แถลงข่าวเศรษฐกิจและการเงินเดือนมกราคม ปี 2557

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday February 28, 2014 16:40 —ธนาคารแห่งประเทศไทย

ฉบับที่ 6/2557

เศรษฐกิจเดือนมกราคม 2557 โดยรวมหดตัวจากเดือนก่อนตามภาวะการส่งออก ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองมากขึ้น ขณะเดียวกันครัวเรือนและธุรกิจยังระมัดระวังในการใช้จ่าย ส่งผลให้การบริโภค การลงทุน และการผลิตภาคอุตสาหกรรมยังคงอ่อนแอด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อปรับสูงขึ้นตามการส่งผ่านต้นทุนไปยังราคาอาหารสำเร็จรูปที่มากขึ้น การว่างงานอยู่ในระดับต่ำ ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลจากการเกินดุลบริการ รายได้และเงินโอนดุลเงินทุนเคลื่อนย้ายขาดดุลจากการชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นจากต่างประเทศของสถาบันรับฝากเงินและการขายหลักทรัพย์ของนักลงทุนต่างชาติเป็นสำคัญ ในภาพรวมดุลการชำระเงินเกินดุล

รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจไทยมีดังนี้

การส่งออกสินค้ามีมูลค่า 17,656 ล้านดอลลาร์ สรอ. หดตัวร้อยละ 1.5 จากระยะเดียวกันปีก่อน ตามการหดตัวของ 1) การส่งออกยานยนต์ที่อุปสงค์จากประเทศในภูมิภาคอาเซียนและออสเตรเลียชะลอลง2) การส่งออกสินค้าประมงและสินค้าเกษตรแปรรูปที่ยังเผชิญปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบจากโรคระบาดในกุ้งและ 3) การส่งออกสินค้าเกษตรทั้งข้าวและยางพาราจากผลของราคาที่ลดลงเป็นสำคัญ เนื่องจากจีนลดการนำเข้าหลังจากที่เร่งนำเข้าไปแล้วในช่วงก่อนหน้า นอกจากนี้ การส่งออกเหล็กและโลหะได้รับผลของฐานสูงในปีก่อนที่ได้รับผลดีจากการยกเลิกมาตรการทุ่มตลาดของประเทศคู่ค้า อย่างไรก็ดี การส่งออกสินค้าบางหมวดอาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักรและอุปกรณ์ รวมทั้งปิโตรเคมี ปรับดีขึ้นต่อเนื่องตามทิศทางการฟื้นตัวของอุปสงค์จากต่างประเทศ

ภาคการท่องเที่ยวชะลอตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อน โดยได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางการเมืองมากขึ้นและจากการประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศในเดือนนี้มีจำนวน 2.3 ล้านคนขยายตัวร้อยละ 0.1 จากระยะเดียวกันปีก่อน ชะลอลงจากที่ขยายตัวร้อยละ 6.7 ในเดือนก่อน ตามการลดลงของนักท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียเป็นสำคัญ อาทิ จีนและมาเลเซีย

การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนมีทิศทางทรงตัวจากเดือนก่อน เนื่องจากประชาชนยังระมัดระวังในการใช้จ่าย ประกอบกับความเชื่อมั่นของครัวเรือนและธุรกิจได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมืองแต่หากเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนทั้งการบริโภคและการลงทุนหดตัว โดยดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนหดตัวร้อยละ 1.5 ตามการใช้จ่ายในสินค้าคงทนโดยเฉพาะยานยนต์ที่หดตัวจากฐานที่สูงในปีก่อนและความต้องการซื้อยานยนต์ใหม่ที่น้อยลงเป็นสำคัญ ขณะที่การใช้จ่ายสินค้าไม่คงทนหดตัวในบางหมวดโดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย สำหรับดัชนีการลงทุนภาคเอกชนหดตัวร้อยละ 8.6 จากระยะเดียวกันปีก่อนตามการลงทุนทั้งในหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์และในหมวดก่อสร้าง เนื่องจากผู้ประกอบการบางส่วนเลื่อนการลงทุนออกไปเพื่อรอประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมือง

อุปสงค์โดยรวมที่อ่อนแอส่งผลให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมทรงตัวจากเดือนก่อน แต่หากเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวร้อยละ 6.4 ส่วนใหญ่เป็นผลจากการผลิตที่ลดลงของ1) ยานยนต์ที่ได้เร่งผลิตไปมากในปีก่อน ประกอบกับคำสั่งซื้อต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นไม่เพียงพอที่จะชดเชยคำสั่งซื้อในประเทศที่ลดลง 2) เบียร์ที่ผลิตลดลงตามยอดขายที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และ 3) กุ้งแช่แข็งที่ยังประสบปัญหาโรคระบาด

อุปสงค์โดยรวมที่ชะลอตัวต่อเนื่องส่งผลให้การนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าทุน วัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางหดตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน ประกอบกับการนำเข้าทองคำลดลงมาก ส่งผลให้การนำเข้าโดยรวมมีมูลค่า 18,405 ล้านดอลลาร์ สรอ. หดตัวร้อยละ 12.9 จากระยะเดียวกันปีก่อน แต่เมื่อหักการนำเข้าทองคำจะทำให้การนำเข้าหดตัวร้อยละ 2.3

รายได้เกษตรกรขยายตัวร้อยละ 6.6 จากระยะเดียวกันปีก่อน จากผลทั้งทางด้านราคาและผลผลิตโดยราคาขยายตัวตามราคาปาล์มน้ำมันและมันสำปะหลังที่ปรับสูงขึ้นตามความต้องการในการผลิตพลังงานทดแทน รวมทั้งราคากุ้งและปศุสัตว์ที่ผลผลิตไม่เพียงพอกับความต้องการ อย่างไรก็ดี ราคาข้าวยังคงลดลงตามราคาในตลาดโลกเนื่องจากผลผลิตของประเทศผู้ผลิตสำคัญเพิ่มขึ้น รวมทั้งมีการระบายสต็อกข้าวของทางการไทยส่วนราคายางพาราปรับลดลงเนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น ในขณะที่ความต้องการที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะจากจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าหลักยังไม่มากพอที่จะทำให้ราคาปรับขึ้นได้ สำหรับผลผลิตทางการเกษตรขยายตัวตามผลผลิตข้าวและมันสำปะหลังที่ปริมาณน้ำและภูมิอากาศเอื้ออำนวย รวมถึงผลผลิตยางพาราที่เพิ่มขึ้นตามการขยายพื้นที่เพาะปลูกในช่วงก่อนหน้า

ภาครัฐใช้จ่ายโดยรวมเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน ตามการเบิกจ่ายค่าจ้างและเงินเดือน รวมทั้งค่าใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าและบริการของรัฐบาลที่สามารถเบิกจ่ายได้ตามปกติ ขณะที่รายจ่ายลงทุนบางส่วนล่าช้าออกไปเพราะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมือง สำหรับรายได้นำส่งลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนตามภาษีสรรพสามิต สอดคล้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ชะลอลง และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ลดลงจากการปรับโครงสร้างภาษีที่มีผลบังคับใช้สำหรับเงินได้ปี 2556 รายจ่ายที่มากกว่ารายได้ทำให้รัฐบาลขาดดุลเงินสด 70.5 พันล้านบาท

สำหรับเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับสูงขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 1.93 ตามการส่งผ่านต้นทุนก๊าซหุงต้ม (LPG) และเครื่องประกอบอาหารไปยังราคาอาหารสำเร็จรูป การว่างงานอยู่ในระดับต่ำดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลจากการเกินดุลบริการ รายได้และเงินโอน ดุลเงินทุนเคลื่อนย้ายขาดดุลจากการชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นจากต่างประเทศของสถาบันรับฝากเงินและการขายหลักทรัพย์ของนักลงทุนต่างชาติเป็นสำคัญในภาพรวมดุลการชำระเงินเกินดุล

ธนาคารแห่งประเทศไทย

ข้อมูลเพิ่มเติม: ทีมเศรษฐกิจมหภาค

โทร. 0 2283 5647, 0 2283 5648

e-mail: MPGMacroEconomics@bot.or.th

ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ