ภาวะเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไตรมาสที่ 2 ปี 2554 ขยายตัวเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนแต่ชะลอลงจากไตรมาสก่อน โดยด้านอุปสงค์ ขยายตัวตามการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน การลงทุนภาคเอกชน แต่การเบิกจ่ายของภาครัฐลดลงจากไตรมาสก่อน ขณะที่ด้านอุปทาน ภาคอุตสาหกรรมยังขยายตัว ส่วนภาคเกษตรกรรม ภาคการค้าชะลอลงจากไตรมาสก่อน สำหรับอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ 4.48 เร่งตัวขึ้นจากไตรมาสก่อน
รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจการเงินภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีดังนี้
1. ด้านการผลิต
ดัชนีมูลค่าผลผลิตพืชผลสำคัญสูงขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 25.8 ชะลอลงจากที่ขยายตัวร้อยละ 41.0 ในไตรมาสก่อน โดยดัชนีผลผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.3 และดัชนีราคาพืชผลเกษตรสูงขึ้นร้อยละ 6.4 เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของผลผลิตและราคาของข้าวเปลือกและยางพาราเป็นสำคัญ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาเฉลี่ยเกวียนละ 13,128 บาท หดตัวจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 1.3 เนื่องจากพ่อค้ายังมีสต็อกเพียงพอต่อการส่งมอบ ทำให้ชะลอการรับซื้อจากเกษตรกร สำหรับราคาข้าวเปลือกเหนียวเฉลี่ยเกวียนละ 14,432 บาท สูงขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 26.0 เนื่องจากความต้องการที่สูงขึ้น โดยเฉพาะภายในประเทศ หัวมันสำปะหลัง ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 2.37 บาท ลดลงจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 11.4 ตามทิศทางของราคาส่งออกที่เริ่มชะลอตัวตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ประกอบกับผู้ประกอบการยังมีสต็อกเพียงพอต่อการส่งมอบ และฝนที่ตกมากทำให้หัวมันมีเปอร์เซ็นต์แป้งต่ำลง อ้อยโรงงาน ราคาเฉลี่ยตันละ 1,097.30 บาท หดตัวจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 9.0 เนื่องจากมีผลผลิตออกสู่ตลาดมากตามการขยายตัวของพื้นที่เพาะปลูก ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ราคายังอยู่ในเกณฑ์ดีเฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.91 บาท สูงขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 9.9 เนื่องจากความต้องการของโรงงานอาหารสัตว์ขยายตัวดี ยางพารา ราคายางแผ่นดิบชั้น 3 ยังอยู่ในเกณฑ์ดี เฉลี่ยกิโลกรัมละ 147.3 สูงจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 44.5 เนื่องจากตลาดส่งออกยังขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเทศจีน
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในไตรมาสที่ 2 ของปี 2554 ขยายตัวจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 23.8 จากการผลิตในอุตสาหกรรมน้ำตาลโดยเฉพาะน้ำตาลทรายขาวซึ่งผลิตเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 58.3 เนื่องจากมีปริมาณอ้อยเข้าสู่โรงงานมากกว่าปีก่อน และอุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.6 โดยเป็นการผลิตเพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่คาดว่าจะขยายตัวมากขึ้น สำหรับอุตสาหกรรมผลิตเพื่อการส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในกลุ่ม Hard Disk Drive (HDD) หดตัวร้อยละ 21.3 เป็นผลจากการชะลอคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ ขณะที่อุตสาหกรรมมันสำปะหลังการผลิตลดลงเนื่องจากวัตถุดิบเข้าสู่โรงงานลดลงและมีการเร่งเก็บเกี่ยวแล้วในช่วงต้นฤดูกาล
ภาคการค้า ขยายตัวจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 7.7 ชะลอลงจากไตรมาสก่อน ตามการชะลอตัวการค้าทุกหมวด โดยเฉพาะจากการค้าปลีกในหมวดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และยานยนต์เป็นสำคัญ
2. ด้านอุปสงค์
การอุปโภคบริโภคภาคเอกชนขยายตัวจากระยะเดียวกันของปีก่อนทั้งการใช้จ่ายสินค้าจำเป็นและสินค้าคงทนแม้รายได้เกษตรกรชะลอลง แต่การว่างงานก็ยังอยู่ในระดับต่ำ สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มและการจดทะเบียนยานยนต์ขยายตัวต่อเนื่อง การลงทุนภาคเอกชน ขยายตัวจากระยะเดียวกันของปีก่อน โดยเงินทุนโรงงานอุตสาหกรรมที่ประกอบกิจการใหม่ขยายตัวสูงจากโรงงานทำผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือนจากเมลามีนเป็นสำคัญ และเงินทุนจดทะเบียนธุรกิจตั้งใหม่หดตัวเนื่องจากในช่วงเดียวกันของปีก่อนมีเงินทุนจดทะเบียนสูงจากบริษัทรับเหมาก่อสร้างและบริษัทจำหน่ายกระแสไฟฟ้า ส่วนมูลค่าโครงการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอหดตัวจากระยะเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่หลายโครงการในช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับการก่อสร้างภาคเอกชนขยายตัวต่อเนื่องจากการก่อสร้างทุกหมวดของพื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลเมืองและเทศบาลนคร
ภาคการคลัง รายได้ของภาครัฐบาลจากการจัดเก็บภาษีอากรทั้งสิ้น 13,542.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 16.6 เป็นผลจากการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นทุกประเภท โดยเฉพาะการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาภาษีธุรกิจเฉพาะ ภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก และภาษีเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ สำหรับการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ 63,155.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 25.5 เป็นผลจากรายจ่ายลงทุนที่ขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนเป็นสำคัญ หากนับรวมการเบิกจ่ายของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 การเบิกจ่ายรวมลดลงร้อยละ 7.0
3. ภาคต่างประเทศ
การค้าชายแดนไทย - ลาว ขยายตัวสูงร้อยละ 42.3 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นทั้งการส่งออกและการนำเข้า สินค้าสำคัญที่ไทยส่งออกไปลาว ได้แก่ หมวดคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ โดยเฉพาะชิ้นส่วนในฮาร์ดดิสก์ ซึ่งมีบางส่วนมีการส่งต่อไปยังประเทศจีนและเวียดนาม หมวดน้ำมันเชื้อเพลิง หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค ส่วนใหญ่เป็นเครื่องดื่มบำรุงกำลัง หมวดยานพาหนะและอุปกรณ์ หมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อนำไปใช้ในโครงการก่อสร้าง ส่วนสินค้าสำคัญที่ไทยนำเข้าจากลาว ยังเป็นสินแร่ทองแดง เครื่องใช้ไฟฟ้า และเสื้อผ้าสำเร็จรูปจากประเทศจีน
การค้าชายแดนไทย - กัมพูชา (ด้านจังหวัดสุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี) ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 38.7 โดยเฉพาะการส่งออกหมวดน้ำมันเชื้อเพลิง หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค ส่วนสินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นได้แก่ หมวดวัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะปูนซีเมนต์ ผลิตภัณฑ์คอนกรีต และวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ หมวดเครื่องใช้ไฟฟ้า หมวดเครื่องจักรกลการเกษตร โดยเฉพาะรถไถและอุปกรณ์
4. ภาวะการเงิน
ธนาคารพาณิชย์ เงินฝากคงค้างขยายตัว จากการแข่งขันกันระดมเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ และเงินฝากกระแสรายวันและออมทรัพย์ของส่วนราชการเพื่อรอการใช้จ่าย สำหรับสินเชื่อคงค้างขยายตัวต่อเนื่อง ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจที่ขยายตัว สะท้อนจากสินเชื่อเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล สินเชื่อเช่าซื้อ สินเชื่อตัวกลางทางการเงินและสินเชื่อตั๋วเงินเพื่อเป็นทุนหมุนเวียนของภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น
สถาบันการเงินเฉพาะกิจ เงินฝากคงค้าง ขยายตัวต่อเนื่องตามการขยายตัวของเงินฝากของธนาคารออมสินและสินเชื่อคงค้างขยายตัวต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อตามนโยบายของรัฐ จากธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
5. เสถียรภาพราคาและการจ้างงาน
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในไตรมาสที่ 2 ของปี 2554 อยู่ที่ร้อยละ 4.48 สูงขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ร้อยละ 3.87 ตามการสูงขึ้นของราคาสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่มร้อยละ 8.40 โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ ข้าว ไข่ และเครื่องประกอบอาหาร สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 1.91 ใกล้เคียงกับร้อยละ 1.90 ในไตรมาสก่อน
ภาวะการจ้างงาน ไตรมาสที่ 2 ของปี 2554 การจัดหางานของรัฐในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีผู้สมัครงาน จำนวน 32,654 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.2 และมีผู้ได้รับการบรรจุงานจำนวน 16,971 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.4 เมื่อเทียบกับ ระยะเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มีตำแหน่งงานว่างจำนวน 13,141 อัตรา ลดลงร้อยละ 26.9
แรงงานไทยจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ขออนุญาตเดินทางไปทำงานต่างประเทศ มีจำนวน 22,726 คน ลดลงร้อยละ 2.0 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน ตามการลดลงของแรงงานที่เดินทางไปทำงานในประเทศสวีเดน สิงคโปร์ บรูไน กาตาร์และลิเบีย จังหวัดที่มีแรงงานไทยขออนุญาตเดินทางไปทำงานต่างประเทศมากที่สุดคือ อุดรธานี นครราชสีมา และขอนแก่น ตามลำดับ
ส่วนเศรษฐกิจภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย
สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นายโรจน์ลักษณ์ ปรีชา เศรษฐกรอาวุโส
E-mail: [email protected]
โทร: 0-4333-3000 ต่อ 3411
ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย