ดัชนีราคาส่งออก-นำเข้าของประเทศเดือนกรกฎาคม 2564

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday August 25, 2021 10:56 —สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า

Highlights

ดัชนีราคาส่งออก เดือนกรกฎาคม 2564 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน สูงขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน ที่ร้อยละ 3.3(YoY)โดยเป็นการสูงขึ้นในอัตราชะลอลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ภาพรวมดัชนีราคาส่งออกยังคงปรับตัวสูงขึ้นทุกหมวดสินค้า โดยเฉพาะหมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง สูงขึ้นร้อยละ 44.3 ตามความต้องการใช้น้ำมันที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั่วโลก หมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร สูงขึ้นร้อยละ 4.7 จากราคาน้ำตาลทรายตามปริมาณผลผลิตในตลาดโลกที่ลดลงในช่วงก่อนหน้า หมวดสินค้าเกษตรกรรม สูงขึ้นร้อยละ 2.1 จากราคายางพาราเป็นสำคัญ ตามความต้องการใช้ยางพาราที่มีอย่างต่อเนื่อง เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมผลิตถุงมือยางและผลิตยางล้อรถยนต์ และหมวดสินค้าอุตสาหกรรม สูงขึ้นร้อยละ 1.9 โดยเฉพาะกับสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับราคาน้ำมันที่สูงขึ้น เช่น เม็ดพลาสติก และเคมีภัณฑ์ นอกจากนี้ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ยังคงได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของประเทศเศรษฐกิจหลัก ทำให้ความต้องการสินค้าขยายตัว

ดัชนีราคานำเข้า เดือนกรกฎาคม 2564 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนสูงขึ้นร้อยละ 11.1 (YoY)สูงขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8ติดต่อกันโดยหมวดสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบด้วยหมวดสินค้าเชื้อเพลิง สูงขึ้นร้อยละ 60.1 ได้แก่ น้ำมันดิบ และน้ำมันสำเร็จรูป ตามภาวะราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้น หมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป สูงขึ้นร้อยละ 6.0 ได้แก่ เคมีภัณฑ์ ตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่วนเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ตามต้นทุนในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น และปุ๋ยจากต้นทุนวัตถุดิบและค่าขนส่งที่เพิ่มสูงขึ้น หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค สูงขึ้นร้อยละ 3.3 ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน นมและผลิตภัณฑ์นม เนื้อสัตว์สำหรับการบริโภค และผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากต้นทุนการขนส่งที่เพิ่มขึ้นและหมวดสินค้าทุน สูงขึ้นร้อยละ 2.1 ได้แก่ผลิตภัณฑ์โลหะ จากต้นทุนเหล็กที่เพิ่มขึ้น เครื่องมือ เครื่องใช้ทางวิทยาศาสตร์ การแพทย์ การทดสอบเนื่องจากได้รับอานิสงส์จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ จากต้นทุนการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่และการขาดแคลนวัตถุดิบบางชนิด ขณะที่หมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง ลดลงร้อยละ 0.4 ได้แก่ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ เนื่องจากรถยนต์บางรุ่นราคาลดลงดัชนีราคาส่งออก ปี 2564 คาดว่าดัชนีราคาในช่วงที่เหลือจะอยู่ระดับสูงแต่อัตราชะลอลงจากช่วงครึ่งแรกของปีโดยราคาที่สูงขึ้นมีปัจจัยสนับสนุนจาก 1) การทยอยฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของหลายประเทศทั่วโลก จากการควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19ได้ดี 2)ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มสูงขึ้นตามอุปสงค์โลกที่ขยายตัว เมื่อรวมกับฐานราคาน้ำมันในปี 2563 ที่อยู่ในระดับต่ำ เป็นปัจจัยสนับสนุนให้ดัชนีราคาส่งออกมีอัตราการขยายตัวค่อนข้างสูง3) ต้นทุนผู้ประกอบการด้านการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่ยังไม่คลี่คลาย โดยเฉพาะค่าระวางเรือที่ปรับตัวสูงขึ้น 4) ความต้องการสินค้ากลุ่มอาหาร และเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง และ 5) สินค้าที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ เช่น คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และการสื่อสาร ยังอยู่ในกระแสความต้องการของตลาด

ดัชนีราคานำเข้า ปี 2564 คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นแต่มีอัตราที่ชะลอลงเช่นกัน โดยมีปัจจัยสนับสนุนให้ราคาสูงขึ้นจาก 1) เศรษฐกิจประเทศสำคัญกลับมาฟื้นตัว ส่งผลให้ความต้องการสินค้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็นวงกว้าง2) ราคาน้ำมันมีแนวโน้มสูงขึ้นกว่าปี 2563 3) ราคาวัตถุดิบที่สำคัญในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เช่น เหล็ก ทองแดง และอะลูมิเนียม เป็นต้น 4) ราคาสินค้าคอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวสูงขึ้น และ 5) ต้นทุนการขนส่งปรับตัวสูงขึ้น

อัตราการค้า (Term of Trade)เดือนกรกฎาคม 2564 อัตราการค้าของไทย ในเดือนกรกฎาคม 2564 เท่ากับ 102.0 (เดือนมิถุนายน 2564เท่ากับ 102.4) ทั้งนี้ อัตราการค้ายังสูงกว่า 100 แสดงถึงความได้เปรียบด้านราคาสินค้าส่งออกของไทยยังดีกว่าราคาสินค้านำเข้าโดยกลุ่มสินค้าที่ราคาส่งออกสูงกว่าราคานำเข้า (ได้เปรียบในอัตราการค้า) ได้แก่ ผัก ผักกระป๋องและแปรรูป เคมีภัณฑ์ ผลไม้ ผลไม้กระป๋องและแปรรูป เครื่องสำอาง สบู่และผลิตภัณฑ์รักษาผิว คอมพิวเตอร์ฯ เป็นต้น ขณะที่กลุ่มสินค้าที่ราคานำเข้าสูงกว่าราคาส่งออก (เสียเปรียบในอัตราการค้า) ได้แก่ น้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป ทองคำ ทองแดงและผลิตภัณฑ์ นมและผลิตภัณฑ์นม เป็นต้น 1. ดัชนีราคาส่งออกของประเทศเดือนกรกฎาคม 2564 เท่ากับ 103.5 (ปีฐาน 2555 =100) (เดือนมิถุนายน 2564 เท่ากับ 103.4) โดยดัชนีราคาส่งออกหมวดสินค้าเกษตรกรรม เท่ากับ 105.7หมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร เท่ากับ 114.0หมวดสินค้าอุตสาหกรรม เท่ากับ 104.4และหมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง เท่ากับ 84.7 2. การเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาส่งออกของประเทศเดือนกรกฎาคม2564 เมื่อเทียบกับ2.1 เทียบกับเดือนก่อนหน้า (MoM)สูงขึ้นร้อยละ 0.1 โดยมีการเปลี่ยนแปลง ดังนี้ หมวดสินค้าที่ดัชนีราคาส่งออกปรับตัวสูงขึ้น ประกอบด้วย หมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง สูงขึ้นร้อยละ 4.3 ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป และน้ำมันดิบ ตามความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะยุโรปและสหรัฐฯ ที่เริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ในหลายพื้นที่รวมถึงจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง หมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร สูงขึ้นร้อยละ 0.3 จากราคาน้ำตาลทรายที่ยังได้รับผลกระทบจากการผลิตที่ลดลง นอกจากนี้ อาหารสัตว์เลี้ยง ราคาสูงขึ้นตามความต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง หมวดสินค้าอุตสาหกรรม สูงขึ้นร้อยละ 0.1 โดยเฉพาะรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ซึ่งเป็นไปตามสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่ดีขึ้น นอกจากนี้ เม็ดพลาสติก และเคมีภัณฑ์ สูงขึ้นตามความต้องการและเป็นสินค้าที่มีความเกี่ยวเนื่องกับราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น ขณะที่หมวดสินค้าเกษตรกรรม ลดลงร้อยละ 3.0 เป็นผลจากสินค้าข้าวที่ราคาลดลงต่อเนื่องตามตลาดข้าวโลกที่ยังไม่ฟื้นตัว และผลกระทบของค่าระวางเรือที่ทรงตัวระดับสูงทำให้ความสามารถการแข่งขันลดลงและการส่งออกได้ต่ำกว่าเป้าหมาย รวมทั้งเดือนล่าสุดได้รับผลกระทบเพิ่มเติมจากราคายางพาราลดลง หลังจากประเทศผู้นำเข้าสำคัญอย่างมาเลเซียและอินโดนีเซียมีการปิดโรงงานการผลิตจากผลกระทบของโควิด ทำให้ความต้องการนำเข้ายางพาราลดลงจากเดือนก่อนหน้า 2.2เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนหน้า (YoY)สูงขึ้นร้อยละ 3.3 โดยมีการเปลี่ยนแปลง ดังนี้ ดัชนีราคาส่งออกปรับตัวสูงขึ้นทุกหมวดสินค้า ประกอบด้วย หมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง สูงขึ้นร้อยละ 44.3 ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป และน้ำมันดิบจากฐานของปีก่อนหน้าที่อยู่ในระดับต่ำรวมถึงราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกทยอยปรับตัวสูงขึ้นตามทิศทางเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว หมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร สูงขึ้นร้อยละ 4.7 จากราคาน้ำตาลทราย ตามปริมาณผลผลิตลดลงในช่วงก่อนหน้า อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป จากต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้น รวมถึงอาหารสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่นๆ ตามความต้องการบริโภคอย่างต่อเนื่องหมวดสินค้าเกษตรกรรม สูงขึ้นร้อยละ 2.1 ได้แก่ ยางพารา ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผลไม้สด แช่เย็นแช่แข็งและแห้ง และไก่สด แช่เย็น แช่แข็งและแปรรูป เนื่องจากประเทศคู่ค้า มีความต้องการใช้เป็นวัตถุดิบและบริโภคอย่างต่อเนื่อง และหมวดสินค้าอุตสาหกรรม สูงขึ้นร้อยละ 1.9 จากเม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์ยาง ตามความต้องการใช้และเป็นสินค้าเกี่ยวเนื่องกับราคาน้ำมันที่สูงขึ้น นอกจากนี้ เครื่องคอมพิวเตอร์ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ตามความต้องการของประเทศคู่ค้าที่ต้องการสินค้ารุ่นใหม่และใช้เทคโนโลยีขั้นสูง 2.3 เฉลี่ย7 เดือน ม.ค.-ก.ค. ปี 2564 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 (AoA)สูงขึ้นร้อยละ 3.1 โดยมีการเปลี่ยนแปลง ดังนี้ ดัชนีราคาส่งออกปรับตัวสูงขึ้นทุกหมวดสินค้า ประกอบด้วย หมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง สูงขึ้นร้อยละ 29.5 ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป และน้ำมันดิบ จากฐานราคาน้ำมันเฉลี่ยที่ต่ำกว่าในช่วงก่อนหน้า หมวดสินค้าเกษตรกรรม สูงขึ้นร้อยละ 6.6 ได้แก่ ยางพารา ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง และไก่สด แช่เย็น แช่แข็งและแปรรูป ตามความต้องการของตลาดเพิ่มขึ้น หมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร สูงขึ้นร้อยละ 4.3 ได้แก่ น้ำตาลทราย จากผลผลิตในตลาดโลกที่ลดลง นอกจากนี้ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ตามต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น โดยเฉพาะผลกระทบจากค่าระวางเรือที่สูงขึ้น ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปและอาหารสัตว์เลี้ยง ตามความต้องการบริโภคที่มีอย่างต่อเนื่อง และหมวดสินค้าอุตสาหกรรม สูงขึ้นร้อยละ 1.7 ได้แก่ เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ สูงขึ้นตามราคาน้ำมัน ส่วนคอมพิวเตอร์ฯ เหล็ก รถยนต์ เนื่องจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าปรับตัวดีขึ้น ทำให้ความต้องการสินค้าขยายตัว

ที่มา: สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์


แท็ก ดัชนีราคา  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ