ดัชนีภาวะธุรกิจส่งออก (Export Business Index) ประจำเดือนพฤษภาคม (May 2017)

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday June 7, 2017 14:28 —สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า

ดัชนีภาวะธุรกิจส่งออก (Export Business Index) ประจำเดือนพฤษภาคม (May 2017)

Highlights

ภาพรวมดัชนีภาวะธุรกิจส่งออกเดือนพฤษภาคม 2560 เท่ากับ52.0 ปรับตัวสูงขึ้นจากเดือนก่อนที่อยู่ในระดับ 51.7 ซึ่งผู้ส่งออก มีมุมมองว่าภาวะการส่งออกยังมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจากการสำรวจความคิดเห็นของผู้ส่งออก จำนวน 308 ราย มีรายละเอียดผลการสำรวจดังนี้

ดัชนีมูลค่าส่งออก เดือนพฤษภาคม 2560 มีค่าเท่ากับ 52.3 แสดงว่า มูลค่าการส่งออกมีทิศทางดีขึ้น สาเหตุหลักมาจาก ผู้ส่งออกมีศักยภาพในการแข่งขันสูงขึ้น ประกอบกับความต้องการสินค้าที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มอาเซียนยุโรปและสหรัฐอเมริกา

สินค้าสำคัญที่มีมูลค่าส่งออก เพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ เหล็กเหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์ มันสำปะหลัง ผักผลไม้สด แช่เย็นแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป ข้าว ไก่แช่เยือกแข็งและแปรรูปอาหารสัตว์เลี้ยง อาหารสำเร็จรูป และเครื่องอิเล็กทรอนิกส์

ขณะที่สินค้าที่มีมูลค่าส่งออก ลดลง ได้แก่ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ รองเท้าและชิ้นส่วน สิ่งทอ ผลิตภัณฑ์ยาง น้ำตาลทราย อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง และเชื้อเพลิงและพลังงาน

ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่

ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่ เดือนพฤษภาคม 2560 มีค่าเท่ากับ 52.5 แสดงว่า คำสั่งซื้อใหม่มีแนวโน้มสูงขึ้น อันเนื่องมาจากการพื้นตัว ด้านเศรษฐกิจและการขยายตลาดใหม่ที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มอาเซียนและ CLMV

สินค้าที่มีมูลค่าคำสั่งซื้อใหม่ เพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์ มันสำปะหลัง ผักผลไม้สด แช่เย็นแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป ข้าว ไก่แช่เยือกแข็งและแปรรูป อาหารสัตว์เลี้ยง อาหารสำเร็จรูป และเครื่องอิเล็กทรอนิกส์

ขณะที่สินค้าที่มูลค่าคำสั่งซื้อใหม่ ลดลง ได้แก่ ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ รองเท้าและชิ้นส่วน สิ่งทอ ผลิตภัณฑ์ยาง น้ำตาลทราย เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน และเชื้อเพลิงและพลังงาน

ดัชนีการจ้างงาน

ดัชนีการจ้างงาน เดือนพฤษภาคม 2560 มีค่าเท่ากับ 49.7 แสดงให้เห็นว่าทิศทางการจ้างงานของภาคการส่งออกมีแนวโน้มลดลง โดยกลุ่มสินค้าที่มีการจ้างงานลดลง ได้แก่ ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เสื้อผ้าสำเร็จรูป สิ่งทอ ผลิตภัณฑ์ยาง เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ยางพารา อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ และอาหารสัตว์เลี้ยง

ดัชนีสินค้าคงคลัง

ดัชนีสินค้าคงคลังเดือนพฤษภาคม 2560 มีค่าเท่ากับ 53.6 แสดงว่าสินค้าคงคลังมีแนวโน้มสูงขึ้น เป็นผลมาจากปริมาณการผลิต ที่เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน ส่งผลให้มีสินคาคงคลังที่ เพิ่มขึ้นได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ยาง น้ำตาลทราย ผลิตภัณฑ์ มันสำปะหลัง ผักผลไม้ สด แช่เย็นแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป เชื้อเพลิงและพลังงาน และอาหารสำเร็จรูป

ขณะที่สินค้าคงคลังที่ ลดลง ได้แก่ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เสื้อผ้าสำเร็จรูป สิ่งทอ ยางพารา อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ และอาหารสัตว์เลี้ยง

ปัญหาและข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการ

ปัญหา
  • อัตราแลกเปลี่ยนไม่มีเสถียรภาพ
  • ขาดแคลนแรงงานทีมีฝีมือและไร้ฝีมือ
  • ต้นทุนค่าขนส่งทางเรือที่ปรับสูงขึ้น
  • การแข่งขันทางด้านราคาและคุณภาพสินค้าจากประเทศคู่แข่ง
  • การกีดกันทางการค้าของประเทศคู่ค้า
ข้อเสนอแนะ
  • ภาครัฐควรดำเนินการ ดังนี้
  • รักษาค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ
  • พัฒนาแรงงานให้มีแรงงานที่มีฝีมือเพิ่มมากขึ้น
  • เร่งแก้ไขกฎระเบียบและขั้นตอนในการส่งออกเพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้า
ภาคผนวก

1. กลุ่มสินค้าเป้าหมายที่ทำการสำรวจ มีจำนวน 86 กลุ่มสินค้า

2. การคำนวณดัชนี เป็นดัชนีการกระจาย (Diffusion Index) ซึ่งเป็นดัชนีที่มีคุณสมบัติเด่นในการเป็นตัวชี้นำ (leading indicator) และแสดงทิศทางการเติบโต (growth) ของภาวะธุรกิจจากการแปลงข้อมูลเชิงคุณภาพ (qualitative) ให้เป็นข้อมูลเชิงปริมาณ (quantitative) โดยกำหนดค่าคำตอบที่ได้รับจากผู้ตอบแบบสอบถาม คือ เพิ่มขึ้นให้คะแนน เท่ากับ 1 เท่าเดิมให้คะแนน เท่ากับ 0.5 และ ลดลงให้คะแนนเท่ากับ 0 จากนั้นนำคะแนนทั้งหมดมารวมกัน หารด้วยจำนวนผู้ตอบแบบทั้งหมด แล้วคูณด้วย 100 จะได้ดัชนีของแต่ละคาบเวลา ดัชนีจะมีค่าสูงสุดเท่ากับ 100 และค่าต่ำสุดเท่ากับ 0

3. การนำไปใช้ประโยชน์ เพื่อแสดงทิศทางเศรษฐกิจภาคการส่งออก ใช้เส้นค่า 50 (break even point) เป็นเกณฑ์ในการพิจารณา ถ้าผลการคำนวณดัชนีอยู่เหนือเส้น 50 แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจดีขึ้น ถ้าดัชนีอยู่ใกล้แนวเส้น 50 แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจ ไม่เปลี่ยนแปลง และถ้าดัชนีอยู่ใต้เส้น 50 แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจแย่ลง

ทั้งนี้ ในช่วงเศรษฐกิจขยายตัว หากดัชนีตัดแนวเส้น 50 ลงมา หมายถึง ภาวะธุรกิจแย่ลงหรือชะลอตัว สำหรับในช่วงเศรษฐกิจ ชะลอตัว ถ้าดัชนีตัดแนวเส้น 50 ขึ้นไป แสดงว่าภาวะธุรกิจดีขึ้นหรือขยายตัว

สำนักสารสนเทศและดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์

โทร.0 2507 5799-80 โทรสาร 0 2507 5806, 0 2507 5825

www.price.moc.go.th Email: neworders@moc.go.th


แท็ก การส่งออก  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ