ขายเก่ง ! ‘จุรินทร์’ หารือประธานวุฒิสภาสวิส ดัน FTA ไทย-เอฟตา เป็นฉบับที่ 15 ต่อจาก RCEP ที่สำเร็จ เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้า ทำตลาดข้าวไทย

ข่าวเศรษฐกิจ Friday November 5, 2021 13:52 —กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

?จุรินทร์? หารือประธานวุฒิสภาสมาพันธรัฐสวิส เห็นพ้องผลักดันเจรจา FTA ไทย-EFTA ตั้งเป้าเจรจาระดับเจ้าหน้าที่ให้จบสิ้นปีนี้ ไตรมาสแรกปีหน้าเริ่มเจรจาประเด็นที่จะบรรจุใน FTA ย้ำจะให้จบเร็วที่สุด มั่นใจช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุน และขยายส่งออกสินค้าศักยภาพของไทยเพิ่ม ทั้งข้าว อาหารแปรรูป และสินค้าบริการทางการแพทย์ ชี้! หากสำเร็จจะเป็น FTA ฉบับที่ 15 ของไทย ต่อจาก RCEP ที่กำลังมีผลบังคับใช้ต้นปีหน้า

เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2564 เวลา 15.00 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และนายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ภายหลังประธานวุฒิสภาสมาพันธรัฐสวิส (นาย Alex Kuprecht) ขอเข้าเยี่ยมคารวะและหารือ ที่บริเวณหน้าห้องรับรอง 1 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ประธานวุฒิสภาสมาพันธรัฐสวิสได้นำคณะเข้าหารือเรื่องความสัมพันธ์ของสองประเทศและความสัมพันธ์ทางการค้า ระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติของสวิตเซอร์แลนด์ กับฝ่ายบริหารของกระทรวงพาณิชย์ประเทศไทย ประเด็นสำคัญที่เห็นตรงกัน คือ ต้องการผลักดันความตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไทยกับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (European Free Trade Association : EFTA) หรือ เอฟตา ประกอบด้วย 4 ประเทศ คือ สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์ ตั้งเป้าหมายว่าจะเจรจาในระดับเจ้าหน้าที่ให้จบในประเด็นสำคัญภายในสิ้นปีนี้ และไตรมาสแรกของปีหน้าจะเริ่มการเจรจาในแต่ละหัวข้อที่จะบรรจุใน FTA ของไทยกับเอฟตาต่อไป และตั้งเป้าจะเจรจาให้จบเร็วที่สุด เพราะหากมี FTA ไทยกับเอฟตา จะเป็นประโยชน์กับการค้าและการลงทุนระหว่างกัน และทำให้มูลค่าการค้าสองฝ่ายเพิ่มขึ้น

ปัจจุบันสวิตเซอร์แลนด์เป็นคู่ค้าที่มีความสำคัญลำดับที่ 13 ของไทย ในปี 2563 มีมูลค่าการค้ารวมประมาณ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และเนื่องจากสถานการณ์วิกฤตโควิด ทำให้มูลค่าการค้าสองฝ่ายในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 ลดลงเกือบครึ่งหนึ่ง เหลือประมาณ 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (-42%) แต่เชื่อมั่นว่าหาก FTA ไทยเอฟตาเกิดขึ้นได้ มูลค่าการค้าระหว่างกันจะขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการส่งออก ซึ่งไทยมีสินค้าที่จำเป็นและสามารถทำตลาดในกลุ่มประเทศเอฟตา รวมทั้งสวิตเซอร์แลนด์ได้ เช่น ข้าวพรีเมียม ข้าวคุณภาพสูง รวมทั้งอาหารสำเร็จรูปอาหารกระป๋อง อาหารแปรรูป และสินค้าที่เกี่ยวกับการบริการทางการแพทย์ เช่น เครื่องมือแพทย์ สินค้าเพื่อสุขภาพ ที่ไทยสามารถส่งออกไปยังกลุ่มประเทศเอฟตาได้

?ปัจจุบันไทยมี FTA แล้ว 13 ฉบับ และกำลังจะมีฉบับที่ 14 เกิดขึ้น คือ RCEP ซึ่งไทยได้ยื่นให้สัตยาบันต่อสำนักงานเลขาธิการอาเซียนแล้ว และกลุ่มประเทศอาเซียน 10 ประเทศ ต้องให้สัตยาบันอย่างน้อย 6 ประเทศ ซึ่งครบแล้ว และนอกกลุ่มอาเซียนมี 5 ประเทศให้สัตยาบันแล้ว 4 ประเทศ เป้าหมาย RCEP คือ ต้นปีหน้าจะสามารถบังคับใช้ได้ ซึ่งจะกลายเป็น FTA ฉบับที่ 14 ของไทย และหาก FTA ไทย-เอฟตา ประสบความสำเร็จจะเป็นฉบับที่ 15 ต่อไป? รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าว

กระทรวงพาณิชย์

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

4 พฤศจิกายน 2564

ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ