ทิศทางเศรษฐกิจยังเป็นไปด้วยดี แต่มีความวิตกกังวลทางการเมือง
ดัชนีคาดการณ์ภาวะธุรกิจไตรมาสที่ 3/2553( กรกฎาคม - กันยายน 2553)จากการสอบถามนักธุรกิจใน 76 จังหวัด จำนวน 1,932 ราย คาดว่าดีขึ้นร้อยละ 36.9 ไม่เปลี่ยนแปลงร้อยละ 42.4 และไม่ดี ร้อยละ 20.7คิดเป็นค่าดัชนีเท่ากับ 58.1 ซึ่งมีค่าสูงกว่าเส้น 50 นักธุรกิจส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในไตรมาสหน้ายังมีทิศทางที่ดีแต่มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่สงบทางการเมืองและเศรษฐกิจโลกที่ยังฟื้นตัวไม่ชัดเจน
1. ภาวะธุรกิจทั่วไป
ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังไม่มั่นใจต่อเสถียรภาพทางการเมือง ประกอบกับเศรษฐกิจทั้งในสหรัฐ-ยุโรปไม่ดีขึ้น ทิศทางส่งออกดีและ ยังคงเป็นตัวนำพาเศรษฐกิจของประเทศ
2. ภาวะธุรกิจในสาขาต่าง ๆ
- เกษตรกรรม พืชผลการเกษตรเสียหายจากภัยแล้ง ผลผลิตขาดแคลนไม่มีเข้าโรงงาน เช่น สับปะรด ข้าวโพด มะพร้าว ฯลฯ
- อุตสาหกรรม ทิศทางส่งออกดี แต่ค่าเงินบาทแข็งเกินไป ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก
- พาณิชยกรรม ธุรกิจมีการแข่งขันสูง การค้าซบเซา กำลังซื้อลดลง จากการประหยัดการใช้จ่าย
- ก่อสร้าง การก่อสร้างน้อย เนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝน
- การเงิน ธุรกิจประกันชีวิตมีทิศทางดี ขณะที่สถาบันการเงินมีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ
- บริการ การท่องเที่ยวถูกกระทบจากการเมืองที่ไม่สงบ และภาคการขนส่งซบเซาตามฤดูกาล
3. ผลประกอบการของธุรกิจ
กำไรจากการประกอบกิจการลดลง ธุรกิจส่วนใหญ่ต่างประคองตัว
4. ต้นทุนต่อหน่วยสินค้าและบริการ
ต้นทุนสูงขึ้นจากค่าแรง วัตถุดิบ และพลังงาน
5. การจ้างงานในธุรกิจ
ขาดแคลนแรงงานระดับปฏิบัติการและแรงงานฝีมือในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น อัญมณี สิ่งทออิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ ฯลฯ
6. การขยายกิจการของธุรกิจ
เกิดสภาวะทางการเมืองทำให้เจ้าของกิจการยังไม่กล้าที่จะเสี่ยงลงทุนในด้านต่าง ๆ
1. ภาครัฐต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมแก่นักลงทุน
2. รัฐควรดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ เพราะปัจจุบันค่าเงินแข็งเกินจริงส่งผลต่อภาคการส่งออก
3. จากนโยบายประกันโดยชดเชยราคาให้เกษตรกร แต่ไม่แทรกแซงตลาดทำให้ราคาข้าวตกต่ำลง จึงควรมีการแทรกแซงตลาดบ้าง
4. ดูแลให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม ให้รายเล็กอยู่ได้เพื่อการกระจายรายได้ที่เหมาะสม
5. รัฐบาลควรเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจที่เสียหายอันเนื่องมาจากการชุมนุมทางการเมืองและกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง
6. โครงสร้างภาษีมีความซ้ำซ้อน ควรลดการจัดเก็บภาษีตามสภาพเศรษฐกิจ
7. ควรเร่งการบริหารจัดการน้ำทั้งแผนระยะสั้นและระยะยาว
8. ส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างงาน และกระตุ้นการพัฒนาส่วนภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง
9. จัดหาติดต่อประเทศการค้าใหม่ ๆ เพื่อช่วยส่งออกสินค้าทางการเกษตร ช่วยผู้ประกอบการโดยหาแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ
10. มีมาตรการควบคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นแก่การครองชีพ เพื่อป้องกันปัญหาเงินเฟ้อ
11. ควรปรับปรุงระเบียบพิธีการขั้นตอนต่าง ๆ ในการนำเข้า-ส่งออก เพื่อให้รวดเร็วโปร่งใส
12. ให้ความสำคัญกับด้านโลจิสติกส์ เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการแข่งขัน
ที่มา: สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โทร.0-2507-5811-3 โทรสาร.0-2507-5806 www.price.moc.go.th