ดัชนีราคาส่งออก-นำเข้าของประเทศเดือนมีนาคม 2562 และไตรมาสแรกของปี 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday April 25, 2019 10:26 —สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า

ดัชนีราคาส่งออก-นำเข้าของประเทศ เดือนมีนาคม 2562

ดัชนีราคาส่งออก เดือนมีนาคม 2562 เท่ากับ 101.1 (ปี 2555 = 100) เทียบกับเดือนมีนาคม 2561 สูงขึ้นร้อยละ 0.5 (YoY) ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องตามทิศทางราคาน้ำมันตลาดโลกที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ประกอบกับคำสั่งซื้อจากตลาด ต่างประเทศที่มีอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้หมวดสินค้าที่ทำให้ดัชนีราคาส่งออกปรับตัวสูงขึ้น ประกอบด้วย หมวดสินค้าแร่และ เชื้อเพลิง โดยเฉพาะน้ำมันสำเร็จรูป และน้ำมันดิบ รองลงมาคือ หมวดสินค้าอุตสาหกรรม ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ และเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ หมวดสินค้าเกษตรกรรม ได้แก่ ไก่สด แช่เย็นแช่แข็ง ข้าว ผัก ผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็งและแห้ง และยางพารา ขณะที่หมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร ยังคงปรับตัวลดลง ได้แก่ น้ำตาลทราย และอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป

ดัชนีราคานำเข้า เดือนมีนาคม 2562 เท่ากับ 93.1 (ปี 2555 = 100) เทียบกับเดือนมีนาคม 2561 สูงขึ้นร้อยละ 0.4 (YoY) หมวดสินค้าที่ปรับสูงขึ้น ประกอบด้วย หมวดสินค้าเชื้อเพลิง ได้แก่ น้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติปิโตรเลียม และน้ำมัน สำเร็จรูป หมวดสินค้าทุน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องมือ เครื่องใช้ทางวิทยาศาสตร์ การแพทย์ และการทดสอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ขณะที่หมวดสินค้าที่ดัชนีราคานำเข้าลดลง ประกอบด้วย หมวดยานพาหนะ และอุปกรณ์การขนส่ง ได้แก่ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ ส่วนประกอบและอุปกรณ์จักรยานยนต์และรถจักรยาน หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม สบู่ ผงซักฟอกและเครื่องสำอาง และผัก ผลไม้และของปรุงแต่งที่ทำจากผัก ผลไม้ และหมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป ได้แก่ เคมีภัณฑ์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ สินแร่โลหะ ผลิตภัณฑ์ทำจากพลาสติก วัสดุทำจากยาง และปุ๋ย และยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์

อัตราการค้า (Term of Trade) ของประเทศไทย เดือนมีนาคม 2562

เป็นเกณฑ์วัดความได้เปรียบเสียเปรียบทางการค้าของประเทศ พิจารณาจากอัตราส่วนระหว่างดัชนีราคาส่งออกกับดัชนีราคานำเข้า ซึ่งอัตราการค้าของไทย ในเดือนมีนาคม 2562 เท่ากับ 108.6 (เดือนกุมภาพันธ์ 2562 เท่ากับ 108.5) มีค่าสูงกว่า 100 แสดงว่าประเทศไทยยังมีความสามารถทางการแข่งขันที่ดี ทั้งนี้ เนื่องจากราคาสินค้าส่งออกโดยรวมอยู่ในระดับที่สูงกว่าราคานำเข้า โดยเฉพาะสินค้าส่งออกสำคัญของไทย อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผักและ ผลไม้แปรรูป ผลิตภัณฑ์ทำจากข้าวและแป้ง ปุ๋ย เครื่องสำอาง สบู่และผลิตภัณฑ์รักษาผิว และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ซึ่งเป็นไปตามความต้องการสินค้าจากตลาดต่างประเทศที่มีอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์พลาสติก เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ราคาส่งออกสูงกว่าราคานำเข้าเช่นกัน เนื่องจากเป็นวัตถุดิบเกี่ยวเนื่องกับราคาน้ำมันตลาดโลก ที่ปรับตัวสูงขึ้น

ดัชนีราคาส่งออกของประเทศเดือนมีนาคม 2562

ดัชนีราคาส่งออกของประเทศ แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาสินค้าส่งออกในรูปของดัชนี โดยใช้วัด การเปลี่ยนแปลงของราคาส่งออกที่ผู้ส่งออกในประเทศไทยได้ส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ ทั้งนี้ ราคาส่งออกที่สำรวจ เป็น ราคา F.O.B (Free On Broad) ครอบคลุม 4 หมวดสินค้า ได้แก่ หมวดสินค้าเกษตรกรรม หมวดสินค้าอุตสาหกรรม การเกษตร หมวดสินค้าอุตสาหกรรม และหมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง มีจำนวนรายการสินค้าทั้งหมด 682 รายการ สรุป ได้ดังนี้

1. ดัชนีราคาส่งออกของประเทศเดือนมีนาคม 2562 เท่ากับ 101.1 (ปีฐาน 2555 = 100) (เดือนกุมภาพันธ์ 2562 เท่ากับ 100.7) โดยดัชนีราคาส่งออกเดือนมีนาคม 2562 ในหมวดสินค้าเกษตรกรรม เท่ากับ 100.0 หมวดสินค้าอุตสาหกรรม- การเกษตร เท่ากับ 107.0 หมวดสินค้าอุตสาหกรรม เท่ากับ 102.9 และหมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง เท่ากับ 81.8

2. การเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาส่งออกของประเทศเดือนมีนาคม 2562 เมื่อเทียบกับ

2.1 เทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2562 (MoM) สูงขึ้นร้อยละ 0.4 โดยมีร้อยละการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าส่งออก จำแนกตามรายหมวดสินค้า ดังนี้

ดัชนีราคาส่งออกที่ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบด้วย หมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูปและน้ำมันดิบ เนื่องจากผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกร่วมมือกันปรับลดกำลังการผลิตเพื่อรักษาสมดุลปริมาณน้ำมันโลกและลดปริมาณน้ำมันดิบคงคลังที่อยู่ในระดับสูง หมวดสินค้าเกษตรกรรม ได้แก่ ยางพารา เนื่องจากปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยลง เพราะเข้าสู่ฤดูยางผลัดใบ ทำให้เกษตรกรหยุดกรีดยางเพื่อเป็นการพักต้นยางให้สามารถเติบโตได้ในระยะต่อไป นอกจากนี้ ผัก ผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็งและแห้ง และไก่สด แช่เย็นแช่แข็ง สูงขึ้นตามความต้องการของตลาดที่มีอย่างต่อเนื่อง และ หมวดสินค้าอุตสาหกรรม ได้แก่ เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง ผลิตภัณฑ์พลาสติก และเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ตามความต้องการสินค้าที่มีอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ขณะที่ดัชนีราคาส่งออกหมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรปรับตัวลดลง โดยสินค้าสำคัญที่ราคาลดลง ได้แก่ น้ำตาลทราย ตามปริมาณผลผลิตในตลาดโลก ที่อยู่ในระดับสูง

2.2 เทียบกับเดือนมีนาคม 2561 (YoY) สูงขึ้นร้อยละ 0.5 โดยมีร้อยละการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าส่งออกจำแนกรายหมวดสินค้า ดังนี้

หมวดสินค้าที่ดัชนีราคาส่งออกปรับสูงขึ้น ประกอบด้วย หมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง โดยเฉพาะน้ำมันสำเร็จรูป และน้ำมันดิบ หมวดสินค้าอุตสาหกรรม ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์พลาสติก และสิ่งทอ หมวดสินค้าเกษตรกรรม ได้แก่ ไก่สด แช่เย็นแช่แข็ง ข้าว ผัก ผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็งและแห้ง และยางพารา ขณะที่หมวดสินค้าที่ปรับตัวลดลง คือ หมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร ได้แก่ น้ำตาลทราย และอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป

2.3 เทียบเฉลี่ยกับเดือนมกราคม-มีนาคม 2561 (AoA) สูงขึ้นร้อยละ 0.4 โดยมีร้อยละการเปลี่ยนแปลง จำแนกรายหมวดสินค้า ดังนี้

หมวดสินค้าที่ดัชนีราคาส่งออกปรับสูงขึ้น ประกอบด้วยหมวดสินค้าอุตสาหกรรม ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง เคมีภัณฑ์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์พลาสติก และสิ่งทอ หมวดสินค้าเกษตรกรรม ได้แก่ ไก่สด แช่เย็นแช่แข็ง ข้าว ผัก ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และปลาสด แช่เย็นแช่แข็ง และหมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป และน้ำมันดิบ เป็นหลัก ขณะที่หมวดสินค้าที่ปรับตัวลดลง คือ หมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร ได้แก่ น้ำตาลทราย อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป

ทั้งนี้ แนวโน้มดัชนีราคาส่งออกในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 คาดว่าจะยังคงปรับสูงขึ้นเล็กน้อยตามทิศทางราคา น้ำมันดิบตลาดโลกที่สูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ให้มีการปรับสูงขึ้นตาม อย่างไรก็ตามจากปัจจัยเสี่ยงภายนอกที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เช่น แนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งเป็นผลจากปัจจัย พื้นฐานทางเศรษฐกิจในหลายประเทศที่ชะลอตัว รวมถึงมาตรการกีดกันทางการค้า ความไม่แน่นอนจากปัญหา Brexit ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาวะการเงินโลก และความผันผวนของค่าเงินในภูมิภาครวมถึงค่าเงินบาทไทย นอกจากนี้ราคาสินค้าเกษตรบางรายการที่ยังอยู่ในระดับต่ำจากปัญหาอุปทานล้นตลาดและการแข่งขันรุนแรงจากประเทศคู่แข่ง ได้แก่ ข้าว น้ำตาลทราย ไก่สดและกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง เป็นต้น ซึ่งอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันต่อทิศทางราคาส่งออกไทยในอนาคต

ดัชนีราคานำเข้าของประเทศเดือนมีนาคม 2562

ดัชนีราคานำเข้าของประเทศ แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาสินค้านำเข้าที่ผู้นำเข้าในประเทศไทยได้จ่ายไป เพื่อนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ทั้งนี้ ราคานำเข้าที่สำรวจเป็นราคา C.I.F. (Cost, Insurance และ Freight) ครอบคลุม 5 หมวดสินค้า ได้แก่ หมวดสินค้าเชื้อเพลิง หมวดสินค้าทุน หมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค และหมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง มีจำนวนรายการสินค้าทั้งหมด 728 รายการ สรุปได้ดังนี้

1. ดัชนีราคานำเข้าของประเทศเดือนกุมภาพันธ์ 2562 เท่ากับ 93.1 (ปีฐาน 2555 = 100) (เดือนกุมภาพันธ์ 2562 เท่ากับ 92.8) โดยดัชนีราคานำเข้าเดือนมีนาคม 2562 ในหมวดสินค้าเชื้อเพลิง เท่ากับ 71.8 หมวดสินค้าทุน เท่ากับ 103.1 หมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป เท่ากับ 96.9 หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค เท่ากับ 102.4 และหมวดยานพาหนะและ อุปกรณ์การขนส่ง เท่ากับ 94.9

2. การเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคานำเข้าของประเทศเดือนมีนาคม 2562 เมื่อเทียบกับ

2.1 เทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2562 (MoM) สูงขึ้นร้อยละ 0.3 โดยมีร้อยละการเปลี่ยนแปลงจำแนกรายหมวด สินค้า ดังนี้

หมวดสินค้าที่ดัชนีราคานำเข้าปรับสูงขึ้น คือ หมวดสินค้าเชื้อเพลิง ได้แก่ น้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป และก๊าซธรรมชาติปิโตรเลียม โดยสาเหตุหลักเป็นผลมาจากได้รับแรงหนุนจากข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปก รวมถึงปริมาณน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปคงคลังของสหรัฐฯ ที่ปรับลดลง ขณะที่หมวดสินค้าที่ปรับตัว ลดลง ประกอบด้วย หมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง ได้แก่ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ หมวดสินค้าอุปโภค และบริโภค ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม สบู่ ผงซักฟอกและเครื่องสำอาง และเครื่องใช้เบ็ดเตล็ด และหมวด สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป ได้แก่ ทองคำ เคมีภัณฑ์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ สำหรับหมวดสินค้าทุน ดัชนีราคา นำเข้าไม่เปลี่ยนแปลง แต่มีสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องมือ เครื่องใช้ทางวิทยาศาสตร์ การแพทย์ และการทดสอบ ขณะที่สินค้าที่ปรับตัวลดลง ได้แก่ ผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ทำจากยาง

2.2 เทียบกับเดือนมีนาคม 2561 (YoY) สูงขึ้นร้อยละ 0.4 โดยมีร้อยละการเปลี่ยนแปลงจำแนกรายหมวด สินค้า ดังนี้

หมวดสินค้าที่ดัชนีราคานำเข้าปรับสูงขึ้น ประกอบด้วย หมวดสินค้าเชื้อเพลิง ได้แก่ น้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติปิโตรเลียม และน้ำมันสำเร็จรูป หมวดสินค้าทุน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องมือ เครื่องใช้ทางวิทยาศาสตร์ การแพทย์ การทดสอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ขณะที่หมวดสินค้าที่ดัชนีราคานำเข้าลดลง ประกอบด้วย หมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง ได้แก่ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ ส่วนประกอบและอุปกรณ์จักรยานยนต์และรถจักรยาน หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม สบู่ ผงซักฟอกและเครื่องสำอาง ผัก ผลไม้และของปรุงแต่งที่ทำจากผัก ผลไม้ เครื่องใช้และเครื่องตกแต่งภายในบ้านเรือน และวัสดุและอุปกรณ์- สำนักงาน และหมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป ได้แก่ เคมีภัณฑ์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ สินแร่โลหะ ผลิตภัณฑ์- ทำจากพลาสติก วัสดุทำจากยาง ปุ๋ย และยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์

2.3 เทียบเฉลี่ยกับเดือนมกราคม-มีนาคม 2561 (AoA) สูงขึ้นร้อยละ 0.2 โดยมีร้อยละการเปลี่ยนแปลงจำแนกรายหมวดสินค้า ดังนี้

หมวดสินค้าที่ดัชนีราคานำเข้าปรับสูงขึ้น ประกอบด้วยหมวดสินค้าทุน ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องมือ เครื่องใช้ทางวิทยาศาสตร์ และการแพทย์ การทดสอบ และ หมวดสินค้าเชื้อเพลิง ได้แก่ ก๊าซปิโตรเลียมธรรมชาติ และน้ำมันดิบ ขณะที่หมวดสินค้าที่ดัชนีราคานำเข้าปรับลดลง ประกอบด้วย หมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง ได้แก่ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ และส่วนประกอบและ อุปกรณ์จักรยานยนต์ และหมวดสินค้าอุปโภคบริโภค ได้แก่ ผัก ผลไม้และของปรุงแต่งที่ทำจากผัก ผลไม้ เลนส์ แว่นตา และส่วนประกอบ เครื่องใช้และเครื่องตกแต่งภายในบ้านเรือน ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม สบู่ ผงซักฟอกและ เครื่องสำอาง และวัสดุและอุปกรณ์สำนักงาน สำหรับหมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป ดัชนีราคานำเข้าไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่มีสินค้าสำคัญที่ปรับสูงขึ้น ได้แก่ อุปกรณ์ ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้า พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง แปรรูปและกึ่งสำเร็จรูป ด้ายและเส้นใย และกระดาษและผลิตภัณฑ์กระดาษ ขณะที่สินค้าที่ราคาลดลง ได้แก่ เคมีภัณฑ์ สินแร่โลหะ และทองคำ

ทั้งนี้ แนวโน้มดัชนีราคานำเข้าในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 คาดว่าจะยังได้รับแรงกดดันจากราคาสินค้านำเข้าหลัก ของไทย คือ น้ำมันดิบ ที่อาจจะยังคงผันผวนค่อนข้างสูงและมีแรงกดดันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสินค้านำเข้า ที่เกี่ยวเนื่อง เช่น เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก และผลิตภัณฑ์ทำจากพลาสติก สินค้าเชื้อเพลิงอื่นๆ เป็นต้น นอกจากนี้ ประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่มีผลกระทบเชื่อมโยงกับการค้าโลก อาจส่งผลต่ออุปสงค์ของสินค้าต่างๆ ในตลาด รวมถึงระดับราคาสินค้านำเข้าของไทยได้

ที่มา: สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โทร 0 2507 7000 โทรสาร 0 2507 5825


แท็ก ดัชนีราคา  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ