แนวนโยบายการกำกับดูแลการให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Money)

ข่าวกฏหมายและประกาศ Tuesday February 10, 2004 11:02 —ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย

10 กุมภาพันธ์ 2547 เรียน ผู้จัดการ ธนาคารพาณิชย์ทุกธนาคาร ที่ ธปท.สนส. (11) ว. 378/2547 เรื่อง แนวนโยบายการกำกับดูแลการให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Money) 1. เหตุผลในการออกหนังสือเวียน ปัจจุบันได้มีการริเริ่มการให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Money) เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถนำเงินอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวไปใช้ซื้อสินค้าหรือบริการต่างๆได้ ซึ่งบริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวนี้ เป็นบริการที่มีแพร่หลายในต่างประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้เล็งเห็นประโยชน์ของธุรกิจเงินอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวในประเทศไทย เช่น ประโยชน์ต่อการพัฒนาเทคโนโลยี การเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกในการให้บริการทางการเงินแก่ประชาชน เป็นต้น จึงได้พิจารณาถึงความเสี่ยงและแนวทางกำกับการให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ในเบื้องต้น เพื่อซักซ้อมความเข้าใจและให้ธนาคารพาณิชย์ใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาการให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่สอดคล้องกับการพัฒนาอย่างมีเสถียรภาพของระบบการเงิน ระบบสถาบันการเงิน และระบบการชำระเงิน 2. เนื้อหา 2.1 คุณลักษณะของเงินอิเล็กทรอนิกส์ เงินอิเล็กทรอนิกส์ หรือที่อาจเรียกเป็นอย่างอื่น เช่น Multipurpose Stored Value Card, E-purse, E-Wallet หรือ Smart Card เป็นต้น มีลักษณะที่สำคัญ 3 ประการ ดังนี้ 1) ผู้บริโภคชำระเงินล่วงหน้าให้ผู้ออกเงินอิเล็กทรอนิกส์ (pre-paid) 2) มูลค่าเงินที่ชำระล่วงหน้าถูกบันทึกในสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ (stored value) เช่น บัตรพลาสติก หรือสื่อคอมพิวเตอร์อื่น 3) ผู้บริโภคสามารถนำไปใช้ซื้อสินค้าหรือบริการต่างๆ ได้จากร้านค้าที่ผู้ออกเงินอิเล็กทรอนิกส์กำหนด (multi purpose) 2.2 ความเสี่ยงและผลกระทบของเงินอิเล็กทรอนิกส์ การใช้เงินอิเล็กทรอนิกส์ในระบบเศรษฐกิจอาจมีความเสี่ยงและมีผลกระทบต่อระบบการเงิน ระบบสถาบันการเงิน และระบบการชำระเงินได้ ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยอาจกำหนดแนวทางการกำกับเพื่อควบคุมความเสี่ยงและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้ดังต่อไปนี้ 2.2.1 ผลกระทบต่อระบบการเงิน ผลกระทบจากการใช้เงินอิเล็กทรอนิกส์ทดแทนเงินที่ออกโดยภาครัฐมีผลกระทบต่อความสามารถในการควบคุมเงินเฟ้อและการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของธนาคารกลางผ่าน 2 ช่องทาง ได้แก่ - ตัวทวีฐานเงิน (money multiplier) ที่อาจเพิ่มขึ้นเนื่องจากความจำเป็นในการใช้ธนบัตรเป็นสื่อกลางในการชำระเงินลดลง - ปริมาณเงินที่อาจเพิ่มขึ้นจากการนับรวมเงินอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นสื่อกลางในการชำระเงินเข้าไปในนิยามของปริมาณเงินและการที่ผู้ให้บริการนำเงินที่รับล่วงหน้า (float) ไปทำธุรกรรมต่อ แนวทางการกำกับ - ติดตามและควบคุมปริมาณเงินอิเล็กทรอนิกส์ในระบบอย่างใกล้ชิด - กำหนดสัดส่วนการดำรงเงินสดสำรองต่อเงินอิเล็กทรอนิกส์ (หากจำเป็น) 2.2.2 ผลกระทบต่อระบบสถาบันการเงินและระบบการชำระเงิน 1) ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง จากการที่ผู้ออกเงินอิเล็กทรอนิกส์ไม่สามารถชำระเงินได้เมื่อมีการเรียกเก็บเงิน เนื่องจากการใช้เงินอย่างผิดวัตถุประสงค์ หรือมีการบริหารเงินที่ไม่มีประสิทธิภาพ เป็นต้น ผลกระทบ - รายได้และความสามารถในการชำระเงินของผู้ที่เกี่ยวข้องรายอื่น เช่น สถาบันการเงินอื่นที่ร่วมโครงการ หรือร้านค้า - การสูญเสียเงินของผู้บริโภคที่ได้จ่ายเงินล่วงหน้าให้แก่ผู้ออกเงินอิเล็กทรอนิกส์ - ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อระบบ แนวทางการกำกับ - ธนาคารพาณิชย์ผู้ให้บริการต้องมีระบบการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม - ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจกำหนดเงื่อนไขการบริหารเงินที่รับล่วงหน้า(float) ได้หากจำเป็น 2) ความเสี่ยงด้านปฏิบัติการ จากความบกพร่องของการดำเนินการ การรักษาความปลอดภัยของระบบ ตลอดจนการฉ้อโกงของผู้ให้บริการหรือร่วมให้บริการ ผลกระทบ - ความถูกต้องของข้อมูล และการรักษาความลับของข้อมูล - ความต่อเนื่องในการให้บริการ - ความน่าเชื่อถือของระบบการชำระเงินและระบบสถาบันการเงิน แนวทางการกำกับ - ธนาคารพาณิชย์ต้องปฏิบัติตามแนวปฏิบัติที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด เช่น แนวปฏิบัติในการรักษาความปลอดภัยการให้บริการการเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ และแนวปฏิบัติในการใช้บริการด้านงานเทคโนโลยีสารสนเทศจากผู้ให้บริการรายอื่น เป็นต้น - ส่งเสริมให้ผู้ให้บริการเลือกใช้เทคโนโลยีที่เป็นมาตรฐานสากล - กำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาล 2.2.3 ผลกระทบอื่นๆ 1) การคุ้มครองผู้บริโภค เนื่องจากธุรกิจการให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์เป็นธุรกิจที่ผู้บริโภคต้องจ่ายเงินล่วงหน้าเพื่อแลกกับเงินอิเล็กทรอนิกส์ การคุ้มครองผู้บริโภคจึงมีความสำคัญมาก โดยการให้บริการดังกล่าวควรพิจารณาถึง - ขอบเขตความรับผิดชอบของผู้ออกเงินอิเล็กทรอนิกส์ ร้านค้า และผู้บริโภค กรณีเกิดความเสียหายทั้งจากการฉ้อโกง ความผิดพลาด บัตรสูญหาย (กรณีบันทึกมูลค่าเงินลงบนบัตร) เป็นต้น - ค่าธรรมเนียมในการใช้บริการ - เงื่อนไขการคืนเงินให้แก่ลูกค้า แนวทางการกำกับ - ธนาคารพาณิชย์ที่จะให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ต้องยึดหลักธรรมาภิบาลในการประกอบธุรกิจ - มีการให้ความรู้และชี้แจงข้อมูลรายละเอียดการให้บริการและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นแก่ผู้บริโภคและผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างชัดเจนและโปร่งใส 2) การฟอกเงิน เนื่องจากการให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ในบางรูปแบบอาจเอื้อต่อการฟอกเงินได้ เช่น ระบบที่มีการโอนเงินได้ระหว่างลูกค้าโดยไม่ต้องผ่านระบบของผู้ให้บริการ เป็นต้น แนวทางการกำกับ - ไม่อนุญาตให้มีการโอนเงินระหว่างลูกค้าโดยไม่ผ่านระบบข้อมูลของผู้ให้บริการ - ระบบที่ให้บริการต้องสามารถตรวจสอบรายการย้อนหลังได้ - กำหนดมูลค่าสูงสุดของเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถใช้ได้ - เงินอิเล็กทรอนิกส์ที่ออกต้องเป็นเงินบาทและใช้ในประเทศไทยเท่านั้น 3. ขอบเขตการถือปฏิบัติ ธนาคารพาณิชย์ที่ประสงค์จะให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวข้างต้น ต้องขออนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยตามมาตรา 9 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติธนาคารพาณิชย์ พ.ศ.2505 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยในการพิจารณาอนุญาต ธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณาถึงผลกระทบและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นตามที่กล่าว พร้อมทั้งพิจารณาถึงความสามารถและความน่าเชื่อถือของผู้อื่นที่ร่วมให้บริการด้วย อย่างไรก็ตาม การพิจารณาอนุญาตของธนาคารแห่งประเทศไทยจะคำนึงถึงการไม่ปิดกั้นพัฒนาการของเทคโนโลยีและธุรกิจ เพื่อมิให้ประเทศสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน 4. วันเริ่มต้นการถือปฏิบัติ ให้ถือปฏิบัติตามแนวนโยบายการกำกับดูแลการให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติ ขอแสดงความนับถือ (ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุล) ผู้ว่าการ ฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน โทร. 0-2283-6938, 0-2283-6939 หมายเหตุ [ ] ธนาคารจะจัดให้มีการประชุมชี้แจงในวันที่.....ณ.......... [ X ] ไม่มีการจัดประชุมชี้แจง-ยก-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ