แถลงข่าวเศรษฐกิจและการเงินเดือนพฤศจิกายน 2558

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 30, 2015 15:51 —ธนาคารแห่งประเทศไทย

ฉบับที่ 63/2558

ในเดือนพฤศจิกายน 2558 เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการใช้จ่ายภายในประเทศ ทั้งการใช้จ่ายภาครัฐที่ทำได้ดีต่อเนื่องและการใช้จ่ายภาคเอกชนที่ส่วนหนึ่งได้รับผลบวกจากปัจจัยชั่วคราวตามการเร่งซื้อรถยนต์ก่อนการปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตในปีหน้า รวมทั้งภาค การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดี อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังคงถูกถ่วงด้วยการส่งออกสินค้าที่หดตัวต่อเนื่องจากผลของการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและอาเซียน ประกอบกับราคาน้ำมันในตลาดโลกที่อยู่ในระดับต่ำมีผลกดดันราคาสินค้าส่งออกหลายชนิด การผลิตในภาคอุตสาหกรรมและการลงทุนภาคเอกชนจึงยังอยู่ในระดับต่ำ

ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังคงติดลบตามราคาพลังงาน อัตราการว่างงานอยู่ในระดับใกล้เคียงกับเดือนก่อน ขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลสูงจากมูลค่าการนำเข้าที่อยู่ในระดับต่ำ สอดคล้องกับภาวะอุตสาหกรรมที่ยังไม่เข้มแข็ง

รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจไทยมีดังนี้

การใช้จ่ายภาครัฐยังเป็นแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ในเดือนนี้รายจ่ายภาครัฐขยายตัวร้อยละ 17.0 จากระยะเดียวกันปีก่อน จากทั้งงบประจำและงบลงทุนที่ทำได้ดีต่อเนื่อง โดยรายจ่ายลงทุนส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในโครงการด้านคมนาคมและชลประทาน นอกจากนี้ การลงทุนของรัฐวิสาหกิจปรับสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานไฟฟ้า ขณะที่การจัดเก็บรายได้ขยายตัวร้อยละ 24.0 จากระยะเดียวกันปีก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากปัจจัยชั่วคราวตามการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตโดยเฉพาะในหมวดรถยนต์ และอีกส่วนหนึ่งสะท้อนจากการใช้จ่ายในประเทศที่ทยอยฟื้นตัว

เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนมีทิศทางปรับดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 เพราะแม้รายได้ของครัวเรือนในภาคเกษตรยังตกต่ำ แต่รายได้ของครัวเรือนนอกภาคเกษตรที่เพิ่มขึ้นและราคาน้ำมันที่ลดลงต่อเนื่องมีส่วนช่วยพยุงกำลังซื้อของภาคครัวเรือน เมื่อประกอบกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับดีขึ้นจึงส่งผลให้การบริโภคสินค้าไม่คงทนที่จำเป็นและการใช้จ่ายในหมวดบริการขยายตัวได้ต่อเนื่อง สอดคล้องกับการขยายตัวของภาคบริการ โดยเฉพาะธุรกิจขนส่ง และธุรกิจค้าส่งค้าปลีก สำหรับการใช้จ่ายสินค้าในหมวดคงทนปรับดีขึ้นร้อยละ 2.4 จากเดือนก่อน แต่เป็นผลจากปัจจัยชั่วคราวที่ผู้บริโภคบางส่วนเร่งซื้อรถยนต์ก่อนปรับขึ้นภาษีสรรพสามิต โดยรวมการใช้จ่ายในหมวดดังกล่าวยังอยู่ในระดับต่ำและคาดว่ายอดขายรถยนต์จะแผ่วลงบ้างในช่วงต้นปี 2559 หลังจากการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตเริ่มบังคับใช้

มูลค่าการส่งออกสินค้าหดตัวร้อยละ 6.6 จากระยะเดียวกันปีก่อน และยังลดลงจากเดือนก่อน โดยเป็นการหดตัวทั้งด้านปริมาณและราคาเพราะ 1) เศรษฐกิจคู่ค้าหลักอย่างจีนและอาเซียนยังคงชะลอตัว ทั้งนี้ แม้ว่าเศรษฐกิจกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (G3) จะมีทิศทางปรับดีขึ้น แต่ยังไม่สามารถชดเชยการชะลอตัวของเศรษฐกิจกลุ่มแรกได้ 2) ราคาสินค้าส่งออกที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับลดลง อย่างไรก็ดี การส่งออกในบางหมวดสินค้ายังขยายตัวดี อาทิ รถยนต์ที่มีการออกรถรุ่นใหม่และมีการส่งออก Eco-car ไปกลุ่มประเทศยุโรป และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์โดยเฉพาะสินค้าที่นำไปประกอบเป็นโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่

การส่งออกสินค้าที่ซบเซาส่งผลให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมยังคงอยู่ในระดับต่ำ แม้การผลิตรถยนต์เร่งขึ้นจากปัจจัยชั่วคราวที่ผู้ประกอบการเร่งผลิตเพื่อส่งมอบรถยนต์ก่อนการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิต ขณะที่เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนมีทิศทางปรับดีขึ้นบ้าง แต่หากหักปัจจัยชั่วคราวจากการเร่งซื้อรถยนต์ การลงทุนยังจำกัดอยู่เฉพาะในบางสาขาที่เกี่ยวข้องกับภาคบริการ ได้แก่ หมวดสื่อสารเพื่อรองรับการลงทุนขยายโครงข่าย 4G และการลงทุนในพลังงานทดแทน ส่วนการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมโดยรวมยังอยู่ในระดับต่ำ เพราะธุรกิจยังคงมีกำลังการผลิตเพียงพอ

มูลค่าการนำเข้าสินค้าหดตัวร้อยละ 8.5 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยการนำเข้าเชื้อเพลิงหดตัวสูงจากผลของราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ลดลงเป็นสำคัญ ขณะที่การนำเข้าวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางไม่รวมเชื้อเพลิงหดตัวตามภาวะการส่งออกที่ยังไม่ดี อย่างไรก็ตาม การนำเข้าสินค้าทุนมีทิศทางปรับดีขึ้นตามภาวะการลงทุนที่กระเตื้องขึ้นในบางหมวด และการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคกลับมาขยายตัวตามการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นสำคัญ

ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวดีสะท้อนจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 หลังจากหดตัวในช่วงก่อนหน้าเพราะเหตุการณ์ระเบิดในกรุงเทพฯ โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศขยายตัวร้อยละ 2.5 จากเดือนก่อนจากกลุ่มนักท่องเที่ยวเอเชียตะวันออก โดยเฉพาะจีน อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวจากหลายประเทศ อาทิ ออสเตรเลีย รัสเซีย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ยังไม่ฟื้นตัว เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศเหล่านั้นค่อนข้างซบเซาตามภาวะการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์

ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ในระดับต่ำสอดคล้องกับอุปสงค์ในประเทศที่ ฟื้นตัวอย่างช้าๆ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังติดลบที่ร้อยละ -0.97 จากราคาพลังงานที่ยังหดตัว สำหรับอัตราการว่างงานอยู่ในระดับใกล้เคียงกับเดือนก่อน ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 3 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ตามมูลค่าการนำเข้าสินค้าที่อยู่ในระดับต่ำ ขณะที่การเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศเป็นการไหลออกสุทธิในเดือนนี้จาก 1) การออกไปลงทุนในตราสารหนี้และการลงทุนโดยตรงในต่างประเทศของนักลงทุนไทย และ 2) การขายหลักทรัพย์สุทธิทั้งตราสารหนี้และตราสารทุนของนักลงทุนต่างชาติ โดยเป็นผลจากคาดการณ์ของตลาดเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในอนาคตอันใกล้

ธนาคารแห่งประเทศไทย

ข้อมูลเพิ่มเติม: ทีมเศรษฐกิจมหภาค

โทร. 0 2283 5647, 0 2283 5648

e-mail: MPGMacroEconomics@bot.or.th

ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ