การส่งออกมีแนวโน้มชะลอตัว
ผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้ส่งออก จำนวน 209 ราย ได้ผลดังนี้
ดัชนีมูลค่าส่งออก ในเดือนตุลาคม 2553 มีค่าเท่ากับ 44.3 สินค้าที่มีมูลค่าส่งออกลดลง ได้แก่เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ยานพาหนะ/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป ข้าว เชื้อเพลิงและพลังงาน และ อาหารสัตว์เลี้ยง สินค้าที่มีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก อัญมณีและเครื่องประดับ สิ่งทออาหารทะเลแช่เยือกแข็ง และ อาหารสำเร็จรูป
ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่ในเดือนตลาคม 2553 มีค่า 45 5 สินค้าที่มีคำสั่งซื้อใหม่ลดลง ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ ยานพาหนะ/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป สิ่งทอ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ข้าว และ อาหารสัตว์เลี้ยง ส่วนสินค้าที่มูลค่าคำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้น ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป ยางพารา อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง และ อาหารสำเร็จรูป
ดัชนีการจ้างงานในเดือนตุลาคม 2553 มีค่าเท่ากับ 51.3 แสดงว่าการจ้างงานภาคการส่งออกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ดัชนีสินค้าคงคลังในเดือนตุลาคม 2553 มีค่า 42.3 มูลค่าสินค้าคงคลังที่ลดลง ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เคมีภัณฑ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป สิ่งทอ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรป ผลิตภัณฑ์ยาง เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป ยางพารา อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง เชื้อเพลิงและพลังงาน ส่วนมูลค่าสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้น ได้แก่ ยานพาหนะ/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เหล็ก/เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ อัญมณีและเครื่องประดับ รองเท้าและชิ้นส่วน และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง
ปัญหา
- ค่าเงินบาทไม่เอื้อต่อการส่งออก กล่าวคือ ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นทำให้มีปัญหาเรื่องการส่งออกมาก เพราะขาดทุนเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนถึง 10% ของมูลค่าการส่งออก
- สถานการณ์น้ำท่วมทำให้วัตถุดิบมีราคาสูงขึ้น และเป็นอุปสรรคต่อการขนส่งสินค้า
- วัตถุดิบในตลาดโลกขึ้นราคา
- ขาดแคลนแรงงาน ทั้งมีฝีมือและไร้ฝีมือ ทำให้ผลิตสินค้าไม่ทันตามความต้องการของตลาด
- น้ำยางดิบมีราคาสูงขึ้น ทำให้ปรับราคาขายได้ยาก
- ภาษีส่งออกสูง
ภาครัฐควรดำเนินการ ดังนี้
- ดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ
- รัฐบาลควรดูแลอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้คงที่ พร้อมกับส่งเสริมการส่งออก และเพิ่มอัตราชดเชยภาษีส่งออกตามประเทศคู่แข่ง
- รัฐบาลควรมีมาตรการควบคุมราคาน้ำมันไม่ให้สูงเกินไป และควรสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนที่เป็น FDI ในการลงทุนเพื่อสร้างงานภายในประเทศ
- รัฐบาลควรกระตุ้นเศรษฐกิจ และแก้ปัญหาที่มาบตาพุด เพื่อให้เกิดความคล่องตัวของธุรกิจก่อสร้าง
- ดูแลอัตราค่าจ้างขั้นต่ำให้เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจ
หมายเหตุ : การจัดทำดัชนีภาวะธุรกิจส่งออกจะมีการปรับปรุงข้อมูลดัชนีย้อนหลัง 1 เดือน
1. กลุ่มสินค้าเป้าหมายที่ทำการสำรวจ มีจำนวน 86 กลุ่มสินค้า
2. การคำนวณดัชนี เป็นดัชนีการกระจาย (Diffusion Index) ซึ่งเป็นดัชนีที่มีคุณสมบัติเด่นในการเป็นตัวชี้นำ (leading indicator) และแสดงทิศทางการเติบโต (growth) ของภาวะธุรกิจ จากการแปลงข้อมูลเชิงคุณภาพ (qualitative) ให้เป็นข้อมูลเชิงปริมาณ (quantitative) โดยกำหนดค่าคำตอบที่ได้รับจากผู้ตอบแบบสอบถาม คือ เพิ่มขึ้นให้คะแนน เท่ากับ 1 เท่าเดิมให้คะแนน เท่ากับ 0.5 และ ลดลงให้คะแนนเท่ากับ 0 จากนั้นนำคะแนนทั้งหมดมารวมกัน หารด้วยจำนวนผู้ตอบแบบทั้งหมด แล้วคูณด้วย 100 จะได้ดัชนีของแต่ละคาบเวลา ดัชนีจะมีค่าสูงสุดเท่ากับ 100 และค่าต่ำสุดเท่ากับ 0
3. การนำไปใช้ประโยชน์ เพื่อแสดงทิศทางเศรษฐกิจภาคการส่งออก ใช้เส้นค่า 50 (break even point) เป็นเกณฑ์ในการพิจารณา ถ้าผลการคำนวณดัชนีอยู่เหนือเส้น50 แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจดีขึ้น ถ้าดัชนีอยู่ใกล้แนวเส้น 50แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจไม่เปลี่ยนแปลง และถ้าดัชนีอยู่ใต้เส้น 50แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจแย่ลง ทั้งนี้ ในช่วงเศรษฐกิจขยายตัว หากดัชนีตัดแนวเส้น 50 ลงมา หมายถึง ภาวะธุรกิจแย่ลงหรือชะลอตัว สำหรับในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ถ้าดัชนีตัดแนวเส้น 50 ขึ้นไป แสดงว่าภาวะธุรกิจดีขึ้นหรือขยายตัว
ที่มา: สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โทร.0 2507 5811-13, โทรสาร 0 2507 5806,0 2507 5825
www.price.moc.go.thEmail: [email protected]