พาณิชย์แจงสินค้าวัว-กระบือทะลักเข้าไทย ไม่เกี่ยวกับ FTA ไทย-ออสเตรเลีย และไทย-นิวซีแลนด์ ชี้สินค้าวัว-กระบือที่นำเข้าจากทั้งสองประเทศเป็นคนละประเภทกับที่นำเข้าจากพม่า ย้ำหากเดือดร้อนจากผลการทำ FTA มีกองทุนช่วยเหลือ
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงกรณีที่มีการกล่าวว่า ผลจากการเปิดเขตการค้าเสรีของไทยกับออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ เป็นเหตุให้สินค้าวัวและกระบือของทั้งสองประเทศทะลักเข้ามาตีตลาดในไทยนั้นไม่เป็นความจริง ซึ่งหากดูจากสถิติการนำเข้าสินค้าวัว-กระบือของไทยในปี 2550 มีมูลค่า 16.67 ล้านเหรียญสหรัฐ พบว่ามีมูลค่าลดลง 14.24% เมื่อเทียบกับปี 2547 ก่อนหน้าทำ FTA ไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) และไทย-นิวซีแลนด์ (TNZCEP) มีมูลค่า 19.44 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ เป็นการนำเข้าจากออสเตรเลีย 8.10 ล้านเหรียญสหรัฐ พม่า 3.58 ล้านเหรียญสหรัฐ นิวซีแลนด์ 2.67 ล้านเหรียญสหรัฐ และอื่นๆ 2.32 ล้านเหรียญสหรัฐ
หากพิจารณามูลค่าการนำเข้าเฉลี่ย 3 ปี (2548-2550) หลังที่ความตกลง TAFTA และ TNZCEP มีผลใช้บังคับ ไทยนำเข้าสินค้าวัว-กระบือจากออสเตรเลีย มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเพียง 0.66 % เมื่อเทียบกับ 3 ปีก่อนทำ FTA (2545-2547) โดยในช่วงปี 2548-2550 นำเข้าจากออสเตรเลียมูลค่า 3.37 , 4.93 และ 8.10 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามลำดับ สำหรับการนำเข้าจากนิวซีแลนด์ มีมูลค่า 1.04 , 2.13 และ 2.67 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามลำดับ จากสถิติจะเห็นว่าไม่มีการทะลักเข้ามาของสินค้าวัว-กระบือที่มีสาเหตุมาจากความตกลงฯ ทั้งสองประเทศอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ สินค้าวัว-กระบือ ที่ไทยนำเข้าจากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เป็นคนละประเภทกับที่นำเข้าจากพม่า โดยสินค้าที่ไทยนำเข้าจากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์จะเป็นชิ้นส่วนของวัว-กระบือ และมีการนำเข้าสินค้าวัว-กระบือสำหรับทำพันธุ์จากออสเตรเลียบ้างเล็กน้อย ในขณะที่นำเข้าจากพม่าเป็นวัว-กระบือ สำหรับทำพันธุ์และอื่นๆ นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาราคาต่อหน่วยของวัว-กระบือสำหรับทำพันธุ์ที่นำเข้าจากออสเตรเลียจะเห็นว่าราคาต่อหน่วยที่นำเข้าจากออสเตรเลียอยู่ที่ 10,177 เหรียญต่อหน่วย ขณะที่พม่าอยู่ที่ 115.03 เหรียญต่อหน่วย ต่างกันถึง 88 เท่า และเนื้อวัว-กระบือที่นำเข้าจากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ส่วนใหญ่จะนำไปใช้ในอุตสาหกรรมส่งออกและภัตตาคารระดับสูง ซึ่งเป็นคนละตลาดกับที่นำเข้าจากพม่า
“อย่างไรก็ดี ตามสัญญาที่ทำกับออสเตรเลียและนิวซีแลนด์จะต้องมีการเปิดตลาดโคเนื้อในอีก 12 ปีข้างหน้า ดังนั้น ผู้ประกอบการของไทยจำเป็นต้องเร่งปรับตัวเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ปรับปรุงคุณภาพการเลี้ยงและการฆ่าให้ถูกวิธี เพื่อรักษาคุณภาพโดยขายความสดเพื่อที่จะสามารถแข่งให้ได้กับสินค้านำเข้าที่จะมีราคาค่อนข้างสูง และเสียเปรียบต้องขนส่งไกล ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเนื้อแช่แข็ง ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้อนุมัติเงินจากกองทุน FTA สำหรับโครงการของอุตสาหกรรมวัว-กระบือ 2 โครงการ คือ โครงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของกลุ่มผู้เลี้ยงโคเนื้อ และโครงการรณรงค์บริโภคเนื้อโคและการขยายตลาดผลิตภัณฑ์เนื้อวัว งบประมาณรวมกว่า 9.2 ล้านบาท” อธิบดีกล่าว
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ อาคาร ค ถ.ราชดำเนินกลาง แขวงบวรนิเวศน์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 โทรศัพท์ (66) 2282-6171-9 แฟกซ์ (66) 2280-0775
-พห-