เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2551 ประธานาธิบดีแห่งคาซัคสถาน (นาย Nursultan Nazarbayev)ได้กล่าวถ้อยแถลงต่อพลเมืองคาซัคสถานเกี่ยวกับกลยุทธ์ในการพัฒนาประเทศคาซัคสถานในทศวรรษหน้า สาระสำคัญของถ้อยแถลง คือ - การสร้างความมั่นใจที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวคาซัคสถาน - การเสริมสร้างคุณภาพด้านการศึกษาและการสาธารณสุขให้ได้มาตรฐานที่ดีที่สุด - การเร่งพัฒนาความหลากหลายทางเศรษฐกิจ - การเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) - การบังคับใช้มาตรการต่างๆ เพื่อพัฒนาสังคมสู่ประชาธิบไตย ซึ่งจะเสริมให้รัฐสภาและสมัชชาต่างๆ มีบทบาทที่แข็งแกร่งมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การปรับเปลี่ยนรัฐธรรมนูญของประเทศคาซัคสถาน นโยบายต่างประเทศของคาซัคสถานให้ความสำคัญกับการสานสัมพันธไมตรีอันดีกับรัสเซียและจีน การพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนกับสหรัฐฯ และพัฒนาความร่วมมือต่างๆ กับสหภาพยุโรป “จากผลการดำเนินการในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ต่อไปนี้เราจะไม่เป็นประชากรของโลกที่สามอีกแล้ว” ประธานาธิบดีคาซัคสถานกล่าวหลังจากที่ได้ประกาศผลสำเร็จของการดำเนินการทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมือง ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GDP) ที่จะเพิ่มเป็น 2 เท่าในปี 2008 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2000 ดังจะเห็นได้จากความเจริญเติบโตของรายได้ประชาชาติต่อคนถึง 5000 เหรียญสหรัฐในปี 2006 และคาดว่าในปี 2007 จะเพิ่มถึง 6500 เหรียญสหรัฐ ประธานาธิบดีคาซัคยังกล่าวอีกว่า “ทุกวันนี้ คาซัคสถานได้สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและความเป็นรัฐ เรากำลังขับเคลื่อนเข้าสู่วาระใหม่ ซึ่งจะทำให้คาซัคสถานสามารถพัฒนาสู่เศรษฐกิจ สังคมและการเมือง และการบริหารที่ยั่งยืน ทันสมัย และมีความน่าเชื่อถือได้” การพัฒนาเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพจะทำให้สามารถนำทรัพยากรที่มีอยู่ไปฟื้นฟูด้านสวัสดิการสังคม ด้วยเหตุนี้ ประธานาธิบดีจึงมีนโยบายให้รัฐบาลใช้มาตรการต่างๆ เพื่อปรับปรุงสวัสดิการรัฐในการดูแลมารดาและบุตร การเพิ่มเบี้ยบำนาญ การเพิ่มค่าจ้างแรงงาน ในปี 2008 รัฐบาลจะเพิ่มเงินช่วยเหลือเป็นสองเท่าสำหรับเด็กแรกเกิด สำหรับผู้หญิงทำงานเมื่อตั้งครรภ์ก็จะได้รับเงินสวัสดิการจากนายจ้างตั้งแต่ช่วงเริ่มตั้งครรภ์จนถึงการลาคลอดเพื่อเลี้ยงดูบุตร รวมทั้งมาตรการต่างๆ เพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชากร โดยในปี 2008 รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 108 ล้าน tenge (1 เหรียญสหรัฐ = 120 tenge) เพื่อการพัฒนาข้างต้น ภายใน 3 ปีข้างหน้า รัฐบาลคาซัคสถานจะสร้างโรงเรียนและโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นอย่างละ 100 แห่งทั่วประเทศ ประธานาธิบดี Nazarbayev กล่าวว่า “เราจะทำให้การพัฒนาโครงสร้างทางสังคมเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของการดำเนินงานของเรา” ประธานาธิบดียังกล่าวต่อว่า การดำเนินการอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องภายใต้แผนยุทธศาสตร์ Kazakhstan-2030 จะเป็นพื้นฐานที่แข็งแกร่งสำหรับคาซัคสถานในการพัฒนาและก้าวทันโลก แผนยุทธศาสตร์ดังกล่าวได้ถูกกำหนดขึ้นตั้งแต่ช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำมากในปี 1997 ซึ่งได้กำหนดแนวทางการพัฒนาประเทศถึงปี 2030 การนำวิธีการที่เป็นระบบมาใช้นั้น เป็นสูตรสำคัญในการพัฒนาและขับเคลื่อนประเทศเพื่อให้ก้าวทันโลกในทศวรรษหน้า การจะทำให้คาซัคสถานสามารถเข้าร่วมและมีส่วนในตลาดโลกที่ไม่อยู่นิ่ง ทั้งในแง่ของสินค้า การบริการ แรงงาน เงินทุน ความคิดและเทคโนโลยีใหม่ๆ รัฐบาลคาซัคสถานจะต้องกำหนดเป้าหมาย 10 ประการ เช่น - นอกจากจะต้องสร้างความมั่นใจและการรักษาพัฒนาการทางเศรษฐกิจให้ยั่งยืนแล้ว ยังต้องบริหารจัดการให้เศรษฐกิจมีความเจริญเติบโตด้วย - รัฐบาลจะต้องพัฒนาแนวทางใหม่ๆ สำหรับการอุตสาหกรรมของคาซัคสถาน ต้องจำกัดการผูกขาดในส่วนที่เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ - ต้องเสริมสร้างระบบการเงินให้มีความแข็งแกร่ง การสร้างตลาดหลักทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพ - การเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก - การนำมาตรฐานสากลมาบังคับใช้ ทั้งหมดนี้ เป็นงานหลักของรัฐบาล จากเป้าหมายดังกล่าว คาซัคสถานจึงได้ดำเนินนโยบาย ดังนี้ - กำหนดให้คาซัคสถานเป็นตัวขับเคลื่อนในการพัฒนาเศรษฐกิจ เป็นผู้ที่มีบทบาทและประสบความสำเร็จในเศรษฐกิจโลก - การดำเนินการให้อุตสาหกรรมขุดเจาะมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น - การสร้างความมั่นใจให้มีการพัฒนาเศรษฐกิจในสาขาที่ไม่ใช่วัตถุดิบ รวมทั้งให้มีความหลากหลายทางเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น - การพัฒนาโครงสร้างพี้นฐานให้เหมาะสมกับบทบาทใหม่ของคาซัคสถานในเศรษฐกิจระดับภูมิภาคและระดับโลก - การปรับเปลี่ยนการบริหารจัดการโดยให้คำนึงถึงหลักปฏิบัติสากล - การส่งเสริมและหาลู่ทางและโอกาสให้กับ”คาซัคสถานใหม่” ในภูมิภาคเอเชียกลางและในโลก เป้าหมายที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ สร้างความมั่นใจว่าจะนำวิธีการ ความคิดและเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้เพื่อพัฒนาการฝึกอบรมด้านวิชาชีพและการศึกษา เพื่อสร้างพื้นฐานให้กับ “smart economy” หลักเกณฑ์สำคัญที่นำมาใช้วัดความสำเร็จของการพัฒนาการศึกษา คือ ความสำเร็จของชาวคาซัคสถานที่ได้รับการศึกษาและมีคุณวุฒิเป็นที่ยอมรับของทุกประเทศทั่วโลก ในความเชี่ยวชาญของชาวคาซัคสถาน ชาวคาซัคสถานต้องเรียนรู้ภาษาถึง 3 ภาษา กล่าวคือ 1) ภาษาคาซัค — ใช้เป็นภาษาท้องถิ่น 2) ภาษารัสเซีย — ใช้เป็นภาษาสื่อสารระหว่างชนชาติในภูมิภาค และ 3) ภาษาอังกฤษ - เป็นภาษาที่ใช้สำหรับการเข้าร่วมเศรษฐกิจโลก การปรับปรุงระบบการเมืองให้ทันสมัยก็เป็น 1 ใน 10 เป้าหมายหลัก ทั้งนี้ ต้องสร้างความมั่นใจว่า การเมืองมีเสถียรภาพ ในปี 2007 คาซัคสถานได้เริ่มปรับเปลี่ยนระบบทางการเมืองตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการว่าด้วยประชาธิปไตย ซึ่งได้รวบรวมข้อเสนอของพรรคการเมือง สมาคมต่างๆ ผู้เชี่ยวชาญ และประชาชนทั่วไป ประธานาธิบดีกล่าวย้ำว่า “สิ่งที่สำคัญ คือ ข้อเสนอแนะทั้งหมดจะต้องไม่เป็นการเลียนแบบจากประสบการณ์ของต่างชาติ หรือทฤษฎีที่ไม่มีตัวตนอย่างแท้จริง ข้อเสนอแนะทั้งหลายจะต้องสะท้อนถึงความต้องการที่แท้จริงของสังคมและความเป็นจริงของคาซัคสถาน คาซัคสถานจะมีรูปแบบของการปรับปรุงทางการเมืองเป็นแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งจะเป็นวิถีทางของช่วงเปลี่ยนผ่านของคาซัคสถาน วิถีทางดังกล่าว ได้แก่ การสงวนสิทธิ์ของประธานาธิบดีในการจัดตั้งรัฐบาล การเริ่มการปรับเปลี่ยนเป็นขั้นเป็นตอน การถ่วงดุลในการตัดสินใจ และการหารือกันระหว่างแก่นนำทางการเมือง ในการสร้างพื้นฐานสำหรับข้อเสนอแนะต่างๆ กลุ่มผู้เชี่ยวชาญได้เริ่มจัดทำข้อเสนอสำหรับแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฏหมายต่างๆ แล้ว โดยเสนอให้ดำเนินการ ดังนี้ 1. อำนาจของรัฐสภาจะต้องถูกกระจายออกไปด้วยการจัดตั้งคณะกรรมาธิการรัฐธรรมนูญ คณะกรรมาธิการการเลือกตั้งส่วนกลาง คณะกรรมาธิการด้านงบประมาณเพื่อพิจารณา ควบคุม และอนุมัติค่าใช้จ่ายของประเทศ โดยรัฐสภาจะมีบทบาทสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลด้วยเช่นกัน 2. ต้องเสริมสร้างมาตรการเพื่อให้พรรคการเมืองมีบทบาทมากขึ้น โดยการให้พรรคการเมืองต่างๆ มีอำนาจมากขึ้นในรัฐสภา และให้ได้รับเงินสนับสนุนจากงบประมาณแผ่นดิน ทั้งนี้ คาซัคสถานกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการขยาย party list ของการเลือกตั้งสู่สภาล่าง หรือที่เรียกว่า Majilis ด้วย 3. ทิศทางในการปรับปรุงที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ การปรับปรุงระบบยุติธรรม ในปีนี้ คาซัคสถานได้เริ่มนำระบบ jury trials มาใช้ และได้มอบอำนาจให้ศาลในการออกหมายจับ คาซัคสถานจะเข้าสู่ระบบกฏหมายที่ทันสมัยและเป็นระบบเปิดอย่างค่อยเป็นค่อยไป 4. จะมีการพัฒนาระบบผู้แทนท้องถิ่น หรือที่เรียกว่า maslikats รวมทั้งเสริมสร้างให้สมัชชาท้องถิ่นมีความแข็งแกร่งขึ้น “เป้าหมายโดยรวมของการปรับเปลี่ยนทางการเมืองสำหรับคาซัคสถาน คือ การขับเคลื่อนสู่องค์กรที่ทันสมัยและเป็นประชาธิปไตยที่สามารถบริหารจัดการสังคมและรัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการรักษาเสถียรภาพทางการเมืองให้กับประเทศและความอิสระเสรีของประชาชน” ประธานาธิบดีกล่าว การที่คาซัคสถานได้สะสมทุนทางเศรษฐกิจและการเมืองไว้อย่างแข็งแกร่ง ทำให้คาซัคสถานมีความตั้งใจที่จะมีความรับผิดชอบต่อนานาประเทศมากขึ้น คาซัคสถานจะดำเนินตามนโยบายต่างประเทศที่ครอบคลุมสาขาต่างๆ และเข้าร่วมการต่อสู้กับสิ่งที่เป็นภัยคุกคามต่อโลก ประธานาธิบดีได้ย้ำว่า “คาซัคสถานได้ให้ความร่วมมือ และจะให้ความร่วมมือระดับสากลโดยมุ่งเน้นเรื่อง การยุติ/ระงับนิวเคลียร์ การต่อสู้กับการก่อการร้าย ยาเสพติด และภัยคุกคามอื่นๆ” คาซัคสถานจะเสริมสร้างบทบาทของประเทศ ในการมีส่วนร่วมในความร่วมมือระดับภูมิภาคและระดับสากลในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ตั้งแต่เรื่องการสำรองพลังงาน การต่อสู้กับโรคระบาดและภัยธรรมชาติต่างๆ “ดังที่ประจักษ์แจ้งถึงความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านอันดี ได้แก่ รัสเซียและจีน ซึ่งคาซัคสถานให้ความสำคัญเป็นลำดับแรก รวมทั้งการพัฒนากลยุทธ์ความเป็นหุ้นส่วนกับสหรัฐอเมริกาและความร่วมมือในด้านต่างๆ กับสหภาพยุโรป” ประธานาธิบดี Nazarbayev เน้นย้ำ คาซัคสถานมีความตั้งใจที่จะมีบทบาทในการเสริมสร้างเสถียรภาพในภูมิภาค การส่งเสริมการรวมกลุ่มเศรษฐกิจของเอเชียกลาง และการสร้างตลาดที่มีพลวัตรในบริเวณทะเลดำและทะเลแคสเปียน ดังจะเห็นได้ว่า คาซัคสถานได้ริเริ่มความร่วมมือต่างๆ ในเอเชียกลาง เอเชีย และตะวันออกกลาง รวมทั้งการเสริมสร้างโครงสร้างต่างๆ ในภูมิภาคให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เช่น Eurasian Economic Community, the Conference on Interaction and Confidence Building in Asia and the Shanghai Cooperation Organization คาซัคสถานมีความตั้งใจที่จะเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาค เพื่อสร้างบรรยากาศการทำธุรกิจในเอเชียกลาง ซึ่งจะทำให้บริษัทคาซัคสามารถไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านได้อย่างเสรี และลดเลิกมาตรการต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการนำเข้าและส่งออก การเคลื่อนย้ายแรงงานและเงินทุน รวมทั้งการร่วมทุนระหว่างสถาบันการเงินต่างประเทศกับบริษัทคาซัคในการดำเนินโครงการต่างๆ ในประเทศเอเชียกลาง คาซัคสถานมีความตั้งมั่นที่จะมีบทบาทที่เข้มแข็งในการเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรม ศาสนา และการเชื่อมโยงชนชาติต่างๆ อย่างกลมกลืนกัน คาซัคสถานมีนโยบายที่จะส่งเสริมให้มีการเชื่อมโยงกลุ่มชนชาติและศาสนาต่างๆ ที่เป็นที่ยอมรับในสากลให้อยู่ร่วมกันอย่างสันติ “หากมีความจำเป็น คาซัคสถานยินดีที่จะเป็นตัวเชื่อมเพื่อหาทางออกให้กับความขัดแย้งต่างๆ นอกจากนี้ คาซัคสถานพร้อมที่จะร่วมมือกับประเทศที่สนใจที่จะขยายการเชื่อมโยงทางด้านอารยธรรม ซึ่งคาซัคสถานพร้อมที่จะริเริ่มกิจกรรมต่างๆ เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจระหว่างตะวันออกกับตะวันตกในเรื่องต่างๆ เพื่อให้ถูกต้องตามสมัย” ประธานาธิบดีกล่าว “การที่คาซัคสถานจะแสดงออกถึงความเป็นประเทศคาซัคสถานในรูปแบบใหม่ ในโลกใหม่ ใน 10 ปีข้างหน้า คาซัคสถานจะต้องรับมือกับสิ่งท้าทายต่างๆ ในปัจจุบันอย่างทันท่วงทีและเหมาะสม ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา มีตัวอย่างเด่นๆ ให้เราเห็นมากมาย ตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า มนุษย์สามารถยกระดับตนเองสู่การพัฒนาในระดับที่สูงขึ้น หากเขามีความตั้งใจที่จะทำให้สิ่งต่างๆ เป็นจริงได้ การที่เราจะประสบความสำเร็จได้ ต้องอาศัยความพยายามเพิ่มมากขึ้น และในบางกรณี ทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ นักวิทยาศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญต่างๆ อาจต้องปรับใช้วิธีการ และความคิดคำนึงที่ต่างๆ ไปจากเดิม” ประธานาธิบดีกล่าวสรุปทิ้งท้าย กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ อาคาร ค ถ.ราชดำเนินกลาง แขวงบวรนิเวศน์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 โทรศัพท์ (66) 2282-6171-9 แฟกซ์ (66) 2280-0775-พห-