ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนเมษายน 2566

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday May 3, 2023 11:24 —สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า

ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนเมษายน 2566 เท่ากับ 107.96(ปีฐาน 2562 =100)

เมื่อเทียบกับการเปลี่ยนแปลงร้อยละ1. เดือนเมษายน2565 (YoY)สูงขึ้น2.67 2. เดือนมีนาคม 2566 (MoM) สูงขึ้น0.19 3.เฉลี่ย 4 เดือน (ม.ค. -เม.ย.) ปี 2566

สูงขึ้น3.58 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (AoA)Highlights ดัชนีราคาผู้บริโภคของไทยเดือนเมษายน 2566เท่ากับ 107.96 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปสูงขึ้นร้อยละ 2.67 (YoY)เป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 โดยมีสาเหตุหลักจากการลดลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ตามสถานการณ์พลังงานในตลาดโลก ประกอบกับราคาสินค้าในกลุ่มอาหาร โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ ผักสด และเครื่องประกอบอาหาร สูงขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลง และดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนนี้เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าสูงขึ้นร้อยละ 0.19 (MoM)โดยมีสินค้าสำคัญที่ราคาสูงขึ้น ได้แก่ ไข่ไก่ เนื่องจากสภาพอากาศร้อนส่งผลให้ปริมาณผลผลิตลดลงผลไม้สด อาทิ เงาะ และมังคุด เนื่องจากเป็นช่วงต้นฤดูกาล ค่าโดยสารเครื่องบิน และค่าทัศนาจร เนื่องจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจากวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ อย่างไรก็ตาม สินค้าสำคัญที่ราคาลดลง ได้แก่ เนื้อสุกร เนื้อสัตว์แปรรูป อาทิ หมูหยอง กุนเชียง และหมูยอ เครื่องประกอบอาหาร อาทิ น้ำมันพืช และเครื่องปรุงรส และสิ่งที่เกี่ยวกับการทำความสะอาด อาทิ ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม และน้ำยาล้างจาน และดัชนีราคาผู้บริโภคเมื่อเทียบเฉลี่ย 4 เดือน (ม.ค.-เม.ย.) 2566 สูงขึ้นร้อยละ 3.58 (AoA)

ทั้งนี้ เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออกแล้ว อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัวร้อยละ 1.66 (YoY) เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า สูงขึ้นร้อยละ 0.05 (MoM) และเฉลี่ย 4 เดือน (ม.ค. -เม.ย.) 2566 สูงขึ้นร้อยละ 2.09 (AoA)1. เทียบกับเดือนเมษายน 2565 สูงขึ้นร้อยละ 2.67(YoY)โดยมีการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการ ดังนี้*หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้นร้อยละ 4.53 ตามการสูงขึ้นของกลุ่มข้าว แป้ง และผลิตภัณฑ์จากแป้งร้อยละ 5.11 จากการสูงขึ้นของราคาข้าวสารเจ้าขนมอบ และข้าวสารเหนียว กลุ่มเนื้อสัตว์ เป็ดไก่ และสัตว์น้ำร้อยละ 3.18 จากการสูงขึ้นของราคาไก่สด ปลาทู และปลาทูนึ่ง กลุ่มไข่และผลิตภัณฑ์นมร้อยละ 4.97 จากการสูงขึ้นของราคาไข่ไก่ นมถั่วเหลือง และนมสด กลุ่มผักสดร้อยละ 8.12 จากการสูงขึ้นของราคาถั่วฝักยาว มะนาว และมะเขือ กลุ่มผลไม้สดร้อยละ 9.55 จากการสูงขึ้นของราคาแตงโม เงาะ และมะม่วง กลุ่มเครื่องประกอบอาหารร้อยละ 0.03 จากการสูงขึ้นของราคาซีอิ๊ว ซอสหอยนางรม และน้ำพริกแกง กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ร้อยละ 4.52จากการสูงขึ้นของราคากาแฟผงสำเร็จรูป น้ำอัดลม และกาแฟ/ชา (ร้อน/เย็น) กลุ่มอาหารบริโภคในบ้านร้อยละ 4.27จากการสูงขึ้นของราคากับข้าวสำเร็จรูป ข้าวแกง/ข้าวกล่อง และก๋วยเตี๋ยว และกลุ่มอาหารบริโภคนอกบ้านร้อยละ 3.60จากการสูงขึ้นของราคาอาหารกลางวัน (ข้าวราดแกง) อาหารเช้า และอาหารเย็น (อาหารตามสั่ง)*หมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้นร้อยละ 1.39 ตามการสูงขึ้นของหมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้าร้อยละ 0.27 จากการสูงขึ้นของราคาเสื้อยืดสตรี เครื่องแบบนักเรียนอนุบาล และค่าจ้างซักรีด หมวดเคหสถานร้อยละ 3.03 จากการสูงขึ้นของราคาค่ากระแสไฟฟ้า ก๊าซหุงต้ม และค่าเช่าบ้าน หมวดการตรวจรักษา และบริการส่วนบุคคลร้อยละ 1.79 จากการสูงขึ้นของราคาค่าแต่งผมชาย สบู่ถูตัว และแป้งทาผิวกายหมวดการบันเทิง การอ่านการศึกษาฯร้อยละ 1.48 จากการสูงขึ้นของราคาค่าเล่าเรียนค่าธรรมเนียมการศึกษาในทุกระดับชั้น หมวดยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ร้อยละ 0.67จากการสูงขึ้นของราคาเบียร์ สุรา และไวน์ และกลุ่มการสื่อสาร ร้อยละ 0.06 จากการสูงขึ้นของค่าบริการใช้อินเทอร์เน็ต และค่าส่งพัสดุ ในขณะที่หมวดพาหนะ การขนส่ง และการสื่อสารลดลงร้อยละ -0.09จากการลดลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ร้อยละ -1.12เป็นสำคัญ

2. เทียบกับเดือนมีนาคม 2566สูงขึ้นร้อยละ 0.19(MoM)โดยมีการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการ ดังนี้หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้นร้อยละ 0.34 โดยมีสาเหตุหลักจากการสูงขึ้นของสินค้าในกลุ่มข้าว แป้ง และผลิตภัณฑ์จากแป้งร้อยละ 0.14 จากการสูงขึ้นของราคาข้าวสารเจ้า ขนมอบ และอาหารจากธัญพืช กลุ่มไข่ และผลิตภัณฑ์นม ร้อยละ 1.70 จากการสูงขึ้นของราคาไข่ไก่ นมสด และนมเปรี้ยว กลุ่มผักสดร้อยละ 0.72จากการสูงขึ้นของราคาผักชี ต้นหอม และผักคะน้า กลุ่มผลไม้สดร้อยละ 3.22 จากการสูงขึ้นของราคาเงาะ ส้มเขียวหวาน และมังคุด กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ร้อยละ 0.67 จากการสูงขึ้นของราคากาแฟผงสำเร็จรูป กาแฟ/ชา (ร้อน/เย็น) และกาแฟสำเร็จรูปพร้อมดื่ม กลุ่มอาหารบริโภคในบ้านร้อยละ 0.13 จากการสูงขึ้นของราคาอาหารโทรสั่ง (delivery) อาหารว่าง และก๋วยเตี๋ยว และกลุ่มอาหารบริโภคนอกบ้านร้อยละ 0.04 จากการสูงขึ้นของราคาอาหารกลางวัน (ข้าวราดแกง) อาหารเช้า และอาหารเย็น (อาหารตามสั่ง) สำหรับสินค้าที่ราคาลดลง ได้แก่ กลุ่มเนื้อสัตว์ เป็ดไก่ และสัตว์น้ำร้อยละ -0.01 จากการลดลงของราคาเนื้อสุกร และปลาช่อน และกลุ่มเครื่องประกอบอาหารร้อยละ -0.25จากการลดลงของราคาน้ำมันพืช เครื่องปรุงรส และน้ำพริกแกง หมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้นร้อยละ 0.08 โดยมีสาเหตุหลักจากการสูงขึ้นของหมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า ร้อยละ 0.05จากการสูงขึ้นของราคาเครื่องแบบนักเรียนอนุบาล และเสื้อยืดสตรี หมวดการตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคลร้อยละ 0.08 จากการสูงขึ้นของราคาแป้งทาผิวกาย ผลิตภัณฑ์ป้องกันและบำรุงผิว และผ้าอ้อมสำเร็จรูป หมวดพาหนะ การขนส่ง และการสื่อสารร้อยละ 0.17 จากการสูงขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และค่าโดยสารเครื่องบิน และหมวดยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ร้อยละ 0.01 จากการสูงขึ้นของราคาเบียร์ และไวน์ และการสื่อสาร ร้อยละ 0.05 ขณะที่ หมวดเคหสถานและหมวดการบันเทิง การอ่านการศึกษาฯราคาโดยเฉลี่ยไม่เปลี่ยนแปลง

3. เฉลี่ย 4 เดือน (ม.ค. -เม.ย.) ปี 2566 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สูงขึ้นร้อยละ 3.58(AoA) โดยมีการเปลี่ยนแปลง ดังนี้หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้นร้อยละ 5.78 จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าทุกกลุ่ม โดยกลุ่มข้าว แป้ง และผลิตภัณฑ์จากแป้งสูงขึ้นร้อยละ 4.87จากการสูงขึ้นของราคาข้าวสารเจ้า ขนมอบ และข้าวสารเหนียว กลุ่มเนื้อสัตว์ เป็ดไก่ และสัตว์น้ำร้อยละ 3.55 จากการสูงขึ้นของราคาเนื้อสุกร ไก่สด และปลาทู กลุ่มไข่และผลิตภัณฑ์นมร้อยละ 7.47 จากการสูงขึ้นของราคาไข่ไก่ นมถั่วเหลือง และนมผง กลุ่มผักสดร้อยละ 13.69 จากการสูงขึ้นของราคามะนาว แตงกวา และมะเขือ กลุ่มผลไม้สดร้อยละ 9.65 จากการสูงขึ้นของราคาส้มเขียวหวาน เงาะ และแตงโม กลุ่มเครื่องประกอบอาหารร้อยละ 2.13 จากการสูงขึ้นของราคาซีอิ๊ว น้ำพริกแกง และซอสหอยนางรม กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ร้อยละ 4.59 จากการสูงขึ้นของราคากาแฟ/ชา (ร้อน/เย็น) กาแฟสำเร็จรูปพร้อมดื่มและกาแฟผงสำเร็จรูป กลุ่มอาหารบริโภคในบ้านร้อยละ 5.70 จากการสูงขึ้นของราคากับข้าวสำเร็จรูป ก๋วยเตี๋ยว และข้าวแกง/ข้าวกล่อง และกลุ่มอาหารบริโภคนอกบ้านร้อยละ 4.99 จากการสูงขึ้นของราคาอาหารเช้า อาหารกลางวัน (ข้าวราดแกง) และอาหารเย็น (อาหารตามสั่ง))หมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้นร้อยละ 2.07 โดยมีปัจจัยหลักจากการสูงขึ้นของหมวดพาหนะ การขนส่ง และการสื่อสารร้อยละ 1.45 ตามการสูงขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ร้อยละ 2.58 และค่าโดยสารสาธารณะ ร้อยละ 6.14 หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้าร้อยละ 0.25 จากการสูงขึ้นของราคาเสื้อยืดสตรี และค่าจ้างซักรีดหมวดเคหสถานร้อยละ3.09 จากการสูงขึ้นของราคาค่ากระแสไฟฟ้า และก๊าซหุงต้ม หมวดการตรวจรักษา และบริการส่วนบุคคลร้อยละ 1.94 จากการสูงขึ้นของราคาค่าแต่งผมชาย สบู่ถูตัวและยาสีฟันหมวดการบันเทิงการอ่าน การศึกษาฯร้อยละ 1.43จากการสูงขึ้นของราคาค่าห้องพักโรงแรม และค่าอาหารสัตว์เลี้ยง หมวดยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ร้อยละ 0.87จากการสูงขึ้นของราคาเบียร์ ไวน์ และสุรา และกลุ่มการสื่อสาร สูงขึ้นร้อยละ 0.02จากการสูงขึ้นของค่าส่งพัสดุ

1. กรุงเทพฯ และปริมณฑล 2.98 5.54 1.38 2. ภาคกลาง 2.36 3.58 1.55 3.ภาคเหนือ2.80 4.65 1.45 4. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2.63 4.35 1.32 5. ภาคใต้2.62 4.62 1.19 ดัชนีราคาผู้บริโภคจำแนกรายภาค พบว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นทุกภาค ซึ่งในเดือนนี้อัตราเงินเฟ้อของภาคกรุงเทพฯ และปริมลฑลสูงกว่าภาคอื่น ๆ โดยสูงขึ้นร้อยละ 2.98 รองลงมา ได้แก่ ภาคเหนือ สูงขึ้นร้อยละ 2.80 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สูงขึ้นร้อยละ 2.63 และภาคใต้ สูงขึ้นร้อยละ2.62ในขณะที่ภาคกลาง สูงขึ้นในอัตราที่ต่ำกว่าทุกภาคที่ร้อยละ 2.36

เมื่อพิจารณาเป็นรายสินค้า พบว่า สินค้าสำคัญที่ราคาปรับตัวสูงขึ้นในทุกภาค ได้แก่ ค่ากระแสไฟฟ้า อาหารเช้า อาหารกลางวัน(ข้าวราดแกง) อาหารเย็น (อาหารตามสั่ง) และกับข้าวสำเร็จรูป สำหรับสินค้าสำคัญที่ราคาลดลงในทุกภาคได้แก่ น้ำมันพืช น้ำมันเชื้อเพลิง ผักสด อาทิ ผักกาดขาว ผักบุ้งและมะนาวเป็นต้น 4. อัตราการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ (YoY) จำแนกรายภาค เดือนเมษายน 2566 5. แนวโน้มเงินเฟ้อเดือนพฤษภาคม 2566

คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงค่อนข้างมาก โดยสาเหตุสำคัญมาจากฐานราคาในเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ใช้คำนวณเงินเฟ้อค่อนข้างสูง และราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่อยู่ในระดับต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ขณะที่ราคาสินค้าและบริการบางรายการชะลอตัว และบางรายการเริ่มทรงตัวแล้ว อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะมีแนวโน้มชะลอตัว และคาดว่าจะอยู่ในกรอบเป้าหมายที่กำหนด แต่ยังมีปัจจัยที่อาจทำให้เงินเฟ้อขยายตัวมากกว่าที่คาดไว้ อาทิ ราคาก๊าซหุงต้มที่ยังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นต้นทุนการผลิตสำคัญ ปัญหาภัยแล้ง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อปริมาณและราคาสินค้าเกษตร อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อ เนื่องจากภาคการท่องเที่ยว และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ซึ่งจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้ออย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังคงตัวเลขคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2566 อยู่ที่ระหว่างร้อยละ 1.7 -2.7 (ค่ากลาง 2.2) และหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญจะมีการทบทวนอีกครั้ง

ที่มา: สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์

แท็ก ดัชนีราคา  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ