10 เมษายน 2543เรียน ผู้จัดการ ธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนในประเทศทุกธนาคาร สาขาธนาคารต่างประเทศทุกธนาคาร * ที่ สนส.(12) ว. 38 /2543 เรื่อง นำส่งประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง สินทรัพย์ที่ไม่มีราคาหรือเรียกคืนไม่ได้ และสินทรัพย์ที่สงสัยว่าจะไม่มีราคาหรือเรียกคืนไม่ได้ ธนาคารแห่งประเทศไทยขอนำส่งประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง สินทรัพย์ที่ไม่มีราคาหรือเรียกคืนไม่ได้ และสินทรัพย์ที่สงสัยว่าจะไม่มีราคาหรือเรียกคืนไม่ได้ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2543 และได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับประกาศทั่วไป เล่ม 117 ตอนพิเศษ 26 ง ลงวันที่ 22 มีนาคม 2543 สาระสำคัญของประกาศฉบับดังกล่าวมีดังนี้ 1. ขยายระยะเวลาในการประเมินราคาหรือตีราคาอสังหาริมทรัพย์จากทุก 6 เดือนเป็นทุก 12 เดือน โดยธนาคารพาณิชย์ต้องกันเงินสำรอง 100% สำหรับผลต่างของราคาตามบัญชีที่สูงกว่ามูลค่าที่ได้จากการประเมินราคาหรือตีราคาในทันที 2. การเลือกใช้การประเมินราคาหรือการตีราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาจากการชำระหนี้หรือซื้อจากการขายอดตลาด ให้ธนาคารพาณิชย์ถือปฏิบัติดังนี้ 2.1 อสังหาริมทรัพย์แต่ละแปลงที่มีราคาตามบัญชีตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไปให้ใช้การประเมินราคา 2.2 อสังหาริมทรัพย์แต่ละแปลงที่มีราคาตามบัญชีต่ำกว่า 5 ล้านบาท จะใช้การตีราคาหรือการประเมินราคาก็ได้ 2.3 อสังหาริมทรัพย์หลายแปลงที่ไม่สามารถแยกจำหน่ายจากกันได้ หากมีราคาตามบัญชีรวมกันตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไปให้ใช้การประเมินราคา * ไม่รวมกิจการวิเทศธนกิจ 3. สำหรับสินทรัพย์อื่นที่เป็นเงินลงทุนในหลักทรัพย์ให้ธนาคารพาณิชย์กันเงินสำรองเป็นรายหลักทรัพย์ เฉพาะหลักทรัพย์ที่มีราคาทุนที่สูงกว่าราคาตลาดหรือราคายุติธรรม โดยให้กันเงินสำรองเฉพาะส่วนที่เป็นผลต่างของราคาตามบัญชีที่สูงกว่าราคาตลาด หรือราคายุติธรรม จึงเรียนมาเพื่อทราบและถือปฏิบัติ ขอแสดงความนับถือ (นางสาลินี วังตาล) รักษาการผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายสถาบันการเงิน สายนโยบายสถาบันการเงิน ผู้ว่าการ แทน สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. ประกาศ ธปท.เรื่อง สินทรัพย์ที่ไม่มีราคาหรือเรียกคืนไม่ได้ และสินทรัพย์ที่สงสัย ว่าจะไม่มีราคาหรือเรียกคืนไม่ได้ ลงวันที่ 17 มีนาคม 2543 2. ตัวอย่างการกันเงินสำรองสำหรับเงินลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทเผื่อขาย ฝ่ายนโยบายสถาบันการเงิน โทร. 283-5843 หมายเหตุ [….] ธนาคารจะจัดให้มีการประชุมชี้แจงในวันที่ ……….. ณ ………… [ X ] ไม่มีการจัดประชุมชี้แจง ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง สินทรัพย์ที่ไม่มีราคาหรือเรียกคืนไม่ได้ และสินทรัพย์ ที่สงสัยว่าจะไม่มีราคาหรือเรียกคืนไม่ได้ อาศัยอำนาจตามมาตรา 15 ทวิ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์พ.ศ. 2505 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. 2505 พ.ศ. 2528 ธนาคารแห่งประเทศไทยออกข้อกำหนดด้วยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ภายใต้บังคับข้อ 16 ให้ยกเลิกประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง สินทรัพย์ที่ไม่มีราคาหรือเรียกคืนไม่ได้ และสินทรัพย์ที่สงสัยว่าจะไม่มีราคาหรือเรียกคืนไม่ได้ ลงวันที่ 24 ธันวาคม 2542 ข้อ 2 ในประกาศฉบับนี้ (1) สินทรัพย์ที่ไม่มีราคาหรือเรียกคืนไม่ได้ หมายถึง สินทรัพย์จัดชั้นสูญ (2) สินทรัพย์ที่สงสัยว่าจะไม่มีราคาหรือเรียกคืนไม่ได้ หมายถึง (ก) สินทรัพย์จัดชั้นสงสัยจะสูญ (ข) สินทรัพย์จัดชั้นสงสัย (ค) สินทรัพย์จัดชั้นต่ำกว่ามาตรฐาน (ง) สินทรัพย์จัดชั้นกล่าวถึงเป็นพิเศษ (จ) สินทรัพย์จัดชั้นปกติ (3) เงินสำรอง หมายถึง เงินสำรองที่กันไว้เป็นค่าเผื่อหนี้สูญหรือหนี้สงสัยจะสูญ ค่าเผื่อการลดราคา ค่าเผื่อการด้อยค่า ค่าเผื่อการปรับมูลค่า สำหรับสินทรัพย์ที่สงสัยว่าจะไม่มีราคาหรือเรียกคืนไม่ได้ ทั้งนี้ ธนาคารพาณิชย์จะต้องกันเงินสำรองสำหรับสินทรัพย์จัดชั้นแต่ละประเภทตามอัตราและหลักเกณฑ์ที่ระบุในประกาศฉบับนี้ ข้อ 3 สินทรัพย์จัดชั้นสูญดังต่อไปนี้ให้ตัดออกจากบัญชี (1) สิทธิเรียกร้องซึ่งได้ปฏิบัติการโดยสมควรเพื่อให้ได้รับชำระหนี้แต่ไม่มีทางที่จะได้รับชำระหนี้แล้ว โดยให้พิจารณาตามเกณฑ์ข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (ก) ลูกหนี้ถึงแก่ความตาย เป็นคนสาบสูญ หรือมีหลักฐานว่าหายสาบสูญไปและไม่มีทรัพย์สินใด ๆ จะชำระหนี้ได้ (ข) ลูกหนี้เลิกกิจการ และมีหนี้ของเจ้าหนี้รายอื่นมีบุริมสิทธิเหนือทรัพย์สินทั้งหมดของลูกหนี้อยู่ในลำดับก่อนเป็นจำนวนมากกว่าทรัพย์สินของลูกหนี้ (ค) ธนาคารพาณิชย์ได้ฟ้องลูกหนี้หรือได้ยื่นคำขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีที่ลูกหนี้ถูกเจ้าหนี้รายอื่นฟ้อง และในกรณีนั้น ๆ ได้มีคำบังคับหรือคำสั่งของศาลแล้ว แต่ลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินใด ๆ จะชำระหนี้ได้ (ง) ธนาคารพาณิชย์ได้ฟ้องลูกหนี้ในคดีล้มละลายหรือได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีที่ลูกหนี้ถูกเจ้าหนี้รายอื่นฟ้องในคดีล้มละลาย และในกรณีนั้น ๆ ได้มีการประนอมหนี้กับลูกหนี้ โดยศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยกับการประนอมหนี้นั้น หรือลูกหนี้ถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายและได้มีการแบ่งทรัพย์สินของลูกหนี้ครั้งแรกแล้ว (2) สิทธิเรียกร้องซึ่งตามพฤติการณ์ไม่อาจเรียกให้ชำระหนี้ได้ (3) สินทรัพย์อื่นซึ่งชำรุด เสียหาย หรือหมดราคา (4) ส่วนสูญเสียที่เกิดจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด (ยังมีต่อ)-ยก-