การส่งออกมีแนวโน้มดีขึ้น หลังจากสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองยุติลง
ผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้ส่งออก จำนวน 232 ราย ได้ผลดังนี้
ดัชนีมูลค่าส่งออก ในเดือนพฤษภาคม 2553มีค่าเท่ากับ 56.4สินค้าที่มีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ ยานพาหนะ/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เคมีภัณฑ์ สิ่งทอ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลิตภัณฑ์ยาง น้ำตาลทราย ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป เชื้อเพลิงและพลังงาน สินค้าที่มีมูลค่าส่งออกลดลง ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เหล็ก/เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ข้าว ยางพารา อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง และ อาหารสำเร็จรูป
ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่ ในเดือนพฤษภาคม 2553 มีค่า 55.4สินค้าที่มีคำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ ยานพาหนะ/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เหล็ก/เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลิตภัณฑ์ยาง น้ำตาลทราย ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป เชื้อเพลิงและพลังงาน ส่วนสินค้าที่มูลค่าคำสั่งซื้อใหม่ลดลง ได้แก่ เสื้อผ้าสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ รองเท้าและชิ้นส่วน สิ่งทอ เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ข้าว ยางพารา อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง และ อาหารสำเร็จรู
ดัชนีการจ้างงานในเดือนพฤษภาคม 2553มีค่าเท่ากับ 59.3 แสดงว่าการจ้างงานภาคการส่งออกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ดัชนีสินค้าคงคลังในเดือนพฤษภาคม 2553 มีค่า 50.2 มูลค่า สินค้าคงคลังที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เหล็ก/เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป สิ่งทอ น้ำตาลทราย อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง และ อาหารสำเร็จรูป ส่วนมูลค่าสินค้าคงคลังลดลง ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ อัญมณีและเครื่องประดับ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป และ ยางพารา
ปัญหา
- ค่าเงินบาทแข็งค่าเกินไป
- ปัญหาเรื่องเพลี้ย ยังปราบไม่ได้ ส่งผลให้ปีหน้าผลผลิตมันสำปะหลังลดลง อีกทั้งสภาพอากาศแห้งแล้ง ทำให้ผลผลิต เกษตรอื่นๆ ลดลงด้วย
- ขาดแคลนแรงงาน ขาดแคลนวัตถุดิบ เช่น สับปะรด ไก่ พืชผักต่างๆ
- อัตราเงินชดเชยเพื่อการส่งออกลดลง
- งานในประเทศถูกระงับ อันเนื่องมาจากการระงับโครงการที่มาบตาพุด
- สถานการณ์การเมืองภายในประเทศส่งผลกระทบต่อภาครัฐและเอกชนอย่างรุนแรง เช่น การจัดทำเอกสารส่งออก และการหยุดงาน ลูกค้าต่างประเทศระงับการเยี่ยมชมโรงงาน ทำให้การสั่งซื้อชะลอออกไป
ภาครัฐควรดำเนินการ ดังนี้
- ควรเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอย่างจริงจัง โดยเน้นการลดต้นทุนของผู้ส่งออก และดูแลค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่าเกินไป
- รัฐบาลต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับต่างประเทศ ภายหลังยุติการชุมนุม และป้องกันไม่ให้เกิดสภาวะดังกล่าวขึ้นอีก
- ควรพิจารณาสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมของ B.O.I สำหรับบริษัทที่เข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทยเป็นเวลานาน
- ควรพัฒนาแรงงานฝีมือให้มากกว่านี้ และอนุมัติแรงงานต่างด้าวที่ถูกต้องเข้ามา เพื่อแก้ไขปัญหาแรงงาน
หมายเหตุ : การจัดทำดัชนีภาวะธุรกิจส่งออกจะมีการปรับปรุงข้อมูลดัชนีย้อนหลัง 1 เดือน
1. กลุ่มสินค้าเป้าหมายที่ทำการสำรวจ มีจำนวน 86 กลุ่มสินค้า
2. การคำนวณดัชนี เป็นดัชนีการกระจาย (Diffusion Index) ซึ่งเป็นดัชนีที่มีคุณสมบัติเด่นในการเป็นตัวชี้นำ (leading indicator) และแสดงทิศทางการเติบโต (growth) ของภาวะธุรกิจ จากการแปลงข้อมูลเชิงคุณภาพ (qualitative) ให้เป็นข้อมูลเชิงปริมาณ (quantitative) โดยกำหนดค่าคำตอบที่ได้รับจากผู้ตอบแบบสอบถาม คือ เพิ่มขึ้นให้คะแนน เท่ากับ 1เท่าเดิมให้คะแนน เท่ากับ 0.5และ ลดลงให้คะแนนเท่ากับ 0 จากนั้นนำคะแนนทั้งหมดมารวมกัน หารด้วยจำนวนผู้ตอบแบบทั้งหมด แล้วคูณด้วย 100 จะได้ดัชนีของแต่ละคาบเวลา ดัชนีจะมีค่าสูงสุดเท่ากับ 100 และค่าต่ำสุดเท่ากับ 0
3. การนำไปใช้ประโยชน์ เพื่อแสดงทิศทางเศรษฐกิจภาคการส่งออก ใช้เส้นค่า 50 (break even point) เป็นเกณฑ์ในการพิจารณา ถ้าผลการคำนวณดัชนีอยู่เหนือเส้น50 แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจดีขึ้น ถ้าดัชนีอยู่ใกล้แนวเส้น 50แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจไม่เปลี่ยนแปลง และถ้าดัชนีอยู่ใต้เส้น 50แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจแย่ลง
ทั้งนี้ ในช่วงเศรษฐกิจขยายตัว หากดัชนีตัดแนวเส้น 50 ลงมา หมายถึง ภาวะธุรกิจแย่ลงหรือชะลอตัว สำหรับในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ถ้าดัชนีตัดแนวเส้น 50 ขึ้นไป แสดงว่าภาวะธุรกิจดีขึ้นหรือขยายตัว
ที่มา: สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โทร.0 2507 5811-13, โทรสาร 0 2507 5806,0 2507 5825
www.price.moc.go.thEmail: [email protected]