คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานรายงานผลการดำเนินการกำหนดอัตราค่าจ้างแรงงานเป็นรายชั่วโมง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2546 โดยแบ่งการดำเนินการเป็น 2 ระยะ ดังนี้
1. การดำเนินการระยะสั้น
1.1 กระทรวงแรงงานประสานขอตำแหน่งงาน PART TIME สำหรับนักเรียน นิสิต และนักศึกษาจากสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ค้าปลีกไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อรองรับความต้องการทำงานของนักเรียน นิสิต และนักศึกษา ทั่วประเทศ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2546 มีนายจ้างแจ้งความประสงค์รับนักเรียน นิสิต และนักศึกษา แล้วจำนวน 9,057 อัตรา และได้ดำเนินการบรรจุงานตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2546 - 31 ธันวาคม 2546 จำนวน 3,020 คน
1.2 การจัดกิจกรรมเสริมโดยเปิดตลาดนัดแรงงานในกรุงเทพมหานครและภูมิภาค โดยในกรุงเทพ-มหานครได้ดำเนินการจัดนัดพบแรงงานนักเรียน นิสิต และนักศึกษาแล้ว เมื่อวันที่ 15 - 17 ธันวาคม 2546 ณ บริเวณกระทรวงแรงงาน มีนายจ้าง/สถานประกอบการเข้าร่วมรับสมัครงานจำนวน 32 แห่ง ตำแหน่งงานว่าง 3,981 อัตรา และมีนักเรียน นิสิต และนักศึกษาเข้าร่วมงาน จำนวน 1,540 คน และมีผู้สนใจลงทะเบียนสมัครงาน จำนวน 227 คน ได้รับการบรรจุงานทันที 135 คน สำหรับในส่วนภูมิภาคมอบหมายให้สำนักงานจัดหางานจังหวัด และผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการในจังหวัดหารือเพื่อกำหนดแผนการจัดงาน ตามวัน เวลา และสถานที่ที่เหมาะสมกับพื้นที่
1.3 ดำเนินการขอความร่วมมือ และประชาสัมพันธ์ให้นายจ้าง/สถานประกอบการทราบถึงนโยบายการส่งเสริมการจ้างงานนักเรียน นิสิต และนักศึกษา พร้อมทั้งกำหนดมาตรการจูงใจให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในนโยบายดังกล่าว โดยมอบใบประกาศเกียรติคุณหรือธงสัญลักษณ์ ตลอดจนการพิจารณามาตรการทางภาษี โดยการลดหย่อนภาษีให้แก่สถานประกอบการที่สนับสนุนนโยบายดังกล่าว
2. การดำเนินการระยะยาว
การส่งเสริมให้นักเรียน นิสิต และนักศึกษาทำงานนอกเวลาเรียนนั้น สมควรมีวัตถุประสงค์เพียงเพื่อกระตุ้นให้นักเรียน นิสิต และนักศึกษา ตระหนักในเรื่องความสำคัญของการมีงานทำและการประกอบอาชีพ (Vocationalconsciousness) และต้องการสร้างเสริมประสบการณ์การทำงานและวินัยในการทำงานให้แก่นักเรียน นิสิต และนักศึกษาเท่านั้น มิได้มุ่งเน้นการมีรายได้เลี้ยงตัวเองเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม มีบางฝ่ายเกรงว่าหากปล่อยให้หางานทำโดยไม่มีค่าจ้างขั้นต่ำกำหนดไว้อาจจะโดนนายจ้าง/สถานประกอบการเอาเปรียบได้ จึงมีประเด็นถกเถียงกันว่าจะมีค่าจ้างรายชั่วโมงเป็นเท่าไร ซึ่งขณะเดียวกันสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงได้ดำเนินการศึกษาปรับปรุงกฎหมายในเรื่องของค่าจ้างรายชั่วโมง เพื่อจะได้ทราบสภาพการจ้างงานไม่เต็มเวลา (Part - Time) เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลประกอบการพิจารณาหลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดอัตราค่าจ้างรายชั่วโมง ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาวิจัยโดย บริษัท พัฒนานักบริหารจำกัด ซึ่งคณะกรรมการค่าจ้าง สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน จะได้นำผลการศึกษาวิจัยมาพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการกำหนดอัตราค่าจ้างรายชั่วโมงต่อไป
อย่างไรก็ตาม กระทรวงแรงงานเห็นว่านักเรียน นิสิต และนักศึกษา ยังไม่เป็นคนงานแต่เป็นผู้ฝึกงานค่าตอบแทนที่ได้รับจึงเป็นค่าตอบแทนการฝึกงานเท่านั้น ซึ่งขณะนี้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้มีระเบียบกระทรวงแรงงานเรื่อง หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้รับการฝึกเตรียมเข้าทำงาน ประกาศ ณ วันที่ 1 กันยายน 2546 ซึ่งออกตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 ได้กำหนดในเรื่องการจ่ายเบี้ยเลี้ยงให้แก่ผู้รับการฝึก โดยกำหนดให้ผู้ดำเนินการฝึกต้องจ่ายเบี้ยเลี้ยงเป็นเงินตราไทยแก่ผู้รับการฝึก ตามจำนวนวันฝึกในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำสูงสุด ตามกฎหมายค่าจ้างขั้นต่ำที่ใช้อยู่ในขณะนั้น ซึ่งผู้รับการฝึกตามความหมายของระเบียบดังกล่าวหมายรวมถึงนักเรียน นิสิต และนักศึกษา ที่สถานศึกษาส่งเข้ารับการฝึกตามหลักสูตรด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 27 มกราคม 2547--จบ--
-กภ-
1. การดำเนินการระยะสั้น
1.1 กระทรวงแรงงานประสานขอตำแหน่งงาน PART TIME สำหรับนักเรียน นิสิต และนักศึกษาจากสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ค้าปลีกไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อรองรับความต้องการทำงานของนักเรียน นิสิต และนักศึกษา ทั่วประเทศ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2546 มีนายจ้างแจ้งความประสงค์รับนักเรียน นิสิต และนักศึกษา แล้วจำนวน 9,057 อัตรา และได้ดำเนินการบรรจุงานตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2546 - 31 ธันวาคม 2546 จำนวน 3,020 คน
1.2 การจัดกิจกรรมเสริมโดยเปิดตลาดนัดแรงงานในกรุงเทพมหานครและภูมิภาค โดยในกรุงเทพ-มหานครได้ดำเนินการจัดนัดพบแรงงานนักเรียน นิสิต และนักศึกษาแล้ว เมื่อวันที่ 15 - 17 ธันวาคม 2546 ณ บริเวณกระทรวงแรงงาน มีนายจ้าง/สถานประกอบการเข้าร่วมรับสมัครงานจำนวน 32 แห่ง ตำแหน่งงานว่าง 3,981 อัตรา และมีนักเรียน นิสิต และนักศึกษาเข้าร่วมงาน จำนวน 1,540 คน และมีผู้สนใจลงทะเบียนสมัครงาน จำนวน 227 คน ได้รับการบรรจุงานทันที 135 คน สำหรับในส่วนภูมิภาคมอบหมายให้สำนักงานจัดหางานจังหวัด และผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการในจังหวัดหารือเพื่อกำหนดแผนการจัดงาน ตามวัน เวลา และสถานที่ที่เหมาะสมกับพื้นที่
1.3 ดำเนินการขอความร่วมมือ และประชาสัมพันธ์ให้นายจ้าง/สถานประกอบการทราบถึงนโยบายการส่งเสริมการจ้างงานนักเรียน นิสิต และนักศึกษา พร้อมทั้งกำหนดมาตรการจูงใจให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในนโยบายดังกล่าว โดยมอบใบประกาศเกียรติคุณหรือธงสัญลักษณ์ ตลอดจนการพิจารณามาตรการทางภาษี โดยการลดหย่อนภาษีให้แก่สถานประกอบการที่สนับสนุนนโยบายดังกล่าว
2. การดำเนินการระยะยาว
การส่งเสริมให้นักเรียน นิสิต และนักศึกษาทำงานนอกเวลาเรียนนั้น สมควรมีวัตถุประสงค์เพียงเพื่อกระตุ้นให้นักเรียน นิสิต และนักศึกษา ตระหนักในเรื่องความสำคัญของการมีงานทำและการประกอบอาชีพ (Vocationalconsciousness) และต้องการสร้างเสริมประสบการณ์การทำงานและวินัยในการทำงานให้แก่นักเรียน นิสิต และนักศึกษาเท่านั้น มิได้มุ่งเน้นการมีรายได้เลี้ยงตัวเองเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม มีบางฝ่ายเกรงว่าหากปล่อยให้หางานทำโดยไม่มีค่าจ้างขั้นต่ำกำหนดไว้อาจจะโดนนายจ้าง/สถานประกอบการเอาเปรียบได้ จึงมีประเด็นถกเถียงกันว่าจะมีค่าจ้างรายชั่วโมงเป็นเท่าไร ซึ่งขณะเดียวกันสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงได้ดำเนินการศึกษาปรับปรุงกฎหมายในเรื่องของค่าจ้างรายชั่วโมง เพื่อจะได้ทราบสภาพการจ้างงานไม่เต็มเวลา (Part - Time) เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลประกอบการพิจารณาหลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดอัตราค่าจ้างรายชั่วโมง ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาวิจัยโดย บริษัท พัฒนานักบริหารจำกัด ซึ่งคณะกรรมการค่าจ้าง สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน จะได้นำผลการศึกษาวิจัยมาพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการกำหนดอัตราค่าจ้างรายชั่วโมงต่อไป
อย่างไรก็ตาม กระทรวงแรงงานเห็นว่านักเรียน นิสิต และนักศึกษา ยังไม่เป็นคนงานแต่เป็นผู้ฝึกงานค่าตอบแทนที่ได้รับจึงเป็นค่าตอบแทนการฝึกงานเท่านั้น ซึ่งขณะนี้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้มีระเบียบกระทรวงแรงงานเรื่อง หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้รับการฝึกเตรียมเข้าทำงาน ประกาศ ณ วันที่ 1 กันยายน 2546 ซึ่งออกตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 ได้กำหนดในเรื่องการจ่ายเบี้ยเลี้ยงให้แก่ผู้รับการฝึก โดยกำหนดให้ผู้ดำเนินการฝึกต้องจ่ายเบี้ยเลี้ยงเป็นเงินตราไทยแก่ผู้รับการฝึก ตามจำนวนวันฝึกในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำสูงสุด ตามกฎหมายค่าจ้างขั้นต่ำที่ใช้อยู่ในขณะนั้น ซึ่งผู้รับการฝึกตามความหมายของระเบียบดังกล่าวหมายรวมถึงนักเรียน นิสิต และนักศึกษา ที่สถานศึกษาส่งเข้ารับการฝึกตามหลักสูตรด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 27 มกราคม 2547--จบ--
-กภ-