ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 เนื่องจากนโยบายกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศของรัฐบาล เช่น นโยบายรถคันแรก อีกทั้งการจับจ่าย ใช้สอยที่แพร่สะพัดจากการท่องเที่ยวภายในประเทศ ส่งผลให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น
ผลการสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนพฤศจิกายน 2555 จากประชาชน สาขาอาชีพต่างๆ จำนวน 3,163 คน ทุกจังหวัดทั้งประเทศ พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมปรับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา จาก 34.5 เป็น 36.6 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีต่อสถานการณ์ปัจจุบันปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 24.1 เป็น 25.1 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีต่อสถานการณ์ในอนาคต (3 เดือน) ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 41.4 เป็น 44.1 เนื่องจากนโยบายกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ เช่น นโยบายรถคันแรก อีกทั้งการจับจ่าย ใช้สอยที่แพร่สะพัดจากการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลลอยกระทง ส่งผลให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น และจากการที่รัฐบาลออกนโยบายยกระดับรายได้/ ลดภาระค่าใช้จ่ายต่างๆเพื่อช่วยเหลือประชาชน เช่น การตรึงราคาน้ำมันดีเซล จากปัจจัยบวกดังกล่าว ส่งผลให้ค่าดัชนีทุกรายการปรับตัวเพิ่มขึ้นแต่ทั้งนี้ค่าดัชนียังต่ำกว่าเส้น 50 สะท้อนให้เห็นว่าระดับความเชื่อมั่นของประชาชนยังไม่สูงมากนัก
นอกจากนี้ พบว่า ประชาชนมีความคาดหวังที่มีต่อรายได้ในอนาคต (3 เดือนข้างหน้า) เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ใช้จ่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในปัจจุบันปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน อีกทั้งค่าดัชนีทั้งสองด้านยังสูงกว่าที่ระดับ 50 แสดงว่าประชาชนยังมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้านการวางแผนซื้อรถยนต์ในอนาคตและการวางแผนซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆใน 6 เดือนข้างหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามผลจากการสำรวจความคิดเห็น พบว่า ประชาชนยังให้ความสำคัญในเรื่องค่าครองชีพและปากท้องเป็นอันดับแรกในด้านเศรษฐกิจ และปัญหาเรื่องการคอรัปชั่นและยาเสพติด ซึ่งเป็นปัญหาอันดับแรกด้านสังคม
โดยภาพรวมผู้บริโภคต้องการให้รัฐบาลแก้ไขปัญหา ราคาสินค้าเป็นอันดับแรก รองลงมาคือ ราคาน้ำมันและค่าครองชีพ
1.ควบคุมราคาสินค้า/ดูแลราคาน้ำมันและก๊าซแอลพีจี ที่เป็นต้นทุนของสินค้าประเภทต่างๆ
2.แก้ปัญหาเรื่องปากท้องของประชาชน
3.สร้างความมีเสถียรภาพทางการเมือง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและผู้บริโภค
4.หามาตรการต่างๆเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายเล็ก ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรง 300 บาท
5.เร่งการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยการเร่งพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภค
โดยเฉพาะระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพ
1.แก้ไขปัญหาการคอรัปชั่น สร้างความโปร่งใสในหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเร่งด่วน
2.แก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
3.แก้ไขปัญหาการว่างงานโดยเฉพาะผู้ที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรี
4.บริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพ แก้ไขปัญหาภัยแล้ง ที่ปัจจุบันสร้างความเสียให้กับพื้นที่เพาะปลูกเป็นจำนวนมาก
5.ดูแลราคาสินค้าเกษตรบางรายการไม่ให้มีราคาตกต่ำ ได้แก่ ยางพาราและมันสำปะหลัง เพื่อให้เกษตรกรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
---------------------------------------
ที่มา: สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์
โทร 0 2507 7000 โทรสาร 0 2507 5825