ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.ยืนยันยังไม่พบเงินทุนไหลเข้าผิดปกติหลังจาก ธ.กลางสหรัฐปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย นางอัจนา ไวความดี
รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่พบเงินทุนไหลเข้ามาอย่างผิดปกติ หรือเข้ามาในลักษณะเก็งกำไร
หลังจากที่ ธ.กลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.75% เมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อหยุดยั้งภาวะเศรษฐกิจ
ถดถอยและการทรุดตัวของตลาดการเงิน ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 2.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ.48 ซึ่งการปรับ
ลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดดังล่าว ทำให้ส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยและสหรัฐเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ
ไทยอยู่ที่ 3.25% ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยนโยบายของแต่ละประเทศในภูมิภาคเอเชียขณะนี้กับอัตราดอกเบี้ยของเฟด
พบว่า ไทยมีส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยนโยบายน้อยที่สุด อย่างไรก็ตาม ธปท.ยังดูแลการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอย่างต่อเนื่อง เพื่อ
ลดความผันผวนและการแข็งค่าของเงินบาทที่เร็วเกินไป ซึ่งอาจจะสร้างผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจจริงของประเทศ โดยเห็นได้จากทุนสำรอง
ระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 49 โดยทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยล่าสุด ณ 7 มี.ค.51 อยู่ที่ 1.04 แสน ล.ดอลลาร์
เทียบกับ 8.75 หมื่นล.ดอลลาร์ ณ สิ้นเดือน ธ.ค.50 และ 6.70 หมื่น ล.ดอลลาร์ ณ สิ้นเดือน ธ.ค.49 (กรุงเทพธุรกิจ, ไทยโพสต์)
2. เดือน ก.พ.51 ไทยขาดดุลการค้า 688.9 ล.ดอลลาร์ สรอ. นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รอง นรม.และ รมว.พาณิชย์
เปิดเผยถึงการส่งออกของไทยในเดือน ก.พ.51 ว่า มีมูลค่า 12,991.4 ล.ดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 16.4%
ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 13,680.3 ล.ดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวเพิ่มขึ้น 33.1% ทำให้ไทยขาดดุลการค้ารวม 688.9 ล.ดอลลาร์ สรอ. โดย
สินค้าส่งออกเพิ่มขึ้นทุกหมวดสินค้า โดยหมวดสินค้าเกษตรและเกษตรอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 21.1% สินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 12.5% และสินค้าอื่น
เพิ่มขึ้น 27.5% ขณะที่ตลาดส่งออกมีการขยายตัวดีทั้งตลาดใหม่และตลาดหลัก โดยตลาดใหม่ขยายตัว 24.2% ตลาดหลักขยายตัว 9.0% ด้านสินค้า
นำเข้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าเชื้อเพลิง ทุนและวัตถุดิบ ซึ่งรวมกันมีสัดส่วนนำเข้าสูงถึง 88% ของการนำเข้าทั้งประเทศ โดยการนำเข้าสินค้า
เชื้อเพลิงเป็นสาเหตุหลักของการขาดดุลการค้าในเดือน ก.พ. สำหรับสถิติการส่งออกของไทยในช่วง 2 เดือน (ม.ค.-ก.พ.) ปี 51 มีมูลค่า
26,951.3 ล.ดอลลาร์ สรอ. การนำเข้ามีมูลค่า 28,293.6 ล.ดอลลาร์ สรอ. ส่งผลให้ขาดดุลการค้ารวม 1,342.2 ล.ดอลลาร์ สรอ.
(ข่าวสด, กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, ไทยโพสต์)
3. ผลสำรวจพบว่าการใช้บัตรเครดิตของคนไทยลดลง นางยาใจ ชูวิชา ประธานคณะจัดทำการสำรวจความคิดเห็น
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจพฤติกรรมการใช้บัตรเครดิตของประชาชน จำนวน 1,201 ตัวอย่างทั่วประเทศ ระหว่าง
วันที่ 11-15 มี.ค.51 พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ 74.1% ถือบัตรเครดิต 1-2 ใบต่อคน ส่วนสิ่งจูงใจที่ทำให้สมัครบัตรเครดิตสูงสุดตามลำดับคือ
ระดับอัตราดอกเบี้ยต่ำ บริการ/ความสะดวกที่ได้รับ และดอกเบี้ยผ่อนสินค้า ขณะที่มูลค่าการใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 6,138.85 บาทต่อเดือน โดย
มีมูลค่าการใช้ในปัจจุบันเพิ่มขึ้น 37.4% ลดลง 46.9% และ 15.7% ใช้เท่าเดิม ส่วนเมื่อถามถึงแนวโน้มมูลค่าการใช้จ่ายผ่านบัตรในช่วง
6 เดือนข้างหน้า พบว่า 39.1% เพิ่มขึ้น 42.5% ลดลง และ 18.5% เท่าเดิม ส่วนลักษณะการใช้ 31.7% เพื่อเบิกเงินสด 34.5%
ใช้แทนเงินสด 33.8% ใช้ผ่อนสินค้า เมื่อถามถึงการชำระเงินค่าใช้จ่ายจากบัตรเครดิตพบว่า 1.3% ชำระทั้งหมด และ 98.7% ชำระบางส่วน
ทั้งนี้ ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย กล่าวว่า จากผลสำรวจการใช้จ่ายบัตรเครดิตพบว่า ประชาชนมองว่าเศรษฐกิจ
ยังไม่ฟื้นตัว โดยเห็นได้จากมูลค่าการใช้จ่ายบัตรเครดิตที่กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ตอบว่าจะใช้จ่ายลดลง สำหรับการคาดการณ์จำนวนบัตรเครดิต
ปี 2551 คาดว่าจะมีจำนวน 13,362,150 ใบ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 11.32% ปริมาณการใช้ผ่านบัตร 968,569.88 ล.บาท เพิ่มขึ้น 15.24%
และปริมาณการบริโภคต่อจำนวนบัตร 72,486.08 บาท (กรุงเทพธุรกิจ, ไทยโพสต์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. OECD คงพยากรณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ สรอ. ในไตรมาส 2 ไว้ที่ระดับเดิมร้อยละ 0 รายงานจากปารีส
เมื่อวันที่ 20 มี.ค.51 องค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ (Organization for Economic Co-operation and
Development — OECD) เปิดเผยพยากรณ์เศรษฐกิจฉบับใหม่สำหรับช่วงครึ่งแรกปีนี้ว่า เศรษฐกิจของ สรอ. จะเติบโตร้อยละ 0.1 เทียบต่อ
ไตรมาสในไตรมาสแรกปีนี้ และจะลดลงเหลือร้อยละ 0 ในไตรมาส 2 จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ว่าเศรษฐกิจ สรอ. จะขยายตัว 3 หรือ 4 เท่า
ในไตรมาสแรกและไตรมาส 2 ขณะที่เขตเศรษฐกิจยุโรปปรับเพิ่มไตรมาสแรกเล็กน้อยเป็นร้อยละ 0.5 และไตรมาส 2 ปรับลดลงเล็กน้อย
ไปอยู่ที่ร้อยละ 0.4 ส่วนญี่ปุ่นได้ปรับลดลงเล็กน้อยเช่นกันไปอยู่ที่ร้อยละ 0.3 ในไตรมาสแรก และร้อยละ 0.2 ในไตรมาส 2 สำหรับของ
อังกฤษคาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตร้อยละ 0.6 ทั้งไตรมาสแรกและไตรมาส 2 ด้านเยอรมนีคาดว่าจะเติบโตร้อยละ 0.6 ในไตรมาสแรกและ
ร้อยละ 0.4 ในไตรมาส 2 ฝรั่งเศสเติบโตร้อยละ 0.4 ทั้ง 2 ไตรมาส และอิตาลีเติบโตร้อยละ 0.3 ทั้ง 2 ไตรมาส ส่วนแคนาดาคาดว่า
จะเติบโตร้อยละ 0.3 และ 0.2 ตามลำดับ (รอยเตอร์)
2. เศรษฐกิจในภาคบริการของยูโรโซนในเดือน มี.ค. ชะลอตัวลงแต่ยังไม่มากนัก รายงานจากลอนดอน เมื่อวันที่ 20 มี.ค.51
ธ.กลางยุโรปมีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับเดิมต่อไปแม้ว่าเศรษฐกิจในภาคบริการของยุโรปในเดือน มี.ค. จะชะลอตัวลงก็ตาม
ทั้งนี้เนื่องจากค่าเงินยูโรเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้นทำสถิติสูงสุด อย่างไรก็ตาม ธ.กลางยุโรปยังเห็นว่าการชะลอตัวในภาคบริการ
ดังกล่าวยังไม่มากเพียงพอที่จะต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดย Purchasing Manager Index ของเดือน มี.ค. ลดลงอยู่ที่ 51.7
ต่ำที่สุดเป็นอันดับที่ 2 นับตั้งแต่เดือน ก.ค. 46 ลดลงจากระดับ 52.3 ในเดือน ก.พ. และต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์หลายคนได้คาดการณ์
ไว้ก่อนหน้านั้นว่าดัชนีดังกล่าวจะอยู่ที่ระดับ 52 ทั้งนี้ระดับ 50 เป็นเส้นที่แบ่งระหว่างการขยายตัวและการหดตัว อย่างไรก็ตาม Dario Perkins
นักเศรษฐศาสตร์จาก ABN AMRO เห็นว่าตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวมบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจในยูโรโซนยังคงเติบโตได้ดี ซึ่งตัวเลขที่เปิดเผยเมื่อวานนี้
ชี้ว่ากิจกรรมในภาคบริการและภาคอุตสาหกรรมการผลิตชะลอตัวลงแล้วในฝรั่งเศส แต่ฟื้นตัวในเยอรมนีซึ่งมีเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป (รอยเตอร์)
3. ภาคการผลิตของเยอรมนียังคงขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดีในขณะที่การบริโภคในประเทศชะลอตัวลง รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ
20 มี.ค.51 ก.คลังของเยอรมนีรายงานว่าภาคการผลิตของเยอรมนียังคงขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดีแม้ว่าค่าเงินยูโรสูงขึ้นและเศรษฐกิจ สรอ.ชะลอตัว
ลงก็ตาม โดยความต้องการจากประเทศในแถบเอเชีย ยุโรปกลางและยุโรปตะวันออกยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง สอดคล้องกับดัชนีชี้วัดผลผลิต
อุตสาหกรรม PMI ในเดือน มี.ค.51 ที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 54.9 จากระดับ 54.3 ในเดือน ก.พ.51 ในขณะที่การบริโภคในประเทศกลับ
เป็นตัวฉุดเศรษฐกิจจากผลกระทบของอัตราเงินเฟ้อและวิกฤติสินเชื่อในตลาดการเงิน โดยอัตราเงินเฟ้อเทียบต่อปีในเยอรมนีอยู่ในระดับใกล้เคียง
กับระดับสูงสุดในรอบเกือบ 14 ปี เช่นเดียวกับอัตราเงินเฟ้อใน Euro zone ที่อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ร้อยละ 3.3 ต่อปี โดย
ชาวเยอรมนีรู้สึกว่าอัตราเงินเฟ้อในขณะนี้อยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มใช้เงินยูโรในปี 45 ในขณะที่ยอดค้าปลีกในเดือน ม.ค.51 ซึ่งรวมยอดขาย
รถยนต์และน้ำมันเชื้อเพลิงลดลงร้อยละ 0.5 ต่อเดือน หลังจากในไตรมาสสุดท้ายปี 50 การใช้จ่ายในประเทศฉุดให้อัตราการขยายตัวทาง
เศรษฐกิจในไตรมาสดังกล่าวลดลงกว่าครึ่งจากไตรมาสก่อนเหลือร้อยละ 0.3 ต่อไตรมาส (รอยเตอร์)
4. เกาหลีใต้ปรับเพิ่มตัวเลขเบื้องต้นอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายปี 50 เป็นร้อยละ 1.6 ต่อไตรมาสและ
ร้อยละ 5.7 ต่อปี รายงานจากโซล เมื่อ 21 มี.ค.51 ธ.กลางเกาหลีใต้ปรับเพิ่มตัวเลขเบื้องต้นอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเกาหลีใต้
ในไตรมาสสุดท้ายปี 50 เป็นร้อยละ 1.6 ต่อไตรมาสและร้อยละ 5.7 ต่อปี จากร้อยละ 1.5 ต่อไตรมาสและร้อยละ 5.5 ต่อปีในรายงาน
ครั้งก่อนเมื่อวันที่ 25 ม.ค.51 และจากตัวเลขดังกล่าว อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 50 จึงถูกปรับขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 5.0 ต่อปี
เทียบกับร้อยละ 4.9 ต่อปีในรายงานครั้งก่อน (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 21 มี.ค. 51 20 มี.ค. 51 28 ธ.ค. 50 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 31.256 33.747 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 31.0289/31.3641 33.5519/33.8850 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.25000 3.35406 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 798.11/15.48 858.10/17.36 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 13,900/14,000 13,900/14,000 13,100/13,200 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 92.05 97.04 88.13 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 34.59*/30.24** 34.59*/30.24** 32.89/29.34 ปตท.
*ปรับเพิ่มลิตรละ 50 สตางค์เมื่อ 15 มี.ค. 51
**ปรับเพิ่มลิตรละ 30 สตางค์เมื่อ 18 มี.ค. 51
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.ยืนยันยังไม่พบเงินทุนไหลเข้าผิดปกติหลังจาก ธ.กลางสหรัฐปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย นางอัจนา ไวความดี
รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่พบเงินทุนไหลเข้ามาอย่างผิดปกติ หรือเข้ามาในลักษณะเก็งกำไร
หลังจากที่ ธ.กลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.75% เมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อหยุดยั้งภาวะเศรษฐกิจ
ถดถอยและการทรุดตัวของตลาดการเงิน ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 2.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ.48 ซึ่งการปรับ
ลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดดังล่าว ทำให้ส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยและสหรัฐเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ
ไทยอยู่ที่ 3.25% ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยนโยบายของแต่ละประเทศในภูมิภาคเอเชียขณะนี้กับอัตราดอกเบี้ยของเฟด
พบว่า ไทยมีส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยนโยบายน้อยที่สุด อย่างไรก็ตาม ธปท.ยังดูแลการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอย่างต่อเนื่อง เพื่อ
ลดความผันผวนและการแข็งค่าของเงินบาทที่เร็วเกินไป ซึ่งอาจจะสร้างผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจจริงของประเทศ โดยเห็นได้จากทุนสำรอง
ระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 49 โดยทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยล่าสุด ณ 7 มี.ค.51 อยู่ที่ 1.04 แสน ล.ดอลลาร์
เทียบกับ 8.75 หมื่นล.ดอลลาร์ ณ สิ้นเดือน ธ.ค.50 และ 6.70 หมื่น ล.ดอลลาร์ ณ สิ้นเดือน ธ.ค.49 (กรุงเทพธุรกิจ, ไทยโพสต์)
2. เดือน ก.พ.51 ไทยขาดดุลการค้า 688.9 ล.ดอลลาร์ สรอ. นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รอง นรม.และ รมว.พาณิชย์
เปิดเผยถึงการส่งออกของไทยในเดือน ก.พ.51 ว่า มีมูลค่า 12,991.4 ล.ดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 16.4%
ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 13,680.3 ล.ดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวเพิ่มขึ้น 33.1% ทำให้ไทยขาดดุลการค้ารวม 688.9 ล.ดอลลาร์ สรอ. โดย
สินค้าส่งออกเพิ่มขึ้นทุกหมวดสินค้า โดยหมวดสินค้าเกษตรและเกษตรอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 21.1% สินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 12.5% และสินค้าอื่น
เพิ่มขึ้น 27.5% ขณะที่ตลาดส่งออกมีการขยายตัวดีทั้งตลาดใหม่และตลาดหลัก โดยตลาดใหม่ขยายตัว 24.2% ตลาดหลักขยายตัว 9.0% ด้านสินค้า
นำเข้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าเชื้อเพลิง ทุนและวัตถุดิบ ซึ่งรวมกันมีสัดส่วนนำเข้าสูงถึง 88% ของการนำเข้าทั้งประเทศ โดยการนำเข้าสินค้า
เชื้อเพลิงเป็นสาเหตุหลักของการขาดดุลการค้าในเดือน ก.พ. สำหรับสถิติการส่งออกของไทยในช่วง 2 เดือน (ม.ค.-ก.พ.) ปี 51 มีมูลค่า
26,951.3 ล.ดอลลาร์ สรอ. การนำเข้ามีมูลค่า 28,293.6 ล.ดอลลาร์ สรอ. ส่งผลให้ขาดดุลการค้ารวม 1,342.2 ล.ดอลลาร์ สรอ.
(ข่าวสด, กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, ไทยโพสต์)
3. ผลสำรวจพบว่าการใช้บัตรเครดิตของคนไทยลดลง นางยาใจ ชูวิชา ประธานคณะจัดทำการสำรวจความคิดเห็น
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจพฤติกรรมการใช้บัตรเครดิตของประชาชน จำนวน 1,201 ตัวอย่างทั่วประเทศ ระหว่าง
วันที่ 11-15 มี.ค.51 พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ 74.1% ถือบัตรเครดิต 1-2 ใบต่อคน ส่วนสิ่งจูงใจที่ทำให้สมัครบัตรเครดิตสูงสุดตามลำดับคือ
ระดับอัตราดอกเบี้ยต่ำ บริการ/ความสะดวกที่ได้รับ และดอกเบี้ยผ่อนสินค้า ขณะที่มูลค่าการใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 6,138.85 บาทต่อเดือน โดย
มีมูลค่าการใช้ในปัจจุบันเพิ่มขึ้น 37.4% ลดลง 46.9% และ 15.7% ใช้เท่าเดิม ส่วนเมื่อถามถึงแนวโน้มมูลค่าการใช้จ่ายผ่านบัตรในช่วง
6 เดือนข้างหน้า พบว่า 39.1% เพิ่มขึ้น 42.5% ลดลง และ 18.5% เท่าเดิม ส่วนลักษณะการใช้ 31.7% เพื่อเบิกเงินสด 34.5%
ใช้แทนเงินสด 33.8% ใช้ผ่อนสินค้า เมื่อถามถึงการชำระเงินค่าใช้จ่ายจากบัตรเครดิตพบว่า 1.3% ชำระทั้งหมด และ 98.7% ชำระบางส่วน
ทั้งนี้ ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย กล่าวว่า จากผลสำรวจการใช้จ่ายบัตรเครดิตพบว่า ประชาชนมองว่าเศรษฐกิจ
ยังไม่ฟื้นตัว โดยเห็นได้จากมูลค่าการใช้จ่ายบัตรเครดิตที่กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ตอบว่าจะใช้จ่ายลดลง สำหรับการคาดการณ์จำนวนบัตรเครดิต
ปี 2551 คาดว่าจะมีจำนวน 13,362,150 ใบ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 11.32% ปริมาณการใช้ผ่านบัตร 968,569.88 ล.บาท เพิ่มขึ้น 15.24%
และปริมาณการบริโภคต่อจำนวนบัตร 72,486.08 บาท (กรุงเทพธุรกิจ, ไทยโพสต์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. OECD คงพยากรณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ สรอ. ในไตรมาส 2 ไว้ที่ระดับเดิมร้อยละ 0 รายงานจากปารีส
เมื่อวันที่ 20 มี.ค.51 องค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ (Organization for Economic Co-operation and
Development — OECD) เปิดเผยพยากรณ์เศรษฐกิจฉบับใหม่สำหรับช่วงครึ่งแรกปีนี้ว่า เศรษฐกิจของ สรอ. จะเติบโตร้อยละ 0.1 เทียบต่อ
ไตรมาสในไตรมาสแรกปีนี้ และจะลดลงเหลือร้อยละ 0 ในไตรมาส 2 จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ว่าเศรษฐกิจ สรอ. จะขยายตัว 3 หรือ 4 เท่า
ในไตรมาสแรกและไตรมาส 2 ขณะที่เขตเศรษฐกิจยุโรปปรับเพิ่มไตรมาสแรกเล็กน้อยเป็นร้อยละ 0.5 และไตรมาส 2 ปรับลดลงเล็กน้อย
ไปอยู่ที่ร้อยละ 0.4 ส่วนญี่ปุ่นได้ปรับลดลงเล็กน้อยเช่นกันไปอยู่ที่ร้อยละ 0.3 ในไตรมาสแรก และร้อยละ 0.2 ในไตรมาส 2 สำหรับของ
อังกฤษคาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตร้อยละ 0.6 ทั้งไตรมาสแรกและไตรมาส 2 ด้านเยอรมนีคาดว่าจะเติบโตร้อยละ 0.6 ในไตรมาสแรกและ
ร้อยละ 0.4 ในไตรมาส 2 ฝรั่งเศสเติบโตร้อยละ 0.4 ทั้ง 2 ไตรมาส และอิตาลีเติบโตร้อยละ 0.3 ทั้ง 2 ไตรมาส ส่วนแคนาดาคาดว่า
จะเติบโตร้อยละ 0.3 และ 0.2 ตามลำดับ (รอยเตอร์)
2. เศรษฐกิจในภาคบริการของยูโรโซนในเดือน มี.ค. ชะลอตัวลงแต่ยังไม่มากนัก รายงานจากลอนดอน เมื่อวันที่ 20 มี.ค.51
ธ.กลางยุโรปมีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับเดิมต่อไปแม้ว่าเศรษฐกิจในภาคบริการของยุโรปในเดือน มี.ค. จะชะลอตัวลงก็ตาม
ทั้งนี้เนื่องจากค่าเงินยูโรเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้นทำสถิติสูงสุด อย่างไรก็ตาม ธ.กลางยุโรปยังเห็นว่าการชะลอตัวในภาคบริการ
ดังกล่าวยังไม่มากเพียงพอที่จะต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดย Purchasing Manager Index ของเดือน มี.ค. ลดลงอยู่ที่ 51.7
ต่ำที่สุดเป็นอันดับที่ 2 นับตั้งแต่เดือน ก.ค. 46 ลดลงจากระดับ 52.3 ในเดือน ก.พ. และต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์หลายคนได้คาดการณ์
ไว้ก่อนหน้านั้นว่าดัชนีดังกล่าวจะอยู่ที่ระดับ 52 ทั้งนี้ระดับ 50 เป็นเส้นที่แบ่งระหว่างการขยายตัวและการหดตัว อย่างไรก็ตาม Dario Perkins
นักเศรษฐศาสตร์จาก ABN AMRO เห็นว่าตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวมบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจในยูโรโซนยังคงเติบโตได้ดี ซึ่งตัวเลขที่เปิดเผยเมื่อวานนี้
ชี้ว่ากิจกรรมในภาคบริการและภาคอุตสาหกรรมการผลิตชะลอตัวลงแล้วในฝรั่งเศส แต่ฟื้นตัวในเยอรมนีซึ่งมีเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป (รอยเตอร์)
3. ภาคการผลิตของเยอรมนียังคงขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดีในขณะที่การบริโภคในประเทศชะลอตัวลง รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ
20 มี.ค.51 ก.คลังของเยอรมนีรายงานว่าภาคการผลิตของเยอรมนียังคงขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดีแม้ว่าค่าเงินยูโรสูงขึ้นและเศรษฐกิจ สรอ.ชะลอตัว
ลงก็ตาม โดยความต้องการจากประเทศในแถบเอเชีย ยุโรปกลางและยุโรปตะวันออกยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง สอดคล้องกับดัชนีชี้วัดผลผลิต
อุตสาหกรรม PMI ในเดือน มี.ค.51 ที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 54.9 จากระดับ 54.3 ในเดือน ก.พ.51 ในขณะที่การบริโภคในประเทศกลับ
เป็นตัวฉุดเศรษฐกิจจากผลกระทบของอัตราเงินเฟ้อและวิกฤติสินเชื่อในตลาดการเงิน โดยอัตราเงินเฟ้อเทียบต่อปีในเยอรมนีอยู่ในระดับใกล้เคียง
กับระดับสูงสุดในรอบเกือบ 14 ปี เช่นเดียวกับอัตราเงินเฟ้อใน Euro zone ที่อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ร้อยละ 3.3 ต่อปี โดย
ชาวเยอรมนีรู้สึกว่าอัตราเงินเฟ้อในขณะนี้อยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มใช้เงินยูโรในปี 45 ในขณะที่ยอดค้าปลีกในเดือน ม.ค.51 ซึ่งรวมยอดขาย
รถยนต์และน้ำมันเชื้อเพลิงลดลงร้อยละ 0.5 ต่อเดือน หลังจากในไตรมาสสุดท้ายปี 50 การใช้จ่ายในประเทศฉุดให้อัตราการขยายตัวทาง
เศรษฐกิจในไตรมาสดังกล่าวลดลงกว่าครึ่งจากไตรมาสก่อนเหลือร้อยละ 0.3 ต่อไตรมาส (รอยเตอร์)
4. เกาหลีใต้ปรับเพิ่มตัวเลขเบื้องต้นอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายปี 50 เป็นร้อยละ 1.6 ต่อไตรมาสและ
ร้อยละ 5.7 ต่อปี รายงานจากโซล เมื่อ 21 มี.ค.51 ธ.กลางเกาหลีใต้ปรับเพิ่มตัวเลขเบื้องต้นอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเกาหลีใต้
ในไตรมาสสุดท้ายปี 50 เป็นร้อยละ 1.6 ต่อไตรมาสและร้อยละ 5.7 ต่อปี จากร้อยละ 1.5 ต่อไตรมาสและร้อยละ 5.5 ต่อปีในรายงาน
ครั้งก่อนเมื่อวันที่ 25 ม.ค.51 และจากตัวเลขดังกล่าว อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 50 จึงถูกปรับขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 5.0 ต่อปี
เทียบกับร้อยละ 4.9 ต่อปีในรายงานครั้งก่อน (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 21 มี.ค. 51 20 มี.ค. 51 28 ธ.ค. 50 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 31.256 33.747 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 31.0289/31.3641 33.5519/33.8850 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.25000 3.35406 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 798.11/15.48 858.10/17.36 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 13,900/14,000 13,900/14,000 13,100/13,200 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 92.05 97.04 88.13 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 34.59*/30.24** 34.59*/30.24** 32.89/29.34 ปตท.
*ปรับเพิ่มลิตรละ 50 สตางค์เมื่อ 15 มี.ค. 51
**ปรับเพิ่มลิตรละ 30 สตางค์เมื่อ 18 มี.ค. 51
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--