การเสนอความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุน

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 19, 2011 17:28 —มติคณะรัฐมนตรี

เรื่อง การเสนอความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย

กับรัฐบาลแห่งสหภาพพม่าเพื่อดำเนินการให้มีผลใช้บังคับ

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เสนอดังนี้

1. เห็นชอบเสนอความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสหภาพพม่าให้รัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบ และ

2. เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว มอบหมายให้ กต. จัดทำหนังสือแจ้งเมียนมาร์ว่า ฝ่ายไทยได้ดำเนินการตามกระบวนการกฎหมายภายในที่กำหนดไว้เสร็จสิ้นแล้ว เพื่อให้ความตกลงฯ มีผลใช้บังคับ

สาระสำคัญของเรื่อง

1. การลงทุนโดยผู้ลงทุนของภาคีคู่สัญญาจะได้รับประโยชน์จากความตกลงฯ ต่อเมื่อเป็นการลงทุนที่ได้รับความเห็นชอบเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นการเฉพาะ โดยเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของภาคีคู่สัญญา หากมีการกำหนดไว้เช่นนั้นโดยกฎหมายและข้อบังคับของภาคีของคู่สัญญานั้น

2. ภาคีคู่สัญญาจะสนับสนุนและสร้างสภาวะที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุนในดินแดนของตน โดยการลงทุนของผู้ลงทุนแต่ละฝ่ายจะได้รับการประติบัติที่เป็นธรรมตลอดเวลาและจะได้รับการคุ้มครองและความปลอดภัยอย่างเต็มที่

3. ในส่วนของการประติบัติต่อการลงทุน ภาคีคู่สัญญาแต่ละฝ่ายจะให้การประติบัติที่ไม่ด้อยไปกว่าการลงทุนและผลตอบแทนของผู้ลงทุนของตน หรือต่อการลงทุนและผลตอบแทนของผู้ลงทุนของรัฐที่สามใด ๆ แล้วแต่ว่ากรณีไหนจะเป็นคุณมากกว่ากัน ภายใต้ขอบเขตของกฎหมายและข้อบังคับที่ใช้อยู่ โดยมีข้อจำกัดอยู่ที่สิทธิพิเศษ หรือเอกสิทธิ์ใดๆ ที่อาจเป็นผลมาจากการที่ภาคีคู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เป็นภาคีความตกลงที่เกี่ยวกับศุลกากร ความตกลงเขตการค้าเสรี สหภาพทางการเงิน หรือความตกลงที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บภาษีอากร

4. ในกรณีที่การลงทุนของผู้ลงทุนของภาคีคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งประสบความสูญเสีย อันเนื่องจากสงครามหรือการขัดกันด้วยอาวุธอื่น ๆ การปฏิวัติ สภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ การก่อกบฏ การก่อการร้ายด้วยอาวุธ การจลาจลหรือเหตุการณ์อื่นที่คล้ายคลึงกัน ผู้ลงทุนจะได้รับการให้คืน ชดใช้ ชำระค่าทดแทน หรือการชดเชยแก้ไขอื่น ๆ ที่ไม่ด้อยไปกว่าที่ภาคีคู่สัญญาผู้รับการลงทุนให้แก่ผู้ลงทุนของตนหรือผู้ลงทุนของรัฐที่สามใด ๆ แล้วแต่ว่ากรณีใดจะเป็นคุณกว่ากัน หากความสูญเสียเป็นผลมาจากการเรียกเกณฑ์ทรัพย์สินโดยกองกำลังหรือเจ้าหน้าที่ของภาคีคู่สัญญาผู้รับการลงทุน หรือการทำลายทรัพย์สินโดยกองกำลังหรือเจ้าหน้าที่ซึ่งมิได้เกิดขึ้นในการสู้รบ หรือไม่จำเป็นต้องมีขึ้นตามความจำเป็นของสถานการณ์ ผู้ลงทุนจะได้รับการชดเชยหรือการชำระค่าตอบแทนโดยพลัน อย่างเพียงพอและมีประสิทธิผลตามบทบัญญัติของกฎหมายและข้อบังคับของภาคีคู่สัญญาผู้รับการลงทุน

5. การลงทุนของผู้ลงทุนของภาคีคู่สัญญาจะไม่ถูกเวนคืน เว้นแต่เพื่อประโยชน์สาธารณะ ภายใต้กระบวนการที่ถูกต้องตามกฎหมาย บนพื้นฐานของการไม่เลือกประติบัติ โดยต้องมีการชำระค่าทดแทนที่มีจำนวนเท่ากับมูลค่าตลาดของการลงทุนที่ถูกเวนคืนโดยพลัน มีประสิทธิผล และเพียงพอ

6. ภาคีคู่สัญญาแต่ละฝ่ายให้การประกันต่อผู้ลงทุนของภาคีคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งว่า สามารถโอนเงินเข้าและออกจากดินแดนได้โดยเสรี ในการโอนเงินที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนภายใต้ความตกลงฯ

7. ในกรณีเกิดข้อพิพาทระหว่างภาคีคู่สัญญาและผู้ลงทุนของภาคีคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง ผู้ลงทุนอาจเลือกเสนอข้อพิพาทนั้นต่อศาลที่มีอำนาจของภาคีคู่สัญญานั้น หรืออนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศได้ โดยคำวินิจฉัยของอนุญาโตตุลาการให้ถือเป็นที่สุดและมีผลผูกพันคู่พิพาท

8. ข้อพิพาทใด ๆ ระหว่างภาคีคู่สัญญาที่เกี่ยวกับการตีความหรือการบังคับใช้ความตกลง อาจมีการนำเสนอต่อคณะอนุญาโตตุลาการเพื่อการวินิจฉัยได้ เมื่อภาคีคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดร้องขอ คณะอนุญาโตตุลาการจะถูกจัดตั้งขึ้นสำหรับแต่ละข้อพิพาท แต่ในกรณีนี้คณะอนุญาโตตุลาการจะกำหนดวิธีพิจารณาของตนเอง และจะตัดสินโดยเสียงข้างมาก โดยคำตัดสินนั้นจะมีผลผูกพันภาคีคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย นอกจากจะตกลงกันเป็นอย่างอื่น

9. ภาคีคู่สัญญาจะต้องแจ้งอีกฝ่ายว่า ตนได้ดำเนินการตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายรัฐธรรมนูญอันจะมีผลให้ความตกลงฯ นี้มีผลใช้บังคับ โดยความตกลงฯ จะมีผลใช้บังคับในลักษณะที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 18 ตุลาคม 2554--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ