คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามมติคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกรเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างหนี้โครงการที่มีหนี้ค้างชำระกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร จำนวน 4 โครงการ เป็นเงินทั้งสิ้น 244,063,702.76 บาท ดังนี้
1. โครงการจัดหาปุ๋ยเคมีเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรปี 2536/37 เป็นเงิน 3,050,391.35 บาท
2. โครงการจัดหาปุ๋ยเคมีเพื่อจำหน่ายเกษตรกรปี 2538 เป็นเงิน 217,327,310.13 บาท
3. โครงการจัดหาปุ๋ยเคมีเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรปี 2538/39 เป็นเงิน 7,680,408.87 บาท
4. โครงการจัดหาปุ๋ยเคมีเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรปี 2539/40 เป็นเงิน 16,005,592.41 บาท
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอรายงาน ดังนี้
1. โครงการจัดหาปุ๋ยเคมีเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรปี 2536/37 เป็นเงิน 3,050,391.35 บาท สรุปได้ดังนี้
1.1 ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2537 นั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เบิกเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรไปดำเนินงานตามโครงการดังกล่าวเป็นเงิน 581,251,450 บาท ได้ส่งชำระคืนแล้ว 578,201,058.65 บาท ค้างชำระ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2549 จำนวน 3,050,391.35 บาท
1.2 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดหาและจัดสรรปุ๋ยเคมีให้กับ 3 หน่วยงาน ได้แก่ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ไปจำหน่ายให้กับเกษตรกร ซึ่งปัจจุบันกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีหน่วยงานค้างชำระ 2 หน่วยงาน เป็นเงิน 3,254,213.15 บาท ได้แก่ อ.ต.ก.เป็นเงิน 3,248,215.15 บาท และ ธ.ก.ส. เป็นเงิน 5,998 บาท
1.3 คณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกรได้มีมติเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2549 ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา ดังนี้
1.3.1 ให้ยกเว้นการนำส่งดอกเบี้ยจากการจำหน่ายปุ๋ยเคมีที่ลูกหนี้ค้างชำระ เป็นเงิน 1,002,158.25 บาท เข้าเป็นรายได้ของกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร และยกเว้นการคิดดอกเบี้ยการจำหน่ายปุ๋ยตาม โครงการดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2549 เป็นต้นไป
1.3.2 ให้ได้รับการจำหน่ายหนี้สูญ จำนวน 3 ราย เป็นเงิน 7,049.43 บาท เนื่องจากลูกหนี้ไม่มีเจตนาที่จะผิดนัดการชำระหนี้ แต่ประสบปัญหาไม่สามารถชำระหนี้ได้ โดยลูกหนี้ได้พยายามที่จะส่งชำระหนี้และได้ส่งชำระคืนมาแล้วเท่ากับหรือเกินกว่าวงเงินกู้ยืม
1.3.3 ให้ได้รับการขยายเวลาการชำระหนี้ลูกหนี้ 6 ราย เป็นเงิน 1,324,106.19 บาท โดยให้ได้รับการลดหนี้เงินต้น จำนวน 60 บาท เนื่องจากได้พยายามชำระหนี้แล้ว แต่ไม่สามารถส่งหนี้ได้ครบตามจำนวน คงเหลือเป็นเงินต้น 1,324,046.19 บาท ให้ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปอีก 5 ปี (2550-2554)
1.3.4 สำหรับลูกหนี้จำนวน 5 ราย เป็นเงิน 1,923,057.53 บาท ซึ่งไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขโครงการและไม่เจรจาปรับโครงสร้างหนี้ให้ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นการบังคับคดี
2. โครงการจัดหาปุ๋ยเคมีเพื่อจำหน่ายเกษตรกรแก่เกษตรกร ปี 2538 เป็นเงิน 217,327,310.13 บาท
2.1 ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2538 นั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เบิกเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรไปดำเนินงานตามโครงการดังกล่าวเป็นเงิน 936,105,600 บาท ได้ส่งชำระคืนแล้ว 718,778,289.87 บาท ค้างชำระ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2549 จำนวน 217,327,310.13 บาท
2.2 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดหาและจัดสรรปุ๋ยเคมีให้กับ 3 หน่วยงาน ได้แก่ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ไปจำหน่ายให้กับเกษตรกร ซึ่งปัจจุบันกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีหน่วยงานค้างชำระ 2 หน่วยงาน เป็นเงิน 4,301,054.86 บาท ได้แก่ อ.ต.ก.เป็นเงิน 4,291,308.86 บาท และ ธ.ก.ส. เป็นเงิน 9,746 บาท
นอกจากนี้ มีค่าใช้จ่ายตามโครงการที่ยังไม่ได้เบิกจ่ายจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) ซึ่งต้องนำส่งคืนกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร จำนวน 213,987,800 บาท รวมหนี้ค้างชำระทั้งสิ้น 218,288,854.86 บาท
2.3 คณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกรได้มีมติเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2549 ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา ดังนี้
2.3.1 ให้ยกเว้นการนำส่งดอกเบี้ยจากการจำหน่ายปุ๋ยเคมีที่ลูกหนี้ค้างชำระ เป็นเงิน 194,026.28 บาท เข้าเป็นรายได้ของกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร และยกเว้นการคิดดอกเบี้ยการจำหน่ายปุ๋ยตามโครงการดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2549 เป็นต้นไป
2.3.2 ให้ได้รับการจำหน่ายหนี้สูญ จำนวน 4 ราย เป็นเงิน 20,667.65 บาท เนื่องจากลูกหนี้ไม่มีเจตนาที่จะผิดนัดการชำระหนี้ แต่ประสบปัญหาไม่สามารถชำระหนี้ได้ โดยลูกหนี้ได้พยายามที่จะส่งชำระหนี้และได้ส่งชำระคืนมาแล้วเท่ากับหรือเกินกว่าวงเงินกู้ยืม
2.3.3 ให้ได้รับการขยายเวลาการชำระหนี้ลูกหนี้ 8 ราย เป็นเงิน 216,954.11 บาท โดยให้ได้รับการลดหนี้เงินต้น จำนวน 2,675 บาท เนื่องจากได้พยายามชำระหนี้แล้ว แต่ไม่สามารถส่งหนี้ได้ครบตามจำนวน คงเหลือเป็นเงินต้น 214,279.11 บาท ให้ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปอีก 1 ปี (2550)
2.3.4 สำหรับลูกหนี้จำนวน 14 ราย เป็นเงิน 4,063,433.10 บาท ซึ่งไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขโครงการและไม่เจรจาปรับโครงสร้างหนี้ให้ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นการบังคับคดี
2.3.5 สำหรับมูลหนี้ที่ค้างชำระอีกจำนวน 213,987,800 บาท ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ คชก. จัดสรรเงินให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานตามโครงการจัดหาปุ๋ยเคมีเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรปี 2538 เพื่อนำส่งคืนกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรต่อไป
3. โครงการจัดหาปุ๋ยเคมีเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรปี 2538/39 เป็นเงิน 7,680,408.87 บาท
3.1 ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2539 และ 6 กุมภาพันธ์ 2539) นั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เบิกเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรไปดำเนินงานตามโครงการดังกล่าวเป็นเงิน 1,593,582,073.73 บาท ได้ส่งชำระคืนแล้ว1,585,901,664.86 บาท ค้างชำระ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2549 จำนวน 7,680,408.87 บาท
3.2 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดหาและจัดสรรปุ๋ยเคมีให้กับ 3 หน่วยงาน ได้แก่ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ไปจำหน่ายให้กับเกษตรกร ซึ่งปัจจุบันกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีหน่วยงานค้างชำระ 2 หน่วยงาน เป็นเงิน 7,676,904.87 บาท ได้แก่ อ.ต.ก.เป็นเงิน 7,614,494.87 บาท และ ธ.ก.ส. เป็นเงิน 62,410 บาท
3.3 คณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกรได้มีมติเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2549 ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา ดังนี้
3.3.1 ให้ยกเว้นการนำส่งดอกเบี้ยจากการจำหน่ายปุ๋ยเคมีที่ลูกหนี้ค้างชำระ เป็นเงิน 760,918.03 บาท เข้าเป็นรายได้ของกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร และยกเว้นการคิดดอกเบี้ยการจำหน่ายปุ๋ยตามโครงการดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2549 เป็นต้นไป
3.3.2 ให้ได้รับการจำหน่ายหนี้สูญ จำนวน 12 ราย เป็นเงิน 23,420.23 บาท เนื่องจากลูกหนี้ไม่มีเจตนาที่จะผิดนัดการชำระหนี้ แต่ประสบปัญหาไม่สามารถชำระหนี้ได้ โดยลูกหนี้ได้พยายามที่จะส่งชำระหนี้และได้ส่งชำระคืนมาแล้วเท่ากับหรือเกินกว่าวงเงินกู้ยืม
3.3.3 ให้ได้รับการขยายเวลาการชำระหนี้ลูกหนี้ 31 ราย เป็นเงิน 779,534.28 บาท โดยให้ได้รับการลดหนี้เงินต้น จำนวน 5,524 บาท เนื่องจากได้พยายามชำระหนี้แล้ว แต่ไม่สามารถส่งหนี้ได้ครบตามจำนวน คงเหลือเป็นเงินต้น 774,010.28 บาท ให้ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปอีก 5 ปี (2550-2554)
3.3.4 สำหรับลูกหนี้จำนวน 17 ราย เป็นเงิน 6,873,950.36 บาท ซึ่งไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขโครงการและไม่เจรจาปรับโครงสร้างหนี้ให้ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นการบังคับคดี
4. โครงการจัดหาปุ๋ยเคมีเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรปี 2539/40 เป็นเงิน 16,005,592.41 บาท
4.1 ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2539 นั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เบิกเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรไปดำเนินงานตามโครงการดังกล่าวเป็นเงิน 2,140,486.600 บาท ได้ส่งชำระคืนแล้ว 2,124,481,077.59 บาท ค้างชำระ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2549 จำนวน 16,005,592.41 บาท
4.2 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดหาและจัดสรรปุ๋ยเคมีให้กับ 3 หน่วยงาน ได้แก่ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ไปจำหน่ายให้กับเกษตรกร ซึ่งปัจจุบันกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีหน่วยงานค้างชำระ 2 หน่วยงาน เป็นเงิน 15,997,116.96 บาท ได้แก่ อ.ต.ก.เป็นเงิน 15,495,860.96 บาท และ ธ.ก.ส. เป็นเงิน 501,256 บาท
4.3 คณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกรได้มีมติเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2549 ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา ดังนี้
4.3.1 ให้ยกเว้นการนำส่งดอกเบี้ยจากการจำหน่ายปุ๋ยเคมีที่ลูกหนี้ค้างชำระ เป็นเงิน 2,108,461.95 บาท เข้าเป็นรายได้ของกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร และยกเว้นการคิดดอกเบี้ยการจำหน่ายปุ๋ยตามโครงการดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2549 เป็นต้นไป
4.3.2 ให้ได้รับการจำหน่ายหนี้สูญ จำนวน 20 ราย เป็นเงิน 90,710.50 บาท เนื่องจากลูกหนี้ไม่มีเจตนาที่จะผิดนัดการชำระหนี้ แต่ประสบปัญหาไม่สามารถชำระหนี้ได้ โดยลูกหนี้ได้พยายามที่จะส่งชำระหนี้และได้ส่งชำระคืนมาแล้วเท่ากับหรือเกินกว่าวงเงินกู้ยืม
4.3.3 ให้ได้รับการขยายเวลาการชำระหนี้ลูกหนี้ 68 ราย เป็นเงิน 2,678,207.25 บาท โดยให้ได้รับการลดหนี้เงินต้น จำนวน 30,070 บาท เนื่องจากได้พยายามชำระหนี้แล้ว แต่ไม่สามารถส่งหนี้ได้ครบตามจำนวน คงเหลือเป็นเงินต้น 2,648,137.25 บาท ให้ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปอีก 5 ปี (2550-2554)
4.3.4 สำหรับลูกหนี้จำนวน 35 ราย เป็นเงิน 13,228,199.21 บาท ซึ่งไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขโครงการและไม่เจรจาปรับโครงสร้างหนี้ให้ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นการบังคับคดี
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 9 มกราคม 2550--จบ--
1. โครงการจัดหาปุ๋ยเคมีเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรปี 2536/37 เป็นเงิน 3,050,391.35 บาท
2. โครงการจัดหาปุ๋ยเคมีเพื่อจำหน่ายเกษตรกรปี 2538 เป็นเงิน 217,327,310.13 บาท
3. โครงการจัดหาปุ๋ยเคมีเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรปี 2538/39 เป็นเงิน 7,680,408.87 บาท
4. โครงการจัดหาปุ๋ยเคมีเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรปี 2539/40 เป็นเงิน 16,005,592.41 บาท
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอรายงาน ดังนี้
1. โครงการจัดหาปุ๋ยเคมีเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรปี 2536/37 เป็นเงิน 3,050,391.35 บาท สรุปได้ดังนี้
1.1 ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2537 นั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เบิกเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรไปดำเนินงานตามโครงการดังกล่าวเป็นเงิน 581,251,450 บาท ได้ส่งชำระคืนแล้ว 578,201,058.65 บาท ค้างชำระ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2549 จำนวน 3,050,391.35 บาท
1.2 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดหาและจัดสรรปุ๋ยเคมีให้กับ 3 หน่วยงาน ได้แก่ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ไปจำหน่ายให้กับเกษตรกร ซึ่งปัจจุบันกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีหน่วยงานค้างชำระ 2 หน่วยงาน เป็นเงิน 3,254,213.15 บาท ได้แก่ อ.ต.ก.เป็นเงิน 3,248,215.15 บาท และ ธ.ก.ส. เป็นเงิน 5,998 บาท
1.3 คณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกรได้มีมติเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2549 ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา ดังนี้
1.3.1 ให้ยกเว้นการนำส่งดอกเบี้ยจากการจำหน่ายปุ๋ยเคมีที่ลูกหนี้ค้างชำระ เป็นเงิน 1,002,158.25 บาท เข้าเป็นรายได้ของกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร และยกเว้นการคิดดอกเบี้ยการจำหน่ายปุ๋ยตาม โครงการดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2549 เป็นต้นไป
1.3.2 ให้ได้รับการจำหน่ายหนี้สูญ จำนวน 3 ราย เป็นเงิน 7,049.43 บาท เนื่องจากลูกหนี้ไม่มีเจตนาที่จะผิดนัดการชำระหนี้ แต่ประสบปัญหาไม่สามารถชำระหนี้ได้ โดยลูกหนี้ได้พยายามที่จะส่งชำระหนี้และได้ส่งชำระคืนมาแล้วเท่ากับหรือเกินกว่าวงเงินกู้ยืม
1.3.3 ให้ได้รับการขยายเวลาการชำระหนี้ลูกหนี้ 6 ราย เป็นเงิน 1,324,106.19 บาท โดยให้ได้รับการลดหนี้เงินต้น จำนวน 60 บาท เนื่องจากได้พยายามชำระหนี้แล้ว แต่ไม่สามารถส่งหนี้ได้ครบตามจำนวน คงเหลือเป็นเงินต้น 1,324,046.19 บาท ให้ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปอีก 5 ปี (2550-2554)
1.3.4 สำหรับลูกหนี้จำนวน 5 ราย เป็นเงิน 1,923,057.53 บาท ซึ่งไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขโครงการและไม่เจรจาปรับโครงสร้างหนี้ให้ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นการบังคับคดี
2. โครงการจัดหาปุ๋ยเคมีเพื่อจำหน่ายเกษตรกรแก่เกษตรกร ปี 2538 เป็นเงิน 217,327,310.13 บาท
2.1 ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2538 นั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เบิกเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรไปดำเนินงานตามโครงการดังกล่าวเป็นเงิน 936,105,600 บาท ได้ส่งชำระคืนแล้ว 718,778,289.87 บาท ค้างชำระ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2549 จำนวน 217,327,310.13 บาท
2.2 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดหาและจัดสรรปุ๋ยเคมีให้กับ 3 หน่วยงาน ได้แก่ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ไปจำหน่ายให้กับเกษตรกร ซึ่งปัจจุบันกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีหน่วยงานค้างชำระ 2 หน่วยงาน เป็นเงิน 4,301,054.86 บาท ได้แก่ อ.ต.ก.เป็นเงิน 4,291,308.86 บาท และ ธ.ก.ส. เป็นเงิน 9,746 บาท
นอกจากนี้ มีค่าใช้จ่ายตามโครงการที่ยังไม่ได้เบิกจ่ายจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) ซึ่งต้องนำส่งคืนกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร จำนวน 213,987,800 บาท รวมหนี้ค้างชำระทั้งสิ้น 218,288,854.86 บาท
2.3 คณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกรได้มีมติเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2549 ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา ดังนี้
2.3.1 ให้ยกเว้นการนำส่งดอกเบี้ยจากการจำหน่ายปุ๋ยเคมีที่ลูกหนี้ค้างชำระ เป็นเงิน 194,026.28 บาท เข้าเป็นรายได้ของกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร และยกเว้นการคิดดอกเบี้ยการจำหน่ายปุ๋ยตามโครงการดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2549 เป็นต้นไป
2.3.2 ให้ได้รับการจำหน่ายหนี้สูญ จำนวน 4 ราย เป็นเงิน 20,667.65 บาท เนื่องจากลูกหนี้ไม่มีเจตนาที่จะผิดนัดการชำระหนี้ แต่ประสบปัญหาไม่สามารถชำระหนี้ได้ โดยลูกหนี้ได้พยายามที่จะส่งชำระหนี้และได้ส่งชำระคืนมาแล้วเท่ากับหรือเกินกว่าวงเงินกู้ยืม
2.3.3 ให้ได้รับการขยายเวลาการชำระหนี้ลูกหนี้ 8 ราย เป็นเงิน 216,954.11 บาท โดยให้ได้รับการลดหนี้เงินต้น จำนวน 2,675 บาท เนื่องจากได้พยายามชำระหนี้แล้ว แต่ไม่สามารถส่งหนี้ได้ครบตามจำนวน คงเหลือเป็นเงินต้น 214,279.11 บาท ให้ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปอีก 1 ปี (2550)
2.3.4 สำหรับลูกหนี้จำนวน 14 ราย เป็นเงิน 4,063,433.10 บาท ซึ่งไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขโครงการและไม่เจรจาปรับโครงสร้างหนี้ให้ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นการบังคับคดี
2.3.5 สำหรับมูลหนี้ที่ค้างชำระอีกจำนวน 213,987,800 บาท ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ คชก. จัดสรรเงินให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานตามโครงการจัดหาปุ๋ยเคมีเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรปี 2538 เพื่อนำส่งคืนกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรต่อไป
3. โครงการจัดหาปุ๋ยเคมีเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรปี 2538/39 เป็นเงิน 7,680,408.87 บาท
3.1 ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2539 และ 6 กุมภาพันธ์ 2539) นั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เบิกเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรไปดำเนินงานตามโครงการดังกล่าวเป็นเงิน 1,593,582,073.73 บาท ได้ส่งชำระคืนแล้ว1,585,901,664.86 บาท ค้างชำระ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2549 จำนวน 7,680,408.87 บาท
3.2 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดหาและจัดสรรปุ๋ยเคมีให้กับ 3 หน่วยงาน ได้แก่ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ไปจำหน่ายให้กับเกษตรกร ซึ่งปัจจุบันกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีหน่วยงานค้างชำระ 2 หน่วยงาน เป็นเงิน 7,676,904.87 บาท ได้แก่ อ.ต.ก.เป็นเงิน 7,614,494.87 บาท และ ธ.ก.ส. เป็นเงิน 62,410 บาท
3.3 คณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกรได้มีมติเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2549 ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา ดังนี้
3.3.1 ให้ยกเว้นการนำส่งดอกเบี้ยจากการจำหน่ายปุ๋ยเคมีที่ลูกหนี้ค้างชำระ เป็นเงิน 760,918.03 บาท เข้าเป็นรายได้ของกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร และยกเว้นการคิดดอกเบี้ยการจำหน่ายปุ๋ยตามโครงการดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2549 เป็นต้นไป
3.3.2 ให้ได้รับการจำหน่ายหนี้สูญ จำนวน 12 ราย เป็นเงิน 23,420.23 บาท เนื่องจากลูกหนี้ไม่มีเจตนาที่จะผิดนัดการชำระหนี้ แต่ประสบปัญหาไม่สามารถชำระหนี้ได้ โดยลูกหนี้ได้พยายามที่จะส่งชำระหนี้และได้ส่งชำระคืนมาแล้วเท่ากับหรือเกินกว่าวงเงินกู้ยืม
3.3.3 ให้ได้รับการขยายเวลาการชำระหนี้ลูกหนี้ 31 ราย เป็นเงิน 779,534.28 บาท โดยให้ได้รับการลดหนี้เงินต้น จำนวน 5,524 บาท เนื่องจากได้พยายามชำระหนี้แล้ว แต่ไม่สามารถส่งหนี้ได้ครบตามจำนวน คงเหลือเป็นเงินต้น 774,010.28 บาท ให้ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปอีก 5 ปี (2550-2554)
3.3.4 สำหรับลูกหนี้จำนวน 17 ราย เป็นเงิน 6,873,950.36 บาท ซึ่งไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขโครงการและไม่เจรจาปรับโครงสร้างหนี้ให้ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นการบังคับคดี
4. โครงการจัดหาปุ๋ยเคมีเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรปี 2539/40 เป็นเงิน 16,005,592.41 บาท
4.1 ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2539 นั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เบิกเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรไปดำเนินงานตามโครงการดังกล่าวเป็นเงิน 2,140,486.600 บาท ได้ส่งชำระคืนแล้ว 2,124,481,077.59 บาท ค้างชำระ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2549 จำนวน 16,005,592.41 บาท
4.2 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดหาและจัดสรรปุ๋ยเคมีให้กับ 3 หน่วยงาน ได้แก่ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ไปจำหน่ายให้กับเกษตรกร ซึ่งปัจจุบันกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีหน่วยงานค้างชำระ 2 หน่วยงาน เป็นเงิน 15,997,116.96 บาท ได้แก่ อ.ต.ก.เป็นเงิน 15,495,860.96 บาท และ ธ.ก.ส. เป็นเงิน 501,256 บาท
4.3 คณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกรได้มีมติเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2549 ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา ดังนี้
4.3.1 ให้ยกเว้นการนำส่งดอกเบี้ยจากการจำหน่ายปุ๋ยเคมีที่ลูกหนี้ค้างชำระ เป็นเงิน 2,108,461.95 บาท เข้าเป็นรายได้ของกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร และยกเว้นการคิดดอกเบี้ยการจำหน่ายปุ๋ยตามโครงการดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2549 เป็นต้นไป
4.3.2 ให้ได้รับการจำหน่ายหนี้สูญ จำนวน 20 ราย เป็นเงิน 90,710.50 บาท เนื่องจากลูกหนี้ไม่มีเจตนาที่จะผิดนัดการชำระหนี้ แต่ประสบปัญหาไม่สามารถชำระหนี้ได้ โดยลูกหนี้ได้พยายามที่จะส่งชำระหนี้และได้ส่งชำระคืนมาแล้วเท่ากับหรือเกินกว่าวงเงินกู้ยืม
4.3.3 ให้ได้รับการขยายเวลาการชำระหนี้ลูกหนี้ 68 ราย เป็นเงิน 2,678,207.25 บาท โดยให้ได้รับการลดหนี้เงินต้น จำนวน 30,070 บาท เนื่องจากได้พยายามชำระหนี้แล้ว แต่ไม่สามารถส่งหนี้ได้ครบตามจำนวน คงเหลือเป็นเงินต้น 2,648,137.25 บาท ให้ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปอีก 5 ปี (2550-2554)
4.3.4 สำหรับลูกหนี้จำนวน 35 ราย เป็นเงิน 13,228,199.21 บาท ซึ่งไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขโครงการและไม่เจรจาปรับโครงสร้างหนี้ให้ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นการบังคับคดี
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 9 มกราคม 2550--จบ--