การส่งออกยังคงมีแนวโน้มที่ดี
ผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้ส่งออก จำนวน 231 ราย ได้ผลดังนี้
ดัชนีมูลค่าส่งออก ในเดือนสิงหาคม 2553มีค่าเท่ากับ 51.1 สินค้าที่มีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เหล็ก/เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์ยาง น้ำตาลทราย เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ยางพารา อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง เชื้อเพลิงและพลังงาน อาหารสัตว์เลี้ยง และ อาหารสำเร็จรูป สินค้าที่มีมูลค่าส่งออกลดลง ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ ยานพาหนะ/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ อัญมณีและเครื่องประดับ รองเท้าและชิ้นส่วน สิ่งทอ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ไก่แช่เยือกแข็งและแปรรูป
ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่ ในเดือนสิงหาคม 2553 มีค่า 48.9 สินค้าที่มีคำสั่งซื้อใหม่ลดลง ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ ยานพาหนะ/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เหล็ก/เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ อัญมณีและเครื่องประดับ สิ่งทอ ไก่แช่เยือกแข็งและแปรรูป และ อาหารสัตว์เลี้ยง ส่วนสินค้าที่มูลค่าคำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้น ได้แก่ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก เสื้อผ้าสำเร็จรูป น้ำตาลทราย เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง และ อาหารสำเร็จรูป
ดัชนีการจ้างงานในเดือนสิงหาคม 2553มีค่าเท่ากับ 54.3 แสดงว่าการจ้างงานภาคการส่งออกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ดัชนีสินค้าคงคลังในเดือนสิงหาคม 2553 มีค่า 45.6 มูลค่า สินค้าคงคลังที่ลดลง ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ เหล็ก/เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ สิ่งทอ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลิตภัณฑ์ยาง เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ผักผลไม้สด/แช่เย็น/แช่แข็ง/กระป๋องและแปรรูป ยางพารา อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง เชื้อเพลิงและพลังงาน และ อาหารสำเร็จรูป ส่วนมูลค่าสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก รองเท้าและชิ้นส่วน น้ำตาลทราย และ อาหารสัตว์เลี้ยง
ปัญหา
- ค่าเงินบาทแข็งค่ามากเกินไป
- ต้นทุนในการผลิตสูงขึ้น ทั้งวัตถุดิบ น้ำมันเชื้อเพลิง ค่าไฟฟ้า และค่าแรง
- ขาดแคลนแรงงาน ในขณะที่มีคำสั่งซื้อเข้ามา ทำให้ไม่สามารถรับคำสั่งซื้อได้
- ค่าระวางเรือไปยุโรปและอเมริกาแพงมาก
- เศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกามีแนวโน้มถดถอย อาจจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกในไตรมาส 4
- ข้าราชการบางหน่วยงานยังให้บริการล่าช้า และมีเงื่อนไข
ภาครัฐควรดำเนินการ ดังนี้
- ดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ
- ควรจัดให้มีการอบรมแรงงานฝีมือ และเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ
- สร้างตลาดใหม่ๆ ในต่างประเทศให้มากขึ้น
- ควรลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบให้เหลือศูนย์ โดยเฉพาะวัตถุดิบที่ประเทศไทยผลิตไม่ได้
- ควบคุมราคาวัตถุดิบในการผลิต และคืนภาษีให้เร็วกว่านี้
หมายเหตุ : การจัดทำดัชนีภาวะธุรกิจส่งออกจะมีการปรับปรุงข้อมูลดัชนีย้อนหลัง 1 เดือน
1. กลุ่มสินค้าเป้าหมายที่ทำการสำรวจ มีจำนวน 86 กลุ่มสินค้า
2. การคำนวณดัชนี เป็นดัชนีการกระจาย (Diffusion Index) ซึ่งเป็นดัชนีที่มีคุณสมบัติเด่นในการเป็นตัวชี้นำ (leading indicator) และแสดงทิศทางการเติบโต (growth) ของภาวะธุรกิจ จากการแปลงข้อมูลเชิงคุณภาพ (qualitative) ให้เป็นข้อมูลเชิงปริมาณ (quantitative) โดยกำหนดค่าคำตอบที่ได้รับจากผู้ตอบแบบสอบถาม คือ เพิ่มขึ้นให้คะแนน เท่ากับ 1 เท่าเดิมให้คะแนน เท่ากับ 0.5 และ ลดลงให้คะแนนเท่ากับ 0 จากนั้นนำคะแนนทั้งหมดมารวมกัน หารด้วยจำนวนผู้ตอบแบบทั้งหมด แล้วคูณด้วย 100 จะได้ดัชนีของแต่ละคาบเวลา ดัชนีจะมีค่าสูงสุดเท่ากับ 100 และค่าต่ำสุดเท่ากับ 0
3. การนำไปใช้ประโยชน์ เพื่อแสดงทิศทางเศรษฐกิจภาคการส่งออก ใช้เส้นค่า 50 (break even point) เป็นเกณฑ์ในการพิจารณา ถ้าผลการคำนวณดัชนีอยู่เหนือเส้น 50 แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจดีขึ้น ถ้าดัชนีอยู่ใกล้แนวเส้น 50 แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจไม่เปลี่ยนแปลง และถ้าดัชนีอยู่ใต้เส้น 50 แสดงว่านักธุรกิจมองว่าธุรกิจแย่ลง
ทั้งนี้ ในช่วงเศรษฐกิจขยายตัว หากดัชนีตัดแนวเส้น 50 ลงมา หมายถึง ภาวะธุรกิจแย่ลงหรือชะลอตัว สำหรับในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ถ้าดัชนีตัดแนวเส้น 50 ขึ้นไป แสดงว่าภาวะธุรกิจดีขึ้นหรือขยายตัว
ที่มา: สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โทร.0 2507 5811-13, โทรสาร 0 2507 5806,0 2507 5825
www.price.moc.go.thEmail: [email protected]