การประเมินพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งและมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้งปี 2550 คณะรัฐมนตรีรับทราบเรื่องการประเมินพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งและมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้งปี 2550 ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอดังนี้
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรน้ำ ได้กำหนดพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งโดยวิเคราะห์ข้อมูล 6 ปัจจัยหลัก ประกอบด้วย 1. จังหวัดที่มีฝนน้อยกว่าฝนเฉลี่ย 30 ปี 2. การพิจารณาฝนทิ้งช่วง 3. จังหวัดที่มีน้ำท่าอยู่ในภาวะวิกฤติ 4. อ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำวิกฤติ 5. จังหวัดที่มีระบบประปาหมู่บ้านน้อย 6. ศักยภาพของบ่อบาดาลในพื้นที่ขาดแคลนระบบประปา ผลการศึกษาวิเคราะห์และประสานงานกับกรมอุตุนิยมวิทยา กรมชลประทานและกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแล้ว พบว่า มีพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดภัยแล้งและประสบภัยแล้งแล้ว รวม 47 จังหวัด คือ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย กำแพงเพชร สุโขทัย ลำปาง ลำพูน เพชรบูรณ์ พิจิตร น่าน แพร่ ตาก อุทัยธานี อุตรดิตถ์ สุพรรณบุรี จันทบุรี อ่างทอง ฉะเชิงเทรา ตราด สระแก้ว ปราจีนบุรี สระบุรี นครนายก สมุทรปราการ ชลบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ หนองคาย ขอนแก่น หนองบัวลำภู บุรีรัมย์ อำนาจเจริญ มุกดาหาร กาฬสินธุ์ อุดรธานี ศรีสะเกษ นครราชสีมา ยโสธร สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ อุบลราชธานี มหาสารคาม ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช และระนอง
การดำเนินงาน
เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาภัยแล้งที่จะเกิดขึ้น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยกรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช รวมทั้งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมชลประทาน และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้เตรียมการและดำเนินการล่วงหน้า ดังนี้
1. การปฏิบัติการเตรียมรับสถานการณ์ก่อนเข้าสู่ฤดูแล้ง
1.1 การซ่อมแซมและก่อสร้างระบบประปาหมู่บ้าน (แล้วเสร็จ 2,549 แห่ง และอยู่ระหว่างดำเนินการ 2,313 แห่ง รวม 4,862 แห่ง)
1.2 การบูรณะและฟื้นฟูแหล่งน้ำ 105 แห่ง (แล้วเสร็จ 15 แห่ง กำลังดำเนินการ 90 แห่ง)
1.3 การก่อสร้างฝายต้นน้ำแล้วเสร็จ 18,076 แห่ง
1.4 การปรับปรุงบ่อน้ำตื้น 1,714 บ่อ (แล้วเสร็จ 831 แห่ง อยู่ระหว่างดำเนินการ 883 บ่อ)
1.5 จัดเตรียมเครื่องผลิตน้ำประปาเคลื่อนที่ 15 ชุด
1.6 เป่าล้างบ่อบาดาล 4,699 บ่อ
1.7 ซ่อมเครื่องสูบน้ำบ่อลึก 2,125 เครื่อง
1.8 เจาะบ่อบาดาลเพิ่มเติม 1,400 บ่อ (แล้วเสร็จ 810 บ่อ อยู่ระหว่างดำเนินการ 590 บ่อ)
1.9 จัดเตรียมจุดจ่ายน้ำบาดาลเพื่อการอุปโภค 2,000 แห่ง และบริโภค 1,000 แห่ง
1.10 เตรียมรถแจกจ่ายน้ำในสภาพใช้การได้ 976 คัน
1.11 เตรียมเครื่องสูบน้ำในสภาพใช้การได้ 1,200 เครื่อง
2. การสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน
จัดการประชุมคณะอนุกรรมการลุ่มน้ำ 29 คณะทั่วประเทศ เพื่อ
2.1 ประสานงานด้านข้อมูลปัญหาภัยแล้งจากพื้นที่
2.2 ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบช่องทางการขอรับความช่วยเหลือ
2.3 แจ้งเตือนชุมชนให้ประหยัดการใช้น้ำ โดยฝึกอบรมการผลิตและดูแลบำรุงรักษาระบบประปา
2.4 แนะนำให้ชุมชนจัดลำดับความสำคัญของการใช้น้ำ
2.5 ลดการก่อให้เกิดมลพิษในน้ำ
2.6 กำจัดวัชพืชน้ำที่จะทำให้น้ำระเหยเร็วเกินกว่าอัตราปกติ
3. การบูรณาการหน่วยงานเพื่อบรรเทาภัยแล้ง
3.1 การกำหนดพื้นที่ปลูกข้าวนาปรังให้เหมาะสมกับปริมาณน้ำในอ่างโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
3.2 การเตรียมการจัดทำฝนหลวงในพื้นที่วิกฤติ โดยสำนักฝนหลวง
3.3 การก่อสร้างฝายต้นน้ำ โดยกรมทรัพยากรน้ำ กรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
3.4 การขุดเจาะบ่อบาดาลในพื้นที่วิกฤติ โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล และองค์การบริหารส่วนตำบล
3.5 การฟื้นฟูอนุรักษ์แหล่งน้ำธรรมชาติ ซ่อมแซม และก่อสร้างระบบประปาหมู่บ้านให้ครบทุกหมู่บ้าน โดยกรมทรัพยากรน้ำ และองค์การบริหารส่วนตำบล
3.6 การสนับสนุนน้ำประปาสำหรับแจกจ่ายในพื้นที่วิกฤติ โดยการประปาส่วนภูมิภาค กรมทรัพยากรน้ำ และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล
3.7 การสนับสนุนรถยนต์แจกจ่ายน้ำในพื้นที่วิกฤติ โดยกรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมชลประทาน และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 6 มีนาคม 2550--จบ--
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรน้ำ ได้กำหนดพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งโดยวิเคราะห์ข้อมูล 6 ปัจจัยหลัก ประกอบด้วย 1. จังหวัดที่มีฝนน้อยกว่าฝนเฉลี่ย 30 ปี 2. การพิจารณาฝนทิ้งช่วง 3. จังหวัดที่มีน้ำท่าอยู่ในภาวะวิกฤติ 4. อ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำวิกฤติ 5. จังหวัดที่มีระบบประปาหมู่บ้านน้อย 6. ศักยภาพของบ่อบาดาลในพื้นที่ขาดแคลนระบบประปา ผลการศึกษาวิเคราะห์และประสานงานกับกรมอุตุนิยมวิทยา กรมชลประทานและกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแล้ว พบว่า มีพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดภัยแล้งและประสบภัยแล้งแล้ว รวม 47 จังหวัด คือ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย กำแพงเพชร สุโขทัย ลำปาง ลำพูน เพชรบูรณ์ พิจิตร น่าน แพร่ ตาก อุทัยธานี อุตรดิตถ์ สุพรรณบุรี จันทบุรี อ่างทอง ฉะเชิงเทรา ตราด สระแก้ว ปราจีนบุรี สระบุรี นครนายก สมุทรปราการ ชลบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ หนองคาย ขอนแก่น หนองบัวลำภู บุรีรัมย์ อำนาจเจริญ มุกดาหาร กาฬสินธุ์ อุดรธานี ศรีสะเกษ นครราชสีมา ยโสธร สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ อุบลราชธานี มหาสารคาม ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช และระนอง
การดำเนินงาน
เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาภัยแล้งที่จะเกิดขึ้น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยกรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช รวมทั้งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมชลประทาน และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้เตรียมการและดำเนินการล่วงหน้า ดังนี้
1. การปฏิบัติการเตรียมรับสถานการณ์ก่อนเข้าสู่ฤดูแล้ง
1.1 การซ่อมแซมและก่อสร้างระบบประปาหมู่บ้าน (แล้วเสร็จ 2,549 แห่ง และอยู่ระหว่างดำเนินการ 2,313 แห่ง รวม 4,862 แห่ง)
1.2 การบูรณะและฟื้นฟูแหล่งน้ำ 105 แห่ง (แล้วเสร็จ 15 แห่ง กำลังดำเนินการ 90 แห่ง)
1.3 การก่อสร้างฝายต้นน้ำแล้วเสร็จ 18,076 แห่ง
1.4 การปรับปรุงบ่อน้ำตื้น 1,714 บ่อ (แล้วเสร็จ 831 แห่ง อยู่ระหว่างดำเนินการ 883 บ่อ)
1.5 จัดเตรียมเครื่องผลิตน้ำประปาเคลื่อนที่ 15 ชุด
1.6 เป่าล้างบ่อบาดาล 4,699 บ่อ
1.7 ซ่อมเครื่องสูบน้ำบ่อลึก 2,125 เครื่อง
1.8 เจาะบ่อบาดาลเพิ่มเติม 1,400 บ่อ (แล้วเสร็จ 810 บ่อ อยู่ระหว่างดำเนินการ 590 บ่อ)
1.9 จัดเตรียมจุดจ่ายน้ำบาดาลเพื่อการอุปโภค 2,000 แห่ง และบริโภค 1,000 แห่ง
1.10 เตรียมรถแจกจ่ายน้ำในสภาพใช้การได้ 976 คัน
1.11 เตรียมเครื่องสูบน้ำในสภาพใช้การได้ 1,200 เครื่อง
2. การสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน
จัดการประชุมคณะอนุกรรมการลุ่มน้ำ 29 คณะทั่วประเทศ เพื่อ
2.1 ประสานงานด้านข้อมูลปัญหาภัยแล้งจากพื้นที่
2.2 ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบช่องทางการขอรับความช่วยเหลือ
2.3 แจ้งเตือนชุมชนให้ประหยัดการใช้น้ำ โดยฝึกอบรมการผลิตและดูแลบำรุงรักษาระบบประปา
2.4 แนะนำให้ชุมชนจัดลำดับความสำคัญของการใช้น้ำ
2.5 ลดการก่อให้เกิดมลพิษในน้ำ
2.6 กำจัดวัชพืชน้ำที่จะทำให้น้ำระเหยเร็วเกินกว่าอัตราปกติ
3. การบูรณาการหน่วยงานเพื่อบรรเทาภัยแล้ง
3.1 การกำหนดพื้นที่ปลูกข้าวนาปรังให้เหมาะสมกับปริมาณน้ำในอ่างโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
3.2 การเตรียมการจัดทำฝนหลวงในพื้นที่วิกฤติ โดยสำนักฝนหลวง
3.3 การก่อสร้างฝายต้นน้ำ โดยกรมทรัพยากรน้ำ กรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
3.4 การขุดเจาะบ่อบาดาลในพื้นที่วิกฤติ โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล และองค์การบริหารส่วนตำบล
3.5 การฟื้นฟูอนุรักษ์แหล่งน้ำธรรมชาติ ซ่อมแซม และก่อสร้างระบบประปาหมู่บ้านให้ครบทุกหมู่บ้าน โดยกรมทรัพยากรน้ำ และองค์การบริหารส่วนตำบล
3.6 การสนับสนุนน้ำประปาสำหรับแจกจ่ายในพื้นที่วิกฤติ โดยการประปาส่วนภูมิภาค กรมทรัพยากรน้ำ และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล
3.7 การสนับสนุนรถยนต์แจกจ่ายน้ำในพื้นที่วิกฤติ โดยกรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมชลประทาน และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 6 มีนาคม 2550--จบ--