แท็ก
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
วันเฉลิมพระชนมพรรษา
คณะรัฐมนตรี
กฎกระทรวง
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดสัดส่วนการจ้างงานคนพิการของสถานประกอบการของเอกชน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รายงานว่า เนื่องจากกฎกระทรวง (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ พ.ศ. 2534 ซึ่งใช้บังคับในปัจจุบันกำหนดให้นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการต้องรับคนพิการที่สามารถทำงานได้ในอัตราลูกจ้างทั้งหมดจำนวนทุกสองร้อยคนต่อคนพิการหนึ่งคน เศษของทุกสองร้อยคนถ้าเกินหนึ่งร้อยคนต้องรับคนพิการเพิ่มอีกหนึ่งคน ซึ่งหากไม่ประสงค์รับคนพิการเข้าทำงานจะต้องส่งเงินเข้ากองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการตามอัตราที่กำหนด ปรากฏว่านายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการบางแห่งกำหนดเงื่อนไขการรับคนพิการเข้าทำงาน โดยกำหนดคุณสมบัติของตำแหน่งไว้ค่อนข้างสูง ทำให้คนพิการส่วนใหญ่ขาดโอกาสในการทำงานในสถานประกอบการ ซึ่งกรณีดังกล่าวจะถือว่าไม่ประสงค์รับคนพิการที่จะต้องส่งเงินเข้ากองทุนไม่ได้ ฉะนั้น เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาดังกล่าว รวมทั้งเพื่อให้คนพิการสามารถเข้าทำงานในสถานประกอบการของเอกชนได้มากยิ่งขึ้น จึงได้เสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดสัดส่วนการจ้างงานคนพิการของสถานประกอบการของเอกชน พ.ศ. .... มาเพื่อดำเนินการ
ร่างกฎกระทรวงกำหนดสัดส่วนการจ้างงานคนพิการของสถานประกอบการของเอกชน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญดังนี้
1. ให้ยกเลิกกฎกระทรวง (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ พ.ศ. 2534
2. สถานประกอบการของเอกชนใดมีลูกจ้างตั้งแต่สองร้อยคนขึ้นไปต้องรับคนพิการที่สามารถทำงานได้ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใดในอัตราส่วนลูกจ้างทุกสองร้อยคนต่อคนพิการหนึ่งคน เศษของทุกสองร้อยคนถ้าเกินหนึ่งร้อยคนต้องรับคนพิการเพิ่มอีกหนึ่งคน
3. คนพิการที่ประสงค์จะทำงานให้แจ้งความจำนงในการทำงานเพื่อขึ้นบัญชีรายชื่อได้ที่สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการและผู้สูงอายุ หรือที่ทำการสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดตามที่ตนมีภูมิลำเนาอยู่
4. สถานประกอบการของเอกชนใดที่มีหน้าที่ตามข้อ 2 ให้นายจ้างหรือเจ้าของประกอบการนั้น รับคนพิการเข้าทำงานตามบัญชีรายชื่อตามข้อ 3 ที่สถานประกอบการนั้นตั้งอยู่ ทั้งนี้ ต้องรับคนพิการเข้าทำงานภายในวันที่ 30 มกราคมของแต่ละปี
5. นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการใดที่มีหน้าที่รับคนพิการเข้าทำงานแต่ไม่รับคนพิการเข้าทำงาน ต้องส่งเงินเข้ากองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการเป็นรายปี ปีละครึ่งหนึ่งของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในท้องที่ที่สถานประกอบการนั้นตั้งอยู่คูณด้วยสามร้อยหกสิบห้า และคูณด้วยจำนวนคนพิการที่ไม่ได้รับเข้าทำงาน ภายในวันที่ 30 มิถุนายนของแต่ละปี
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 9 มกราคม 2550--จบ--
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รายงานว่า เนื่องจากกฎกระทรวง (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ พ.ศ. 2534 ซึ่งใช้บังคับในปัจจุบันกำหนดให้นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการต้องรับคนพิการที่สามารถทำงานได้ในอัตราลูกจ้างทั้งหมดจำนวนทุกสองร้อยคนต่อคนพิการหนึ่งคน เศษของทุกสองร้อยคนถ้าเกินหนึ่งร้อยคนต้องรับคนพิการเพิ่มอีกหนึ่งคน ซึ่งหากไม่ประสงค์รับคนพิการเข้าทำงานจะต้องส่งเงินเข้ากองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการตามอัตราที่กำหนด ปรากฏว่านายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการบางแห่งกำหนดเงื่อนไขการรับคนพิการเข้าทำงาน โดยกำหนดคุณสมบัติของตำแหน่งไว้ค่อนข้างสูง ทำให้คนพิการส่วนใหญ่ขาดโอกาสในการทำงานในสถานประกอบการ ซึ่งกรณีดังกล่าวจะถือว่าไม่ประสงค์รับคนพิการที่จะต้องส่งเงินเข้ากองทุนไม่ได้ ฉะนั้น เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาดังกล่าว รวมทั้งเพื่อให้คนพิการสามารถเข้าทำงานในสถานประกอบการของเอกชนได้มากยิ่งขึ้น จึงได้เสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดสัดส่วนการจ้างงานคนพิการของสถานประกอบการของเอกชน พ.ศ. .... มาเพื่อดำเนินการ
ร่างกฎกระทรวงกำหนดสัดส่วนการจ้างงานคนพิการของสถานประกอบการของเอกชน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญดังนี้
1. ให้ยกเลิกกฎกระทรวง (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ พ.ศ. 2534
2. สถานประกอบการของเอกชนใดมีลูกจ้างตั้งแต่สองร้อยคนขึ้นไปต้องรับคนพิการที่สามารถทำงานได้ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใดในอัตราส่วนลูกจ้างทุกสองร้อยคนต่อคนพิการหนึ่งคน เศษของทุกสองร้อยคนถ้าเกินหนึ่งร้อยคนต้องรับคนพิการเพิ่มอีกหนึ่งคน
3. คนพิการที่ประสงค์จะทำงานให้แจ้งความจำนงในการทำงานเพื่อขึ้นบัญชีรายชื่อได้ที่สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการและผู้สูงอายุ หรือที่ทำการสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดตามที่ตนมีภูมิลำเนาอยู่
4. สถานประกอบการของเอกชนใดที่มีหน้าที่ตามข้อ 2 ให้นายจ้างหรือเจ้าของประกอบการนั้น รับคนพิการเข้าทำงานตามบัญชีรายชื่อตามข้อ 3 ที่สถานประกอบการนั้นตั้งอยู่ ทั้งนี้ ต้องรับคนพิการเข้าทำงานภายในวันที่ 30 มกราคมของแต่ละปี
5. นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการใดที่มีหน้าที่รับคนพิการเข้าทำงานแต่ไม่รับคนพิการเข้าทำงาน ต้องส่งเงินเข้ากองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการเป็นรายปี ปีละครึ่งหนึ่งของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในท้องที่ที่สถานประกอบการนั้นตั้งอยู่คูณด้วยสามร้อยหกสิบห้า และคูณด้วยจำนวนคนพิการที่ไม่ได้รับเข้าทำงาน ภายในวันที่ 30 มิถุนายนของแต่ละปี
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 9 มกราคม 2550--จบ--