ภาวะเศรษฐกิจและการเงินภาคใต้ไตรมาส 1 ปี 2552 และแนวโน้มไตรมาส 2 ปี 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday April 30, 2009 16:00 —ธนาคารแห่งประเทศไทย

ภาวะเศรษฐกิจภาคใต้ ไตรมาสที่ 1 ปี 2552 หดตัว ทั้งด้านอุปสงค์และอุปทาน โดยภาวะเศรษฐกิจภาคใต้ ไตรมาสที่ 1 ปี 2552 ทางด้านอุปทาน ผลผลิตและราคาพืชผลสำคัญลดลง ส่งผลให้รายได้เกษตรกรลดลง ขณะเดียวกันอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวลดลง ส่วนการประมง ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย ทางด้านอุปสงค์ การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน การลงทุนและการส่งออกลดลง การเบิกจ่ายงบประมาณเพิ่มขึ้น สินเชื่อและเงินฝากชะลอตัว ส่วนอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ

รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจ ในไตรมาสที่ 1 ปี 2552 มีดังนี้

1. ภาคเกษตร

รายได้จากการขายพืชผลสำคัญของเกษตรกรลดลงร้อยละ 43.4 ตามการลดลงของราคายางพาราและปาล์มน้ำมัน โดยราคายางแผ่นดิบคุณภาพ 3 เฉลี่ยกิโลกรัมละ 46.38 บาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 43.3 เนื่องจากอุปสงค์จากผู้ผลิตยางล้อรายใหญ่ชะลอตัว ส่วนราคาปาล์มน้ำมัน ทั้งทะลายเฉลี่ยกิโลกรัมละ 3.48 บาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 36.4 สำหรับปริมาณผลผลิตยางและปาล์มลดลง เช่นกัน

ด้านการประมง ปริมาณสัตว์น้ำนำขึ้นที่ท่าเทียบเรือขององค์การสะพานปลาในภาคใต้เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนเล็กน้อย ร้อยละ 2.5 แต่มูลค่าลดลงร้อยละ 6.7 เนื่องจากปลาที่จับได้มีมูลค่าทางเศรษฐกิจต่ำ ส่วนการเพาะเลี้ยงกุ้ง ผลผลิตลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 10.5 เนื่องจากในช่วงปลายปีมีฝนตกต่อเนื่องเป็นเวลานาน รวมทั้งเกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่และสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก ซึ่งส่งผลต่ออัตราการรอดของกุ้ง ส่วนราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยราคากุ้งขาวขนาด 50 ตัว ต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 137.3 บาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.1

2. ภาคอุตสาหกรรม ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลงร้อยละ 4.3 เป็นผลจากการลดลงของการผลิตในอุตสาหกรรมเพื่อส่งออกเป็นสำคัญ โดยอุตสาหกรรมยางแท่งและอุตสาหกรรมยางแผ่นรมควัน มีปริมาณส่งออกลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 17.5 และ 11.2 ตามลำดับ ส่วนผลผลิตน้ำมัน ปาล์มดิบลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 18.3 ส่วนอุตสาหกรรมอาหารบรรจุกระป๋องและอุตสาหกรรมไม้ยางพารา ปริมาณส่งออกลดลงร้อยละ 2.8 และ 16.3 ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ถุงมือยางและสัตว์น้ำ แช่แข็ง มีปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 และ 5.5 ตามลำดับ

3. การท่องเที่ยว หดตัว โดยมีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเดินทางผ่านด่านตรวจคน เข้าเมืองในภาคใต้ จำนวน 941,172 คน ลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.7 โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ตมีปริมาณลดลงสูงถึงร้อยละ 16.2 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก และสถานการณ์ทาง การเมืองที่มีการชุมนุมประท้วงในช่วงที่ผ่านมา ส่วนในภาคใต้ตอนล่าง มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวมากขึ้น โดยจังหวัดสงขลา เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.1 ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย

4. การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน หดตัว ตามภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาและรายได้เกษตรกรที่ลดลง เนื่องจากราคาพืชผลที่สำคัญอยู่ในระดับต่ำ ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง โดยดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 0.5 เนื่องจากดัชนียานยนต์ที่ลดลงร้อยละ 21.6 ตามการจดทะเบียนรถใหม่ลดลงทุกประเภท ส่วนการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม และการใช้ไฟฟ้าสำหรับที่อยู่อาศัยลดลงเล็กน้อย

5. การลงทุนภาคเอกชน หดตัว โดยพื้นที่ก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตในเขตเทศบาล ลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.6 ส่วนการจดทะเบียนธุรกิจนิติบุคคล ทั้งจำนวนรายและเงินทุนจดทะเบียน ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 14.7 และ 9.4 ตามลำดับ สำหรับโครงการลงทุนที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI) จำนวนโครงการเพิ่มขึ้นร้อยละ 26.7 แต่เงินลงทุนและ การจ้างงาน ลดลงร้อยละ 34.2 และ 22.4 ตามลำดับ

6. การจ้างงาน มีตำแหน่งงานว่าง จำนวน 11,358 อัตรา ลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 29.5 โดยมีผู้สมัครงาน จำนวน 17,099 อัตรา เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 20 แต่บรรจุงานได้เพียง 8,349 อัตรา ผู้สมัครงานและการบรรจุงานส่วนใหญ่จะอยู่ในจังหวัดที่มีกิจกรรม ทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว อาทิ สงขลา นครศรีธรรมราช สุราษฏร์ธานี และชุมพร

7. ระดับราคา อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของภาคใต้ในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 ตามการเพิ่มขึ้น ของราคาสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 10.4 ราคาสินค้า หมวดข้าวแป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้งเพิ่มขึ้นร้อยละ 24.1 ส่วนหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มลดลง ร้อยละ 6.0 ตามราคาสินค้าหมวดยานพาหนะ การขนส่งและการสื่อสาร และหมวดเคหสถาน ที่ลดลงร้อยละ 10.0 และ 6.3 ตามลำดับ

8. การค้าต่างประเทศ มูลค่าการส่งออกของภาคใต้มีทั้งสิ้น 2,118.8 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 25.3 ตามมูลค่าส่งออกสินค้าที่สำคัญ ได้แก่ ยางพารา ที่ลดลงร้อยละ 40.3 ไม้ยางพาราแปรรูปและเฟอร์นิเจอร์ ลดลงร้อยละ 17.6 และอาหารทะเลบรรจุกระป๋องลดลงร้อยละ 11.0 ส่วนถุงมือยางและสัตว์น้ำแช่แข็ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.3 และ 16.9 ตามลำดับ ส่วนการนำเข้า มีมูลค่า 1,512.5 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 16.1 ตามการนำเข้าเครื่องจักรอุปกรณ์และสัตว์น้ำที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 58.6 และ 13.7 ตามลำดับ

9. ภาคการคลัง การเบิกจ่ายเงินงบประมาณของส่วนราชการต่างๆในภาคใต้ มีจำนวน 39,651.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 17.3 ส่วนทางด้านรายได้มีการจัดเก็บภาษีได้ทั้งสิ้น 7,267.4 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 9.4 เป็นผลจากจัดเก็บภาษีสรรพากรและ ภาษีศุลกากร ได้ลดลงร้อยละ 13.9 และ 28.7 ตามลำดับ ส่วนภาษีสรรพสามิต จัดเก็บได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 60.7

10. การเงิน สินเชื่อและเงินฝากชะลอตัว ตามภาวะเศรษฐกิจที่หดตัว โดย ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2552 นี้ มีเงินฝากประมาณ 431,500.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.5 ทางด้านสินเชื่อมียอดประมาณ 371,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนร้อยละ 6.3 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อบริโภคส่วนบุคคล เป็นสำคัญ

แนวโน้มไตรมาส 2 ปี 2552

สำหรับแนวโน้มในไตรมาสที่ 2 ปี 2552 คาดว่า ภาวะเศรษฐกิจภาคใต้ ยังคงมีความเสี่ยงที่จะหดตัวต่อไป เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก ที่ทำให้การส่งออกสินค้าลดลง ขณะที่อุปสงค์ภายในประเทศยังคงไม่เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเนื่องจากรายได้เกษตรกรมีแนวโน้มลดลง จากการที่ราคายางและปาล์มน้ำมันมีราคาอยู่ในระดับต่ำ ตามราคาในตลาดโลก ประกอบกับปัจจัยทางด้านการเมือง ที่มีการชุมนุมประท้วง ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนให้ชะลอการลงทุนในโครงการต่างๆ อย่างไรก็ตาม แผนการใช้จ่ายของรัฐบาลตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ และอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ จะช่วยพยุงเศรษฐกิจได้ระดับหนึ่ง

ข้อมูลเพิ่มเติม : นายพสุธา ระวังสุข โทร.0-7423-6200 ต่อ 4334 e-ma il : pasuthar @bot.or.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ