การส่งออกยังมีแนวโน้มที่ดี
ผลการสารวจความคิดเห็นของผู้ส่งออก จานวน 214 ราย ได้ผลดังนี้
ดัชนีมูลค่าส่งออก ในเดือนพฤษภาคม 2554 มีค่าเท่ากับ 57.1 สินค้าที่มีมูลค่าส่งออก เพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เหล็ก/ เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ สิ่งทอ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป และ อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง ส่วนสินค้าที่มีมูลค่าส่งออก ลดลง ได้แก่ เคมีภัณฑ์ เสื้อผ้าสาเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ ยางพารา และ เชื้อเพลิงและพลังงาน
ดัชนีคาสั่งซื้อใหม่ ในเดือนพฤษภาคม 2554 มีค่า 54.3 สินค้าที่มีคาสั่งซื้อใหม่ เพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เหล็ก/ เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและ แปรรูป อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง และเชื้อเพลิงและพลังงาน ส่วนสินค้าที่มูลค่าคาสั่งซื้อใหม่ ลดลง ได้แก่ เคมีภัณฑ์ เสื้อผ้าสาเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ สิ่งทอ และยางพารา
ดัชนีการจ้างงานในเดือนพฤษภาคม 2554 มีค่าเท่ากับ 57.2 แสดงว่าการจ้างงานภาคการส่งออกมีแนวโน้มดีขึ้น
ดัชนีสินค้าคงคลังในเดือนพฤษภาคมน 2554 มีค่า 48.3 มูลค่า สินค้าคงคลังที่ ลดลง ได้แก่ ยานพาหนะ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ เหล็ก/เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ เสื้อผ้าสาเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ยางพารา และเชื้อเพลิงและพลังงาน ส่วนมูลค่าสินค้าคงคลังที่ เพิ่มขึ้น ได้แก่ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก รองเท้าและชิ้นส่วน และ ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป
ปัญหา
- อัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่แน่นอน
- ขาดแคลนแรงงานที่มีฝีมือ และการเข้าออกของแรงงาน
- ความแออัดของท่าเรือขนส่ง การปิดปรับปรุงชั่วคราวและการเพิ่มค่าธรรมเนียม
- ต้นทุนวัตถุดิบสูงกว่าที่ประมาณการมาก
- สภาพทางการเมืองและภัยธรรมชาติ
ภาครัฐควรดาเนินการ ดังนี้
- เพิ่มท่าเรือขนส่งเพื่อลดความแออัดและล่าช้า
- พิจารณาและปรับปรุงกฎระเบียบการนาเข้าวัตถุดิบและพิธีการนาเข้า-ส่งออกให้ยืดหยุ่นมากขึ้น
- อบรมแรงงานต่างด้าวให้เป็นแรงงานมีฝีมือมากขึ้น
- ชดเชยภาษีส่งออกในอัตราที่สูงขึ้นและรวดเร็ว
- ขยายตลาดส่งออก เร่งเจรจากับประเทศคู่ค้า
หมายเหตุ : การจัดทำดัชนีภาวะธุรกิจส่งออกจะมีการปรับปรุงข้อมูลดัชนีย้อนหลัง 1 เดือน
1. กลุ่มสินค้าเป้าหมายที่ทำการสำรวจ มีจำนวน 86 กลุ่มสินค้า
2. การคำนวณดัชนี เป็นดัชนีการกระจาย (Diffusion Index) ซึ่งเป็นดัชนีที่มีคุณสมบัติเด่นในการเป็นตัวชี้นำ (leading indicator) และแสดงทิศทางการเติบโต (growth) ของภาวะธุรกิจ จากการ แปลงข้อมูลเชิงคุณภาพ (qualitative) ให้เป็นข้อมูลเชิงปริมาณ (quantitative) โดยกำหนดค่าคำตอบที่ได้รับจากผู้ตอบแบบสอบถาม คือ เพิ่มขึ้นให้คะแนน เท่ากับ 1 เท่าเดิมให้คะแนน เท่ากับ 0.5 และ ลดลงให้คะแนนเท่ากับ 0 จากนั้นนำคะแนนทั้งหมดมารวมกัน หารด้วยจำนวนผู้ตอบแบบทั้งหมด แล้วคูณด้วย 100 จะได้ดัชนีของแต่ละคาบเวลา ดัชนีจะมีค่าสูงสุดเท่ากับ 100 และค่าต่ำสุดเท่ากับ 0
3. การนำไปใช้ประโยชน์ เพื่อแสดงทิศทางเศรษฐกิจภาคการส่งออก ใช้เส้นค่า 50 (break even point) เป็นเกณฑ์ในการพิจารณา ถ้าผลการคำนวณดัชนีอยู่เหนือเส้น50 แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจดีขึ้น ถ้าดัชนีอยู่ใกล้แนวเส้น 50แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจไม่เปลี่ยนแปลง และถ้าดัชนีอยู่ใต้เส้น 50 แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจแย่ลง
ทั้งนี้ ในช่วงเศรษฐกิจขยายตัว หากดัชนีตัดแนวเส้น 50 ลงมา หมายถึง ภาวะธุรกิจแย่ลงหรือชะลอตัว สำหรับในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ถ้าดัชนีตัดแนวเส้น 50 ขึ้นไป แสดงว่าภาวะธุรกิจดีขึ้นหรือขยายตัว
ที่มา: สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โทร.0 2507 5811-13, โทรสาร 0 2507 5806,0 2507 5825
www.price.moc.go.thEmail: [email protected]