เศรษฐกิจและการเงินภาคเหนือเดือนพฤษภาคม 2553

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday July 1, 2010 09:51 —ธนาคารแห่งประเทศไทย

ฉบับที่ 6/2553

ภาวะเศรษฐกิจการเงินภาคเหนือขยายตัวต่อเนื่องแต่ในอัตราที่ชะลอลง โดยการส่งออกขยายตัวในเกณฑ์ดีโดยเฉพาะสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตสูงและสินค้าที่ใช้แรงงาน ส่งผลให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวดี ด้านการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวทั้งการลงทุนด้านการก่อสร้างและความสนใจลงทุนด้านการผลิต อย่างไรก็ดี การอุปโภคบริโภคภาคเอกชนชะลอตัว ตามภาวะการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาความไม่สงบทางการเมือง และรายได้เกษตรกรที่หดตัวจากราคาและผลผลิตเนื่องจากประสบปัญหาศัตรูพืชและภัยแล้ง

อัตราเงินเฟ้อทั่วไปสูงขึ้น ผู้ประกอบการด้านการผลิตมีความต้องการแรงงานเพิ่มขึ้น ขณะที่เงินฝากชะลอตัวเล็กน้อยส่วนเงินให้สินเชื่อยังขยายตัวดี

รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจภาคเหนือ มีดังนี้ อุปสงค์ในภาคเหนือขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากเดือนก่อน โดยดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ 2.7 แต่หดตัวจากเดือนก่อนร้อยละ 1.6 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากภาวะการท่องเที่ยวและรายได้เกษตรกรที่ลดลง สะท้อนจากยอดจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่ลดลงร้อยละ 0.8 ปริมาณการจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ที่ชะลอตัว ส่วนยอดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าและปริมาณการจดทะเบียนรถยนต์ขยายตัวดีโดยเฉพาะรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ด้านดัชนีการลงทุนภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยขยายตัวร้อยละ 6.5 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน ตามการลงทุนด้านก่อสร้างที่ขยายตัวดีทั้งโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐและเอกชน การสร้าง/ต่อเติมบ้านของเกษตกร อีกทั้งการลงทุนภาคเอกชนในส่วนของการนำเข้าเครื่องจักรอุตสาหกรรมผลิตเพื่อส่งออกก็ขยายตัวดีเช่นกัน สอดคล้องกับปริมาณขอรับอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนในภาคเหนือที่ขยายตัวในเกณฑ์ดี ส่วนแรงกระตุ้นจากภาครัฐในเดือนนี้ลดลงในทุกจังหวัด เนื่องจากมีการเร่งเบิกจ่ายมากในช่วงก่อนหน้าโดยเฉพาะเงินอุดหนุนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

ด้านอุปสงค์ในต่างประเทศ การส่งออกขยายตัวในเกณฑ์ดี โดยการส่งออกมีมูลค่า 308.7 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 58.7 กลับมาขยายตัวดีในทุกตลาดสำคัญ เช่น อาเซียน ญี่ปุ่น ยุโรป และจีน ในสินค้าอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อัญมณีและเครื่องประดับ เป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรหดตัวตามการส่งออกข้าวและใบยาสูบ ทั้งนี้การส่งออกผ่านด่านชายแดนขยายตัวร้อยละ 53.0 เป็น 152.7 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากการส่งออกไปพม่าและลาวที่ขยายตัว ด้านการนำเข้าในเดือนนี้มีมูลค่า 113.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 9.4 โดยเป็นการขยายตัวในกลุ่มสินค้าวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตและสินค้าเพื่อการลงทุน เช่น ชิ้นส่วนเครื่องจักรไฟฟ้าและเครื่องจักรกล ส่วนการนำเข้าผ่านด่านชายแดนลดลงร้อยละ 9.9 เหลือ 10.5 ล้านดอลลาร์ สรอ. ตามการนำเข้าจากพม่าและจีนตอนใต้ที่ลดลง

อุปสงค์ในต่างประเทศที่ขยายตัวดีเป็นผลทำให้ภาคการผลิตเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมภาคเหนือขยายตัวร้อยละ 52.3 ตามการขยายตัวของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้า อาหารและเครื่องดื่ม ด้านดัชนีภาคการค้าขยายตัวร้อยละ 20.1 จากเดือนเดียวกันปีก่อน ตามการจำหน่ายรถยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ขยายตัวดี ส่วนภาคเกษตร ผลผลิตพืชผลลดลงร้อยละ 0.7 จากระยะเดียวกันปีก่อน จากผลกระทบเพลี้ยแป้งระบาดและปัญหาภัยแล้ง ทั้งนี้ราคาพืชผลหดตัวร้อยละ 5.2 ตามการลดลงของราคาข้าวเป็นสำคัญ ส่งผลให้รายได้เกษตรกรในภาคเหนือลดลงร้อยละ 5.8 จากระยะเดียวกันปีก่อน การท่องเที่ยวภาคเหนือหดตัวตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลงเนื่องจากผลกระทบปัญหาความไม่สงบทางการเมือง

อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของภาคเหนืออยู่ที่ร้อยละ 3.9 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดือนก่อนจากราคาอาหารสดที่สูงขึ้น ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังอยู่ในระดับต่ำ การจ้างงานในภาคเหนือเดือนเมษายน 2553 อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ผู้ประกอบการยังมีความต้องการแรงงานเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการผลิตภาคอุตสาหกรรมทั้งชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และเกษตรแปรรูป

ยอดเงินฝากของสาขาธนาคารพาณิชย์ในภาคเหนือ ณ สิ้นเดือนเมษายน 2553 เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.8 ชะลอตัวเมื่อเทียบกับที่ขยายตัวร้อยละ 4.5 เดือนก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการถอนเงินฝากประเภทประจำ เพื่อไปลงทุนในพันธบัตรหรือตราสารทางการเงินอื่น ๆ ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า ส่วนเงินให้สินเชื่อขยายตัวดีต่อเนื่องจากเดือนก่อนที่ร้อยละ 5.9 จากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อเพื่อการค้าส่งค้าปลีก สหกรณ์ออมทรัพย์ และสินเชื่อส่วนบุคคล

ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ

ข้อมูลเพิ่มเติม : คุณนุกุล มุกลีมาศ

โทร 0 5393 1142 E-mail: [email protected]

ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ