คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานการดำเนินการแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของคณะกรรมการนโยบายเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 154/2546 ลงวันที่ 27 มิถุนายน 2546 แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กปต.) เพื่อทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาและเป็นเวทีในการระสานงานระดับนโยบาย และติดตามเร่งรัดการดำเนินงาน นั้น
บัดนี้ได้ดำเนินการเรื่องดังกล่าวมาระยะหนึ่งแล้วกระทรวงมหาดไทยขอรายงานผลการดำเนินงานของ กปต. และคณะอนุกรรมการที่ กปต. แต่งตั้ง จำนวน 8 คณะ ในช่วงประมาณ 7 เดือนที่ผ่านมา ดังนี้
1. การกำหนดกรอบแนวทางการดำเนินงานได้แบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ การแก้ไขปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้า และการแก้ไขปัญหาเชิงระบบ ซึ่งจะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องเน้นการดำเนินการในปีงบประมาณ 2547 และ 2548
1) การแก้ไขปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้า ในช่วงปลายปีงบประมาณ 2546 ได้เน้นให้หน่วยงานปกติดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งการเกลี่ยบุคลากรและงบประมาณไปดำเนินการในพื้นที่นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้อนุมัติงบกลาง จำนวน 5.5 ล้านบาท ให้กับฝ่ายตำรวจ ฝ่ายปกครอง และ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในการรักษาความสงบเรียบร้อย ตามข้อเสนอของ กปต.
2) การแก้ไขปัญหาเชิงระบบ กปต.ได้จัดทำยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาภาคใต้เพื่อเสริมงานปกติเป็นพิเศษนอกเหนือจากที่กลุ่มจังหวัดได้จัดทำยุทธศาสตร์และแผนงานโครงการไว้ โดยในช่วงแรกได้เสนอของบกลางรายการทดรองจ่ายกรณีฉุกเฉินและจำเป็นปี 2547 จำนวน 412.97 ล้านบาท ให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการในระยะเร่งด่วน โดย นายกรัฐมนตรี ได้เห็นชอบในหลักการและให้นำไปพิจารณาในการประชุม ครม. นอกสถานที่ที่จังหวัดปัตตานี นอกจากนี้ยังได้จัดทำแผนงาน/โครงการ เพื่อเสนอของบประมาณเพิ่มเติมกลางปี 2547 ซึ่งจะแล้วเสร็จและนำเสนอ คณะรัฐมนตรีได้ภายในเดือน มกราคม 2547
2. ในด้านการพัฒนา ได้มีการวิเคราะห์ผลการพัฒนาที่ผ่านมาพบว่า นอกจากปัญหาโครงสร้างพื้นฐานแล้วยังมีปัญหาด้านความมั่นคง ปัญหาสังคมจิตวิทยาที่เกี่ยวเนื่องกับปัญหาทางด้านการเมืองและการปกครอง รวมทั้งปัญหาที่เกิดจากการพัฒนาที่ล่าล้า ขาดบุคลากรที่มีประสิทธิภาพ บุคลากรของรัฐขาดขวัญและกำลังใจ จึงจำเป็นต้องเพิ่มมาตรการแผนงาน โครงการ และงบประมาณ เพื่อเร่งรัดการพัฒนา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เป็นรูปธรรมขึ้นอย่างเป็นระบบและต่อเนื่องเป็นการด่วน
3. ผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการเฉพาะด้าน
3.1 คณะอนุกรรมการด้านเสริมสร้างความมั่นคงภายใน ได้กำกับ ติดตาม ประสานการดำเนินงานของหน่วยงาน โดยเฉพาะฝ่ายตำรวจ และปกครอง มีการดำเนินการด้านต่าง ๆ คือ
การดำเนินงานของฝ่ายตำรวจ (ตุลาคม - ธันวาคม 2546)
1) การปฏิบัติงานด้านมวลชลสัมพันธ์ของตำรวจภูธร 3 จังหวัด มีการพบปะเยี่ยมเยียนประชาชน ผู้นำศาสนา ผู้นำหมู่บ้าน 5,350 ครั้ง สืบสภาพหมู่บ้าน 755 ครั้ง การช่วยเหลือผู้ประสบภัย 48 ครั้ง ร่วมเล่นกีฬากับประชาชน 469 ครั้ง พัฒนาร่วมกับประชาชน 421 ครั้ง รณรงค์ต่อต้านยาเสพติด 826 ครั้ง ประชาสัมพันธ์ผลงานของหน่วย 510 ครั้ง สนับสนุนกิจกรรม 306 ครั้ง บริการตัดผมให้เยาวชน 251 ครั้ง ร่วมพิธีทางศาสนา 829 ครั้ง
2) การปฏิบัติงานชุดมวลชนสัมพันธ์ ตชด. ภาค 4 บริการด้านการแพทย์ 729 ครั้ง พัฒนาช่วยเหลือประชาชน 397 ครั้ง ช่วยเหลือผู้ประสบภัย 72 ครั้ง ส่งเสริมเพิ่มรายได้ 99 ครั้ง เยี่ยมเยียนประชาชน 798 ครั้ง ศาสนาสัมพันธ์ 199 ครั้ง กีฬาสัมพันธ์ 239 ครั้ง
3) การปราบปรามของตำรวจภูธร 3 จังหวัด ดังนี้ รปภ. ชีวิตทรัพย์สินประชาชน 4,400 ครั้ง ลาดตระเวน 4,209 ครั้ง สืบสวนหาข่าว 3,531 ครั้ง ตั้งจุดตรวจจุดสกัด 3,655 ครั้ง
การดำเนินงานของฝ่ายปกครอง
1) ด้านการข่าว มีการจัดตั้งศูนย์ข่าวร่วมจังหวัด อำเภอ กิ่งอำเภอ จัดฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ปกครองหลักสูตรนักการข่าว จำนวน 69 คน จัดชุดหาข่าว จัดสรรงบประมาณและให้ปฏิบัติการการข่าว สามารถปฏิบัติการการข่าวเชิงรุกตลอด 24 ชั่วโมง
2) ด้านการเสริมสร้างความเข้มแข็งของอำนาจรัฐ มีการสั่งใช้สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) จำนวน 969 อัตรา รวมทั้ง ครม. ได้อนุมัติกรอบอัตรากำลังพล อส. ใน 3 จังหวัด จำสวน 825 อัตรา บรรจุใช้แล้ว 510 อัตรา รวมปัจจุบัน 1,479 อัตรา การจัดฝึกอบรมชุดปฏิบัติการไล่ล่า จำนวน 62 ชุด รวม 744 คน ตชด.ได้จัดส่งกำลังพล สำหรับนำหน่วยและเป็นพี่เลี้ยงให้กับกองกำลัง อส. จำนวน 33 กองร้อย ๆ ละ 2 นาย รวม 66 นาย การจัดตั้ง War Room การจัดประชุมเชิงปฏิบัติการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้บริหารระดับสูงของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ ศูนย์ประสานงานปกครองจังหวัดชายแดนภาคใต้ จ.ยะลา
3) การเพิ่มประสิทธิภาพของหน่วยงานของรัฐและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยการปฐมนิเทศและพัฒนาประสิทธิภาพข้าราชการที่ได้รับแต่งตั้ง(ย้าย) ไปปฏิบัติงานในพื้นที่เป็นครั้งแรก จำนวน 1,260 คน การจัดชุดเยี่ยมเยียนประชาชน จัดหน่วยบริการเคลื่อนที่เพิ่มเติมจากเดือนละ 1 ครั้ง เป็นเดือนละ 5 ครั้ง และเพิ่มเวลาการให้บริการในวันธรรมดาช่วงพักเที่ยงและวันเสาร์เต็มวัน มีการเพิ่มศักยภาพกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในการรักษาความสงบเรียบร้อย โดยจัดฝึกอบรมชุดรักษาความสงบเรียบร้อยประจำหมู่บ้าน และชุดลาดตระเวน จำนวน 2,150 คน จัดฝึกอบรมหลักสูตรรักษาความสงบเรียบร้อยภายในหมู่บ้าน จำนวน 185 คน มีการฝึกอบรมเยาชน อส. ใน 3 จังหวัด จำนวน 3,960 คน มีการเผยแพร่ภาษาไทยในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 18 จุด มีผู้เรียน 538 คน มีการประชาสัมพันธ์ทางสื่อมวลชนทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ช่อง 11 และวิทยุกระจายเสียงอย่างต่อเนื่อง
4) การส่งเสริมบทบาทผู้นำศาสนาอิสลาม โดยการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการผู้นำศาสนาอิสลาม จำนวน 60 คน จัดประชุมเชิงปฏิบัติการส่งเสริมบทบาทผู้นำศาสนาอิสลาม พัฒนาชุมชนเข้มแข็งเอาชนะยาเสพติด จังหวัดนราธิวาส 1,733 คน ปัตตานี 1,869 คน ยะลา 1,233 คน สงขลา 1,041 คน และสตูล 555 คน โดยจุฬาราชมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยร่วมบรรยายพิเศษด้วย มีการพัฒนาบุคลากรโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม จำนวน 30 โรงเรียน 143 คน สนับสนุนเงินทุนการศึกษาแก่นักศึกษาชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลาม จำนวน 16 คน มีการอำนวยความสะดวกแก่ผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ณ สนามบินหาดใหญ่ จำนวน 19 เที่ยวบิน 4,011 คน มีการจัดทำนิตยสารภาพข่าวทักษิณ มีการเรียนเชิญจุฬาราชมนตรีไปประชุมพบปะผู้นำศาสนาอิสลามหลังเดือนรอมฎอนก่อนเทศกาลอัจย์ที่ จ.นราธิวาส 400 คน ปัตตานี 800 คน ยะลา 1,000 คน และสงขลา 2,000 คน
3.2 ด้านการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการได้ลงไปตรวจเยี่ยมพื้นที่พบปะกับข้าราชการผู้นำศาสนาบ่อยครั้ง ได้มีการนำข้อเสนอต่าง ๆ มาจัดทำโครงการแก้ไขปัญหาสำคัญ ๆ เช่น การขาดแคลนบุคลากรผู้สอนอย่างยั่งยืน โดยการเสนอขออนุมัติบรรจุอัตราครูวุฒิปริญญาตรี จำนวน 1,432 อัตรา และครูอัตราจ้าง 943 อัตรา โดยขอกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการคัดเลือกบุคลากรผู้สอนใหม่ โดยกำหนดคุณสมบัติผู้มีสิทธิสมัครสอบต้องมีภูมิลำเนาอยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และต้องปฏิบัติงานในพื้นที่ต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 6 ปี จึงจะมีสิทธิขอย้าย นอกจากนี้ยังได้มีการดำเนินการโครงการพัฒนาคุณภาพการศึกษา โครงการหนึ่งอำเภอ หนึ่งปอเนาะในฝัน โครงการอบรมครู ผู้บริหาร ผู้จัดการโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม เป็นต้น
3.3 ด้านการกีฬา นันทนาการ และการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ส่งทีมงานไปติดตามสถานการณ์ประมวลปัญหาข้อเสนอความต้องการของพื้นที่มาจัดทำโครงการส่งเสริมกิจกรรมกีฬา ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถึงระดับตำบล หมู่บ้าน โดยเน้นเป้าหมายกลุ่มเยาวชนใช้กีฬาเป็นเครื่องมือให้เกิดการเคลื่อนไหวของมวลชนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งได้เสนอให้มีการปรับปรุงสนามกีฬากลางของทั้ง 3 จังหวัดให้ได้มาตรฐาน สำหรับใช้ในการแข่งขันกีฬา ทั้งในระดับชาติและระดับนานาชาติ
3.4 ด้านการประชาสัมพันธ์ ได้มีการประชาสัมพันธ์เชิงรุกให้เข้าถึงประชาชน โดยกรมประชาสัมพันธ์ได้ปรับผังรายการวิทยุ โทรทัศน์ทั้งที่ออกอากาศในพื้นที่และออกอากาศทั่วประเทศ เพื่อสร้างความเข้าใจกับประชาชน โดยเฉพาะการปรับรายการภาคภาษามาลายูท้องถิ่นที่ประชาชนสนใจ และปรับเวลาออกอากาศให้ประชาชนสามารถรับฟังได้ หลังการประกอบอาชีพกรีดยาง นอกจากนี้ยังมีการผลิตเอกสารสื่อประชาสัมพันธ์แจกจ่ายทุกหมู่บ้าน
3.5 ด้านสาธารณสุขและคุณภาพชีวิต กระทรวงสาธารณสุขได้มีการดำเนินงานโครงการสร้างภาคีเครือข่าย ในการสร้างสุขภาพของประชาชนในเชิงรุก มีการดูแลสุขภาพของผู้ไปประกอบพิธีฮัจย์ และให้บริการสุขภาพอนามัยแก่ประชาชนในระดับตำบล หมู่บ้านอย่างต่อเนื่อง
3.6 ด้านการพัฒนาประสิทธิภาพเจ้าหน้าที่ของรัฐ คณะอนุกรรมการฯ ได้มีการประชุมเพื่อจัดทำมาตรการการพัฒนาประสิทธิภาพเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทั้งในด้านการสรรหาคนดีมาปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ กำจัดคนไม่ดีออกไป ให้มีการพัฒนาข้าราชการให้มีคุณสมบัติเหมาะสม สำหรับปฏิบัติงานในพื้นที่ รวมทั้งการเสนอมาตรการที่เป็นรางวับและแรงจูงใจ สำหรับผู้ตั้งใจปฏิบัติงาน ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาในรายละเอียด
3.7 ด้านเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐาน ได้ดำเนินการเสนอให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาทบทวนการเพิ่มสิทธิประโยชน์ในการส่งเสริมการลงทุนเป็นกรณีพิเศษเพื่อจูงใจนักลงทุนได้ผลักดันโครการก่อสร้างและปรับปรุงทางหลวงจากปัตตานีถึงเบตงให้สามารถเดินทางได้สะดวกตลอดเส้นทาง ซึ่งจะเป็นเส้นทางสายเศรษฐกิจเชื่อมโยงการพัฒนาระหว่างฝั่งอ่าวไทยกับเมืองปีนังฝั่งอันดามันของมาเลเซีย รวมทั้งการพัฒนาเส้นทางยุทธศาสตร์แนวชายแดนจากบูเก๊ะตา-กาบัง ในส่วนของการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ ได้เตรียมโครงการด้านการเกษตรในระดับรากหญ้า เช่น การใช้พื้นที่ว่างให้เกิดประโยชน์ทั้งใน 3 จังหวัด ด้วยการดำเนินโครงการตามแนวพระราชดำริ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2547--จบ--
-กภ-
ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 154/2546 ลงวันที่ 27 มิถุนายน 2546 แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กปต.) เพื่อทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาและเป็นเวทีในการระสานงานระดับนโยบาย และติดตามเร่งรัดการดำเนินงาน นั้น
บัดนี้ได้ดำเนินการเรื่องดังกล่าวมาระยะหนึ่งแล้วกระทรวงมหาดไทยขอรายงานผลการดำเนินงานของ กปต. และคณะอนุกรรมการที่ กปต. แต่งตั้ง จำนวน 8 คณะ ในช่วงประมาณ 7 เดือนที่ผ่านมา ดังนี้
1. การกำหนดกรอบแนวทางการดำเนินงานได้แบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ การแก้ไขปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้า และการแก้ไขปัญหาเชิงระบบ ซึ่งจะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องเน้นการดำเนินการในปีงบประมาณ 2547 และ 2548
1) การแก้ไขปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้า ในช่วงปลายปีงบประมาณ 2546 ได้เน้นให้หน่วยงานปกติดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งการเกลี่ยบุคลากรและงบประมาณไปดำเนินการในพื้นที่นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้อนุมัติงบกลาง จำนวน 5.5 ล้านบาท ให้กับฝ่ายตำรวจ ฝ่ายปกครอง และ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในการรักษาความสงบเรียบร้อย ตามข้อเสนอของ กปต.
2) การแก้ไขปัญหาเชิงระบบ กปต.ได้จัดทำยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาภาคใต้เพื่อเสริมงานปกติเป็นพิเศษนอกเหนือจากที่กลุ่มจังหวัดได้จัดทำยุทธศาสตร์และแผนงานโครงการไว้ โดยในช่วงแรกได้เสนอของบกลางรายการทดรองจ่ายกรณีฉุกเฉินและจำเป็นปี 2547 จำนวน 412.97 ล้านบาท ให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการในระยะเร่งด่วน โดย นายกรัฐมนตรี ได้เห็นชอบในหลักการและให้นำไปพิจารณาในการประชุม ครม. นอกสถานที่ที่จังหวัดปัตตานี นอกจากนี้ยังได้จัดทำแผนงาน/โครงการ เพื่อเสนอของบประมาณเพิ่มเติมกลางปี 2547 ซึ่งจะแล้วเสร็จและนำเสนอ คณะรัฐมนตรีได้ภายในเดือน มกราคม 2547
2. ในด้านการพัฒนา ได้มีการวิเคราะห์ผลการพัฒนาที่ผ่านมาพบว่า นอกจากปัญหาโครงสร้างพื้นฐานแล้วยังมีปัญหาด้านความมั่นคง ปัญหาสังคมจิตวิทยาที่เกี่ยวเนื่องกับปัญหาทางด้านการเมืองและการปกครอง รวมทั้งปัญหาที่เกิดจากการพัฒนาที่ล่าล้า ขาดบุคลากรที่มีประสิทธิภาพ บุคลากรของรัฐขาดขวัญและกำลังใจ จึงจำเป็นต้องเพิ่มมาตรการแผนงาน โครงการ และงบประมาณ เพื่อเร่งรัดการพัฒนา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เป็นรูปธรรมขึ้นอย่างเป็นระบบและต่อเนื่องเป็นการด่วน
3. ผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการเฉพาะด้าน
3.1 คณะอนุกรรมการด้านเสริมสร้างความมั่นคงภายใน ได้กำกับ ติดตาม ประสานการดำเนินงานของหน่วยงาน โดยเฉพาะฝ่ายตำรวจ และปกครอง มีการดำเนินการด้านต่าง ๆ คือ
การดำเนินงานของฝ่ายตำรวจ (ตุลาคม - ธันวาคม 2546)
1) การปฏิบัติงานด้านมวลชลสัมพันธ์ของตำรวจภูธร 3 จังหวัด มีการพบปะเยี่ยมเยียนประชาชน ผู้นำศาสนา ผู้นำหมู่บ้าน 5,350 ครั้ง สืบสภาพหมู่บ้าน 755 ครั้ง การช่วยเหลือผู้ประสบภัย 48 ครั้ง ร่วมเล่นกีฬากับประชาชน 469 ครั้ง พัฒนาร่วมกับประชาชน 421 ครั้ง รณรงค์ต่อต้านยาเสพติด 826 ครั้ง ประชาสัมพันธ์ผลงานของหน่วย 510 ครั้ง สนับสนุนกิจกรรม 306 ครั้ง บริการตัดผมให้เยาวชน 251 ครั้ง ร่วมพิธีทางศาสนา 829 ครั้ง
2) การปฏิบัติงานชุดมวลชนสัมพันธ์ ตชด. ภาค 4 บริการด้านการแพทย์ 729 ครั้ง พัฒนาช่วยเหลือประชาชน 397 ครั้ง ช่วยเหลือผู้ประสบภัย 72 ครั้ง ส่งเสริมเพิ่มรายได้ 99 ครั้ง เยี่ยมเยียนประชาชน 798 ครั้ง ศาสนาสัมพันธ์ 199 ครั้ง กีฬาสัมพันธ์ 239 ครั้ง
3) การปราบปรามของตำรวจภูธร 3 จังหวัด ดังนี้ รปภ. ชีวิตทรัพย์สินประชาชน 4,400 ครั้ง ลาดตระเวน 4,209 ครั้ง สืบสวนหาข่าว 3,531 ครั้ง ตั้งจุดตรวจจุดสกัด 3,655 ครั้ง
การดำเนินงานของฝ่ายปกครอง
1) ด้านการข่าว มีการจัดตั้งศูนย์ข่าวร่วมจังหวัด อำเภอ กิ่งอำเภอ จัดฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ปกครองหลักสูตรนักการข่าว จำนวน 69 คน จัดชุดหาข่าว จัดสรรงบประมาณและให้ปฏิบัติการการข่าว สามารถปฏิบัติการการข่าวเชิงรุกตลอด 24 ชั่วโมง
2) ด้านการเสริมสร้างความเข้มแข็งของอำนาจรัฐ มีการสั่งใช้สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) จำนวน 969 อัตรา รวมทั้ง ครม. ได้อนุมัติกรอบอัตรากำลังพล อส. ใน 3 จังหวัด จำสวน 825 อัตรา บรรจุใช้แล้ว 510 อัตรา รวมปัจจุบัน 1,479 อัตรา การจัดฝึกอบรมชุดปฏิบัติการไล่ล่า จำนวน 62 ชุด รวม 744 คน ตชด.ได้จัดส่งกำลังพล สำหรับนำหน่วยและเป็นพี่เลี้ยงให้กับกองกำลัง อส. จำนวน 33 กองร้อย ๆ ละ 2 นาย รวม 66 นาย การจัดตั้ง War Room การจัดประชุมเชิงปฏิบัติการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้บริหารระดับสูงของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ ศูนย์ประสานงานปกครองจังหวัดชายแดนภาคใต้ จ.ยะลา
3) การเพิ่มประสิทธิภาพของหน่วยงานของรัฐและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยการปฐมนิเทศและพัฒนาประสิทธิภาพข้าราชการที่ได้รับแต่งตั้ง(ย้าย) ไปปฏิบัติงานในพื้นที่เป็นครั้งแรก จำนวน 1,260 คน การจัดชุดเยี่ยมเยียนประชาชน จัดหน่วยบริการเคลื่อนที่เพิ่มเติมจากเดือนละ 1 ครั้ง เป็นเดือนละ 5 ครั้ง และเพิ่มเวลาการให้บริการในวันธรรมดาช่วงพักเที่ยงและวันเสาร์เต็มวัน มีการเพิ่มศักยภาพกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในการรักษาความสงบเรียบร้อย โดยจัดฝึกอบรมชุดรักษาความสงบเรียบร้อยประจำหมู่บ้าน และชุดลาดตระเวน จำนวน 2,150 คน จัดฝึกอบรมหลักสูตรรักษาความสงบเรียบร้อยภายในหมู่บ้าน จำนวน 185 คน มีการฝึกอบรมเยาชน อส. ใน 3 จังหวัด จำนวน 3,960 คน มีการเผยแพร่ภาษาไทยในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 18 จุด มีผู้เรียน 538 คน มีการประชาสัมพันธ์ทางสื่อมวลชนทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ช่อง 11 และวิทยุกระจายเสียงอย่างต่อเนื่อง
4) การส่งเสริมบทบาทผู้นำศาสนาอิสลาม โดยการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการผู้นำศาสนาอิสลาม จำนวน 60 คน จัดประชุมเชิงปฏิบัติการส่งเสริมบทบาทผู้นำศาสนาอิสลาม พัฒนาชุมชนเข้มแข็งเอาชนะยาเสพติด จังหวัดนราธิวาส 1,733 คน ปัตตานี 1,869 คน ยะลา 1,233 คน สงขลา 1,041 คน และสตูล 555 คน โดยจุฬาราชมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยร่วมบรรยายพิเศษด้วย มีการพัฒนาบุคลากรโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม จำนวน 30 โรงเรียน 143 คน สนับสนุนเงินทุนการศึกษาแก่นักศึกษาชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลาม จำนวน 16 คน มีการอำนวยความสะดวกแก่ผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ณ สนามบินหาดใหญ่ จำนวน 19 เที่ยวบิน 4,011 คน มีการจัดทำนิตยสารภาพข่าวทักษิณ มีการเรียนเชิญจุฬาราชมนตรีไปประชุมพบปะผู้นำศาสนาอิสลามหลังเดือนรอมฎอนก่อนเทศกาลอัจย์ที่ จ.นราธิวาส 400 คน ปัตตานี 800 คน ยะลา 1,000 คน และสงขลา 2,000 คน
3.2 ด้านการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการได้ลงไปตรวจเยี่ยมพื้นที่พบปะกับข้าราชการผู้นำศาสนาบ่อยครั้ง ได้มีการนำข้อเสนอต่าง ๆ มาจัดทำโครงการแก้ไขปัญหาสำคัญ ๆ เช่น การขาดแคลนบุคลากรผู้สอนอย่างยั่งยืน โดยการเสนอขออนุมัติบรรจุอัตราครูวุฒิปริญญาตรี จำนวน 1,432 อัตรา และครูอัตราจ้าง 943 อัตรา โดยขอกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการคัดเลือกบุคลากรผู้สอนใหม่ โดยกำหนดคุณสมบัติผู้มีสิทธิสมัครสอบต้องมีภูมิลำเนาอยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และต้องปฏิบัติงานในพื้นที่ต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 6 ปี จึงจะมีสิทธิขอย้าย นอกจากนี้ยังได้มีการดำเนินการโครงการพัฒนาคุณภาพการศึกษา โครงการหนึ่งอำเภอ หนึ่งปอเนาะในฝัน โครงการอบรมครู ผู้บริหาร ผู้จัดการโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม เป็นต้น
3.3 ด้านการกีฬา นันทนาการ และการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ส่งทีมงานไปติดตามสถานการณ์ประมวลปัญหาข้อเสนอความต้องการของพื้นที่มาจัดทำโครงการส่งเสริมกิจกรรมกีฬา ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถึงระดับตำบล หมู่บ้าน โดยเน้นเป้าหมายกลุ่มเยาวชนใช้กีฬาเป็นเครื่องมือให้เกิดการเคลื่อนไหวของมวลชนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งได้เสนอให้มีการปรับปรุงสนามกีฬากลางของทั้ง 3 จังหวัดให้ได้มาตรฐาน สำหรับใช้ในการแข่งขันกีฬา ทั้งในระดับชาติและระดับนานาชาติ
3.4 ด้านการประชาสัมพันธ์ ได้มีการประชาสัมพันธ์เชิงรุกให้เข้าถึงประชาชน โดยกรมประชาสัมพันธ์ได้ปรับผังรายการวิทยุ โทรทัศน์ทั้งที่ออกอากาศในพื้นที่และออกอากาศทั่วประเทศ เพื่อสร้างความเข้าใจกับประชาชน โดยเฉพาะการปรับรายการภาคภาษามาลายูท้องถิ่นที่ประชาชนสนใจ และปรับเวลาออกอากาศให้ประชาชนสามารถรับฟังได้ หลังการประกอบอาชีพกรีดยาง นอกจากนี้ยังมีการผลิตเอกสารสื่อประชาสัมพันธ์แจกจ่ายทุกหมู่บ้าน
3.5 ด้านสาธารณสุขและคุณภาพชีวิต กระทรวงสาธารณสุขได้มีการดำเนินงานโครงการสร้างภาคีเครือข่าย ในการสร้างสุขภาพของประชาชนในเชิงรุก มีการดูแลสุขภาพของผู้ไปประกอบพิธีฮัจย์ และให้บริการสุขภาพอนามัยแก่ประชาชนในระดับตำบล หมู่บ้านอย่างต่อเนื่อง
3.6 ด้านการพัฒนาประสิทธิภาพเจ้าหน้าที่ของรัฐ คณะอนุกรรมการฯ ได้มีการประชุมเพื่อจัดทำมาตรการการพัฒนาประสิทธิภาพเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทั้งในด้านการสรรหาคนดีมาปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ กำจัดคนไม่ดีออกไป ให้มีการพัฒนาข้าราชการให้มีคุณสมบัติเหมาะสม สำหรับปฏิบัติงานในพื้นที่ รวมทั้งการเสนอมาตรการที่เป็นรางวับและแรงจูงใจ สำหรับผู้ตั้งใจปฏิบัติงาน ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาในรายละเอียด
3.7 ด้านเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐาน ได้ดำเนินการเสนอให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาทบทวนการเพิ่มสิทธิประโยชน์ในการส่งเสริมการลงทุนเป็นกรณีพิเศษเพื่อจูงใจนักลงทุนได้ผลักดันโครการก่อสร้างและปรับปรุงทางหลวงจากปัตตานีถึงเบตงให้สามารถเดินทางได้สะดวกตลอดเส้นทาง ซึ่งจะเป็นเส้นทางสายเศรษฐกิจเชื่อมโยงการพัฒนาระหว่างฝั่งอ่าวไทยกับเมืองปีนังฝั่งอันดามันของมาเลเซีย รวมทั้งการพัฒนาเส้นทางยุทธศาสตร์แนวชายแดนจากบูเก๊ะตา-กาบัง ในส่วนของการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ ได้เตรียมโครงการด้านการเกษตรในระดับรากหญ้า เช่น การใช้พื้นที่ว่างให้เกิดประโยชน์ทั้งใน 3 จังหวัด ด้วยการดำเนินโครงการตามแนวพระราชดำริ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2547--จบ--
-กภ-