปรับลดอัตราภาษีศุลกากรเป็น 0 ไปแล้ว (Early Harvest) ร้อยละ 70 ของรายการสินค้าทั้งหมด โดยเปรูได้เปิดตลาดให้กับสินค้าส่งออกสำคัญของไทย อาทิ ยานยนต์บางรายการ อุปกรณ์ไฟฟ้า และเครื่องจักรกล เป็นต้น ซึ่งจากการติดตามสถิติการค้าระหว่างไทยกับเปรูในช่วง 9 เดือน (มกราคม-กันยายน) ของปี 2561 พบว่า มีมูลค่า 348.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากระยะเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 5.1 แบ่งเป็นการส่งออก 245 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้า 103.2 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยการส่งออกไปเปรูมีการใช้สิทธิส่งออกภายใต้ FTAไทย-เปรู (มกราคม-สิงหาคม) 9.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 62 คิดเป็นสัดส่วนการใช้สิทธิร้อยละ 89.8 ขณะที่นำเข้าโดยใช้สิทธิ 17 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 18.8 ของมูลค่าการนำเข้ารวม

นางอรมน กล่าวเพิ่มเติมว่า ระยะทางที่ห่างไกลและภาษาสเปนที่ชิลีและเปรูใช้ ทำให้ยังเป็นอุปสรรคในการค้าและการลงทุนของนักธุรกิจไทย ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงควรเร่งพัฒนาศักยภาพ พร้อมกับศึกษาข้อมูลตลาดและพฤติกรรมการอุปโภคบริโภคสินค้าของผู้บริโภคชิลีและเปรู เพื่อสามารถเข้าถึงความต้องการของผู้บริโภคอันจะช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันให้มากขึ้น อีกทั้งควรแสวงหาโอกาสและประโยชน์จากความตกลงเปิดตลาดการค้าเสรี ซึ่งผู้ประกอบการและผู้สนใจสามารถตรวจสอบข้อมูลอัตราภาษีภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ของไทยและของประเทศชิลีและเปรู รวมถึงประเทศคู่เจรจาอื่นๆ เพิ่มเติม ได้ที่เว็บไซต์ www.dtn.go.th หรือที่ http://tax.dtn.go.th

ทั้งนี้ ชิลีและเปรูเป็นคู่ค้าอันดับ 3 และ 4 ของไทยในภูมิภาคลาตินอเมริกา รองจากบราซิลและอาร์เจนตินา โดยสินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปชิลีและเปรู ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เครื่องซักผ้าและเครื่องซักแห้งฯ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบฯ และผลิตภัณฑ์ยาง สินค้านำเข้าสำคัญของไทยจากชิลีและเปรู ได้แก่ สินแร่โลหะอื่นๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง แปรรูปฯ ผัก ผลไม้และของปรุงแต่งที่ทำจากผัก ผลไม้ เยื่อกระดาษและเศษกระดาษ และปุ๋ย ยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์ เป็นต้น

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

กระทรวงพาณิชย์

22 พฤศจิกายน 2561

ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ