ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกันยายน 2558
การชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจและความแปรปรวนของสภาพอากาศ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค
ผลการสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนกันยายน 2558 จากประชาชน สาขาอาชีพต่างๆ ทุกจังหวัด จำนวน 3,417 คน พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นฯ มีค่า 35.4 ปรับเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2558 ที่มีค่า 34.6 ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ที่มีต่อสถานการณ์ปัจจุบันมีค่า 28.4 ปรับลดลง เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา ที่มีค่า 28.5 และค่าดัชนีความเชื่อมั่นฯ ที่มีต่อสถานการณ์ในอนาคต (3 เดือนข้างหน้า) มีค่า 40.0 ปรับเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา ที่มีค่า 38.7 ทั้งนี้ค่าดัชนีทุกรายการยังต่ำกว่า ที่ระดับ 50 สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนยังไม่มีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจ จากการที่เศรษฐกิจโลก ยังชะลอตัวและโครงสร้างเศรษฐกิจไทยมีความเปราะบาง ราคาผลผลิตทางการเกษตรยังไม่ดีขึ้น การส่งออกหดตัวต่อเนื่อง ทั้งยัง เกิดพายุดีเปรสชั่น ฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องและน้ำท่วมในหลายพื้นที่ สร้างความเสียหายแก่ผลผลิตทางการเกษตร บ้านเรือนและทรัพย์สินของประชาชน แต่ปริมาณน้ำในเขื่อนกลับอยู่ในระดับที่น้อยกว่าทุกปี ซึ่งสร้างความกังวลแก่ภาคการเกษตรและประชาชน ทั้งนี้ รัฐบาลได้เร่งรัดให้หน่วยงานต่างๆเตรียมแผนรับมือกับวิกฤติภัยแล้ง พร้อมทั้งช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง อีกทั้งได้ออกมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชนที่มีรายได้น้อยและกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็ก 3 มาตรการในวงเงิน 1.36 แสนล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้น้อย และกระจายรายได้สู่ชุมชน รวมทั้ง ขยายมาตรการรถไฟและรถเมล์ฟรีไปอีก 3 เดือนจากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ตุลาคม 2558 เป็นสิ้นสุดในวันที่ 31 มกราคม 2559 และมติ กบง. ปรับลดราคาขายปลีกก๊าซ LPG ลง 0.67 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งผลดีต่อภาคครัวเรือน
ความคาดหวังที่มีต่อรายได้ในอนาคต (3 เดือนข้างหน้า) อยู่ที่ระดับ 45.9 ปรับเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา แต่ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 50 สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคยังไม่มีความเชื่อมั่นต่อรายได้ในอนาคต ส่วนการใช้จ่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในปัจจุบัน ปรับลดลงเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา และการวางแผนซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ/รถยนต์ใน 6 เดือนข้างหน้า ยังคงอยู่ในระดับที่ ไม่มีความเชื่อมั่นอย่างต่อเนื่อง จากการที่ภาวะเศรษฐกิจยังอยู่ในช่วงชะลอตัว รายได้ของประชาชนยัง ไม่เพียงพอต่อรายจ่าย ก่อให้เกิดหนี้ภาคครัวเรือนที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ทั้งยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ ทางเศรษฐกิจ ประชาชนจึงใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence Index)
รายการ มี.ค.58 เม.ย.58 พ.ค.58 มิ.ย.58 ก.ค.58 ส.ค.58 ก.ย.58 ดัชนีความเชื่อมั่นโดยรวม 40.0 38.8 38.9 38.9 33.7 34.6 35.4 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence Index) รายการ มี.ค.58 เม.ย.58 พ.ค.58 มิ.ย.58 ก.ค.58 ส.ค.58 ก.ย.58 ดัชนีความเชื่อมั่นที่มีต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน 34.1 32.5 32.6 32.5 27.5 28.5 28.4 ดัชนีความเชื่อมั่นที่มีต่อสถานการณ์ในอนาคต 44.0 42.9 43.1 43.2 37.8 38.7 40.0 ระดับความเชื่อมั่นผู้บริโภคในด้านต่างๆ รายการ มี.ค.58 เม.ย.58 พ.ค.58 มิ.ย.58 ก.ค.58 ส.ค.58 ก.ย.58 รายได้ในอนาคต (3 เดือนข้างหน้า) 49.5 47.0 47.3 47.8 43.5 44.9 45.9 ระดับความเชื่อมั่นผู้บริโภคในด้านต่างๆ รายการ มี.ค.58 เม.ย.58 พ.ค.58 มิ.ย.58 ก.ค.58 ส.ค.58 ก.ย.58 โอกาสในการหางานทำในปัจจุบัน 25.6 24.2 26.1 26.2 22.1 21.5 22.3 โอกาสในการหางานทำในอนาคต (3 เดือนข้างหน้า) 30.6 31.6 31.7 31.4 26.8 25.9 27.5 ระดับความเชื่อมั่นผู้บริโภคในด้านต่างๆ รายการ มี.ค.58 เม.ย.58 พ.ค.58 มิ.ย.58 ก.ค.58 ส.ค.58 ก.ย.58 การใช้จ่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในปัจจุบัน 61.7 59.8 58.5 59.0 56.3 58.9 52.9 การวางแผนที่จะซื้อรถยนต์ใน 6 เดือนข้างหน้า 14.6 14.6 15.3 16.4 14.0 13.4 12.7 การวางแผนที่จะซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าคงทนต่างๆ 22.0 19.8 20.2 20.7 20.2 19.3 19.7 (ยกเว้นบ้านและรถยนต์) ใน 6 เดือนข้างหน้า ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภครายภูมิภาค
เมื่อพิจารณาเป็นรายภาค พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนกันยายน 2558 ภาคที่ปรับเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา คือ ภาคกลาง จาก 39.9 เป็น 40.4 ภาคเหนือ จาก 34.9 เป็น 36.3 ภาคตะวันออก จาก 25.8 เป็น 35.1 และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จาก 36.0 เป็น 40.1 ส่วนภาคที่ปรับลดลง คือ กรุงเทพฯ/ปริมณฑล จาก 38.6 เป็น 36.2 และภาคใต้จาก 25.9 เป็น 21.4 โดยค่าดัชนีในทุกภาคยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 50 แสดงว่าประชาชนยังไม่มีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจ เนื่องจากเกิดพายุดีเปรสชั่น ฝนตกหนักและน้ำท่วมในหลายพื้นที่ แต่ปริมาณน้ำในเขื่อนยังอยู่ในระดับที่น้อยกว่าทุกปี เกรงว่าจะไม่เพียงพอต่อภาคการเกษตรในฤดูกาลต่อไป รวมทั้ง สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สิน ทั้งยังส่งผลให้ผลผลิตทางการเกษตรในพื้นที่ไม่สามารถระบายออกมาจำหน่ายได้ จากการที่ผู้รับซื้อไม่กล้าเข้าไปในพื้นที่เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตราย
บทสะท้อนจากข้อคิดเห็นของประชาชนที่ต้องการให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาต่างๆ
1. ดูแลปัญหาปากท้อง ค่าครองชีพ ราคาสินค้าอุปโภคและบริโภคของประชาชน
2. กระตุ้นการท่องเที่ยวและส่งเสริมการลงทุน
3. กระตุ้นกำลังซื้อและการบริโภคภายในประเทศ
4. ช่วยเหลือเกษตรกร หามาตรการต่อรองหรือเพิ่มราคาผลผลิตทางการเกษตรไม่ให้มีราคาตกต่ำ
5. แก้ไขปัญหาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร
6. ระบายข้าวสู่ตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น
7. เร่งผลักดันการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ เพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่นและให้มีเม็ดเงินกระจายสู่ภาคประชาชนให้เร็วที่สุด
8. สนับสนุนผู้ผลิตรายย่อยเพื่อให้เกิดการจ้างงานและรายได้ 9. สนับสนุนให้มีโครงการผู้ผลิตพบผู้บริโภค
1. ปราบปรามการทุจริตและคอรัปชั่น ดูแลรักษาความสงบภายในประเทศ
2. แก้ไขปัญหายาเสพติดเพื่อลดการเกิดปัญหาอาชญากรรม
3. แก้ไขปัญหาความรุนแรงและความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
4. สร้างงาน สร้างรายได้ให้กับผู้ว่างงานและผู้ที่มีรายได้น้อย ให้เศรษฐกิจในชุมชุนมีความเข้มแข็ง
5. แก้ไขปัญหาหนี้ภาคครัวเรือน ดูแลความเป็นอยู่ของเกษตรกร ผู้ที่มีรายได้น้อยและคนในชุมชุนต่างๆ
6. วางแผนการบริหารจัดการน้ำในระยะยาว เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วม
ที่มา: สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์
โทร 0 2507 7000 โทรสาร 0 2507 5825