ดัชนีภาวะธุรกิจส่งออก (Export Business Index) ประจำเดือนกันยายน (September 2016)
ดัชนีมูลค่าส่งออก
ในภาพรวมปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนที่ระดับ 50.8 มาอยู่ที่ระดับ 48.6 ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงทุกดัชนี เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ส่งผลให้ความต้องการสินค้ามีทิศทางชะลอลงตามไปด้วย โดยเป็นผลจากการสำรวจความคิดเห็นของผู้ส่งออก จำนวน 214 ราย ได้ผลดังนี้
ดัชนีมูลค่าส่งออก เดือนกันยายน 2559 มีค่าเท่ากับ 47.7 แสดงว่า มูลค่าการส่งออกมีแนวโน้มลดลงปัจจัยหลักเป็นผลมาการชะลอตัวของคำสั่งซื้อที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยสินค้าที่คาดว่าจะมีมูลค่าส่งออก ลดลงได้แก่ เหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป รองเท้าและชิ้นส่วน สิ่งทอ ยางพารา อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง เชื้อเพลิงและพลังงาน และอาหารสำเร็จรูป
ขณะที่สินค้าที่มีมูลค่าส่งออก เพิ่มขึ้นได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ ยานพาหนะ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เคมีภัณฑ์ อัญมณีและเครื่องประดับ เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน และเครื่องอิเล็กทรอนิกส์
ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่ เดือนกันยายน 2559 มีค่าเท่ากับ 49.3 แสดงว่า คำสั่งซื้อใหม่มีแนวโน้มลดลง เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัว ซึ่งจะทำให้การส่งออกของไทยยังไม่สามารถผลักดันให้ขยายตัวได้มากกว่าเดิมโดยคาดว่าคำสั่งซื้อหลังจากนี้จะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงปลายปีซึ่งใกล้กับช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ สินค้าที่มูลค่าคำสั่งซื้อใหม่ ลดลงได้แก่ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เสื้อผ้ามูลค่าคำสั่งซื้อใหม่ ลดลงได้แก่ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป รองเท้าและชิ้นส่วน สิ่งทอ ยางพารา อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง และเชื้อเพลิงและพลังงาน
ขณะที่สินค้าที่มูลค่าคำสั่งซื้อใหม่ เพิ่มขึ้นได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ ยานพาหนะ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เคมีภัณฑ์ อัญมณีและเครื่องประดับ เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ผักผลไม้สด แช่เย็นแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป และเครื่องอิเล็กทรอนิกส์
ดัชนีการจ้างงาน เดือนกันยายน 2559 มีค่าเท่ากับ 49.1 แสดงให้เห็นว่าทิศทางการจ้างงานของภาคการส่งออกมีแนวโน้มลดลงโดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมซึ่งชะลอตัวลง เนื่องจากขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะและมีฝีมือ รวมทั้งแรงงานไร้ฝีมือเป็นจำนวนมาก
ดัชนีสินค้าคงคลังเดือนกันยายน 2559 มีค่าเท่ากับ 48.4 แสดงว่า สินค้าคงคลังมีแนวโน้มลดลงเป็นผลมาจากภาคอุตสาหกรรมต้องเร่งระบายสินค้าคงคลัง เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังโดยสินค้าคงคลังที่มีมูลค่า ลดลงได้แก่ ยานพาหนะ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ เสื้อผ้าสำเร็จรูป รองเท้าและชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์ยาง เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง เชื้อเพลิงและพลังงาน เครื่องอิเล็กทรอนิกส์
ขณะที่มูลค่าสินค้าคงคลังที่ เพิ่มขึ้นได้แก่ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ อัญมณีและเครื่องประดับ และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง
ปัญหาและข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการ
- อัตราแลกเปลี่ยนไม่มีเสถียรภาพ
- แรงงานมีการปรับเปลี่ยนเข้า-ออกบ่อย
- ขาดแคลนแรงงานทีมีฝีมือและไร้ฝีมือในอุตสาหกรรมบางประเภท
- ขาดแคลนวัตถุดิบทั้งในประเทศและต่างประเทศ
- การแข่งขันทางด้านราคากับประเทศคู่แข่ง
- สภาพการเมือง และสงครามในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง
ภาครัฐควรดำเนินการ ดังนี้
- รักษาค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ
- พัฒนาแรงงานให้เป็นแรงงานฝีมือ
สำนักสารสนเทศและดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์
โทร.0 2507 5799-80 โทรสาร 0 2507 5806, 0 2507 5825
www.price.moc.go.th Email: neworders@moc.go.th