ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนกรกฎาคม 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday August 1, 2018 15:04 —สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกรกฎาคม 2561

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมของประเทศ เดือนกรกฎาคม 2561 อยู่ที่ระดับ 37.1 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 36.3 สาเหตุสำคัญมาจากความเชื่อมั่นที่มีต่อภาวะเศรษฐกิจในอีก 3 เดือนข้างหน้า รายได้ในอีก 3 เดือนข้างหน้า การหางานทำในปัจจุบันและอีก 3 เดือนข้างหน้า ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมทั้ง ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคต ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน และการใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภคปัจจุบันสูงกว่าระดับ 50 ต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี ขณะที่ความเชื่อมั่นที่มีต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ปรับตัวลดลงเล็กน้อย

  • ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบัน ปรับลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 30.0 มาอยู่ที่ระดับ 29.9 สาเหตุสำคัญมาจากความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ปรับตัวลดลง จาก 35.8 มาอยู่ที่ 35.5 ขณะที่การหางานทำในปัจจุบันปรับตัวเพิ่มขึ้น จาก 24.3 มาอยู่ที่ 24.4

+ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคต ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 40.4 มาอยู่ที่ระดับ 41.8 สาเหตุสำคัญมาจาก ความเชื่อมั่นในอีก 3 เดือนข้างหน้าที่มีต่อภาวะเศรษฐกิจ รายได้ และการหางานทำที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 45.6 45.9 และ 29.8 มาอยู่ที่ 47.8 47.8 และ 29.9 ตามลำดับ

ความเชื่อมั่นของประชาชนด้านการใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพในเดือนนี้เทียบกับเดือนที่ผ่านมา และเทียบกับ 3 เดือนที่ผ่านมา รวมทั้งการวางแผนจะซื้อรถยนต์ และสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้าคงทนต่างๆ ในระยะ 6 เดือนข้างหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 53.1 50.0 15.3 และ 22.7 มาอยู่ที่ 53.6 50.8 16.5 และ 23.5

บทสะท้อนจากข้อคิดเห็นของประชาชนที่ต้องการให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาต่างๆ

ด้านเศรษฐกิจ

1. กระตุ้นสภาวะเศรษฐกิจทั่วไปให้ดีขึ้นโดยเร็ว โดยเฉพาะเศรษฐกิจระดับล่าง

2. ดูแลประชาชนให้เป็นหนี้น้อยลง รวมทั้งไม่สนับสนุนสร้างหนี้เพิ่ม

3. สร้างงาน และกระจายรายได้ให้ทั่วถึงทุกภูมิภาค ชาวบ้านจะได้มีเงินไม่ต้องย้ายที่อยู่เพื่อทำงาน

4. ลดภาระค่าครองชีพของประชาชนให้เหมาะสมกับรายได้ในปัจจุบัน เนื่องจากจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น ส่งผลกระทบ ทำให้รายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย

5. ดูแลรายได้ประชาชนให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน

6. การควบคุมแก้ปัญหาในด้านราคาสินค้าอุปโภค-บริโภคให้ลดลง ให้เหมาะสมกับต้นทุนที่เป็นปัจจุบัน

7. ประกันราคาสินค้าพืชผลทางการเกษตรให้มีราคาที่ดี เนื่องจากราคาสินค้าพืชผลทางการเกษตรกรรมตกต่ำมาก เช่น ราคายางพารา และปาล์มน้ำมัน เกษตรกรเดือดร้อนอย่างหนัก และขอให้ภาครัฐช่วยหาตลาดหรือช่องทางระบายผลไม้ เช่น มังคุด ลองกอง อย่างเป็นระบบ

8. บริหารนโยบายการนำเข้าสินค้าเกษตรจากต่างประเทศ ไม่ให้กระทบด้านราคาสินค้าเกษตรที่ประเทศเรามีอยู่แล้ว เช่น ผลมะพร้าว ข้าวโพด เป็นต้น

9. กำกับดูแลราคาก๊าซหุงต้ม น้ำมัน อาหารตามสั่ง สาธารณูปโภค ซึ่งมีราคาสูงขึ้น และแพงมาก

10. กระตุ้นให้เกิดการบริโภคให้มีการจับจ่ายใช้สอยและการลงทุนของประชาชน ผ่านโครงการของรัฐบาล รวมทั้งส่งเสริมการลงทุนจากภาคเอกชน

11. กระตุ้นดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารให้สูงขึ้น

12. แก้ไขปัญหาการว่างงาน

13. การบริหารการเงิน การคลัง และการธนาคาร ให้มีประสิทธิภาพ เช่น การให้สินเชื่อผู้ประกอบการ ควบคุมอัตราแลกเปลี่ยน

14. ส่งเสริมการท่องเที่ยวให้ดียิ่งขึ้น

ด้านสังคม

1. การบริหารงานจัดการของรัฐบาล กระจายงบประมาณสู่ชุมชนอย่างจริงจัง

2. ปราบปรามการแพร่ระบาดยาเสพติดในหมู่บ้านทุกๆ พื้นที่ให้เด็ดขาด

3. ลดการเหลื่อมล้ำทางสังคม และด้านรายได้

4. แก้ไขปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น โกงกิน การเห็นแก่ตัวของข้าราชการระดับสูง พวกพ้อง ควรทำอย่างจริงจัง โดยการแก้ไขกฎหมายการลงโทษให้เด็ดขาดกว่านี้

5. สร้างแรงจูงใจให้คนในชุมชนเข้าวัดฟังธรรมให้มากขึ้น

6. แก้ไขปัญหาความยากจน ปากท้องของประชาชน

7. ให้มีการเลือกตั้งตามระยะเวลาที่กำหนด

ที่มา: กองสารสนเทศและดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์

โทรศัพท์ 02-5076554 โทรสาร 02-5075806

http://www.price.moc.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ