คณะรัฐมนตรีรับทราบสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้นในปี 2547 และมาตรการ/แนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้ประสับภัยแล้งของกระทรวงมหาดไทย ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และเห็นชอบให้ส่วนราชการต่าง ๆ สนับสนุนช่วยเหลือจังหวัด ในการแก้ไขปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้น โดย
1. ให้ทุกส่วนราชการสนับสนุนกำลังคน เครื่องมือเครื่องใช้/อุปกรณ์ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งในกรณีที่เกิดสถานการณ์รุนแรงตามที่จังหวัดร้องขอ
2. พื้นที่การเกษตรนอกเขตชลประทานที่ประสบภัยแล้ง ขอให้กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์สนับสนุนการทำฝนเทียมให้แก่พื้นที่ดังกล่าวตามที่จังหวัดแจ้งประสานขอความช่วยเหลือไป
3. ให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะสำนักเลขาธิการป้องกันฝ่ายพลเรือนเป็นหน่วยประสานการปฏิบัติในส่วนกลาง โดยให้หน่วยงานต่าง ๆ ให้ความร่วมมือตามที่ได้รับการแจ้งประสาน ทั้งนี้ เพื่อให้การแก้ปัญหาให้แก่จังหวัดเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและทันต่อเหตุการณ์
ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแบบบูรณาการ (CEO) ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่อย่างใกล้ชิด หากมีอุปสรรคในการปฏิบัติงานให้ประสานงานส่วนราชการในระดับกระทรวง กรมที่รับผิดชอบ เร่งแก้ไขปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้นโดยทันที เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของราษฎรที่ประสบภัยตามที่ได้รับแจ้งจากจังหวัดโดยเร็ว
1. พื้นที่ที่คาดว่าจะประสบภัยแล้งในปี 2547
1) คาดว่ามีจังหวัดที่จะประสบภัยแล้ง จำนวนทั้งสิ้น 68 จังหวัด ใน 608 อำเภอ/กิ่งอำเภอ 3,491 ตำบล 19,497 หมู่บ้าน แยกเป็นรายภาค ดังนี้ ภาคเหนือ 17 จังหวัด 147 อำเภอ/กิ่งอำเภอ 4,093 หมู่บ้าน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด 228 อำเภอ/กิ่งอำเภอ 8,798 หมู่บ้าน ภาคกลาง 11 จังหวัด 70 อำเภอ/กิ่งอำเภอ 1,544 หมู่บ้าน ภาคตะวันออก 8 จังหวัด 59 อำเภอ/กิ่งอำเภอ 2,430 หมู่บ้าน ภาคใต้ 13 จังหวัด 104 อำเภอ/กิ่งอำเภอ 2,632 หมู่บ้าน
2) ประชาชนจะได้รับผลกระทบขาดน้ำอุปโภคบริโภค 2,086,301 ครัวเรือน 10,252,689 คน
3) แหล่งน้ำต้นทุนเพื่อการอุปโภคบริโภค (ตลอดช่วงฤดูแล้ง) มีเพียงพอ 3,577 หมู่บ้าน ไม่เพียงพอ 15,920 หมู่บ้าน
4) แหล่งน้ำต้นทุนเพื่อการเกษตร (ตลอดช่วงฤดูแล้ง) มีเพียงพอ 8,574 หมู่บ้าน ไม่เพียงพอ 10,923 หมู่บ้าน
5) แหล่งน้ำต้นทุนเพื่อการเลี้ยงสัตว์ (ตลอดช่วงฤดูแล้ง) มีเพียงพอ 13,922 หมู่บ้าน ไม่เพียงพอ 5,575 หมู่บ้าน
6) จังหวัดที่คาดว่าจะไม่ประสบภัยแล้ง มี 7 จังหวัด คือ สมุทรปราการ นครปฐม นนทบุรี สิงห์บุรี ปัตตานี อ่างทอง และปทุมธานี
7) ช่วงระยะเวลาที่คาดว่าจะเกิดสถานการณ์ภัยแล้ง แยกเป็น ภาคเหนือ ช่วงระหว่างเดือนธันวาคม 2546- เมษายน 2547 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงระหว่างเดือนมกราคม - พฤษภาคม 2547 ภาคกลาง ช่วงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ - พฤษภาคม 2547 ภาคตะวันออก ช่วงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ - พฤษภาคม 2547ภาคใต้ ช่วงระหว่างมีนาคม - พฤษภาคม 2547
2. สถานการณ์ภัยแล้งปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มกราคม 2547)
1) พื้นที่ประสบภัย 27 จังหวัด 47 อำเภอ/กิ่งอำเภอ 244 ตำบล 1,262 หมู่บ้าน แยกเป็น ภาคเหนือ 14 จังหวัด 24 อำเภอ/กิ่งอำเภอ 374 หมู่บ้าน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7 จังหวัด 13 อำเภอ/กิ่งอำเภอ 662 หมู่บ้าน ภาคกลาง 3 จังหวัด 4 อำเภอ/กิ่งอำเภอ 23 หมู่บ้าน ภาคตะวันออก 3 จังหวัด 6 อำเภอ/กิ่งอำเภอ 203 หมู่บ้าน
2) ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 150,308 ครัวเรือน 545,789 คน
3) พื้นที่การเกษตรที่คาดว่าจะเสียหาย 381,423 ไร่
4) แจกจ่ายน้ำเพื่อการบริโภค 3,520,000 ลิตร น้ำเพื่อการอุปโภค 4,040,000 ลิตร รวม 7,560,000 ลิตร
3. การเตรียมการของส่วนราชการและจังหวัด
1) ด้านเครื่องมือเครื่องใช้ ในการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาภัยแล้งของทางราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ รถยนต์บรรทุกน้ำ จำนวน 4,103 คัน เครื่องสูบน้ำ จำนวน 2,874 เครื่องแยกเป็น ดังนี้
- กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รถยนต์บรรทุกน้ำ จำนวน 216 คัน เครื่องสูบน้ำ จำนวน 121 เครื่อง
- กรมการปกครอง รถยนต์บรรทุกน้ำประจำอำเภอ/กิ่งอำเภอ จำนวน 876 คัน
- กรมชลประทาน รถยนต์บรรทุกน้ำ จำนวน 460 คัน เครื่องสูบน้ำ จำนวน 700 เครื่อง
- กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท) รถยนต์บรรทุกน้ำ จำนวน 685 คัน เครื่องสูบน้ำ จำนวน 419 เครื่อง
- กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมทรัพยากรน้ำ และ กรมทรัพยากรธรณี) รถยนต์บรรทุกน้ำ จำนวน 355 คัน เครื่องสูบน้ำ จำนวน 444 เครื่อง
- กระทรวงกลาโหม (กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ) รถยนต์บรรทุกน้ำ จำนวน 619 คัน เครื่องสูบน้ำ จำนวน 160 เครื่อง
- ส่วนราชการอื่น ๆ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รถยนต์บรรทุกน้ำ จำนวน 937 คัน เครื่องสูบน้ำ จำนวน 1,125 เครื่อง
2) ได้ให้ทุกจังหวัดรณรงค์และส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดหาภาชนะเก็บกักน้ำไว้ประจำครัวเรือนและใช้น้ำอย่างประหยัด ถูกวิธี ถูกสุขลักษณะ ตลอดจนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซ่อมแซมภาชนะเก็บน้ำ ถังน้ำกลางประจำหมู่บ้าน ตลอดช่วงเดือน มกราคม 2547 ที่ผ่านมา
3) ให้จังหวัดชี้แจงทำความเข้าใจและแนะนำให้เกษตรกร ปลูกข้าวนาปรังไม่เกิน 6.8 ล้านไร่ โดยส่งเสริมให้ปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยหรือพืชชนิดอื่นทดแทนในช่วงฤดูแล้งแทนการทำนาปรัง ครั้งที่ 2 ตลอดจนให้มีการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพในลักษณะของประชาคมกลุ่มผู้ใช้น้ำตามที่ได้มีการจัดตั้งไว้แล้ว
4) ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ความสำคัญในการดูแลรักษาแหล่งน้ำสาธารณะ คู คลอง หนอง บึง และภาชนะเก็บกักน้ำอื่น ๆ เพื่อให้มีน้ำอุปโภคและบริโภคได้ตลอดฤดูแล้งตลอดจนจัดทำโครงการพัฒนาแหล่งน้ำสาธารณะให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้น้ำของประชาชน อีกทั้งพิจารณาสนับสนุนงบประมาณในการป้องกันและบรรเทาความเดือดร้อนจากความแห้งแล้งในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ให้นำข้อมูลแหล่งน้ำและภาชนะเก็บกักน้ำดังกล่าวข้างต้นมาใช้เป็นฐานข้อมูลในการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งในปีต่อ ๆ ไป
4. มาตรการและแนวทางการช่วยเหลือ
กระทรวงมหาดไทย ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง เพื่อเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผุ้ประสบภัย ประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสนับสนุนการปฏิบัติตามแผนป้องกันฝ่ายพลเรือน ทั้งนี้ ในระดับจังหวัดได้มีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯ เช่นเดียวกัน โดยกำหนดมาตรการและแนวทางการช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบภัยแล้ง ดังนี้
4.1 มาตรการในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งปี 2547
1) ให้จังหวัดและอำเภอ รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ระดมกำลังคน รถยนต์บรรทุกน้ำ เครื่องสูบน้ำ และวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ไว้ให้เพียงพอและตรวจสอบให้พร้อมที่จะใช้การได้ทันทีเพื่อรับสถานการณ์ภัยแล้งที่จะเกิดขึ้น
2) ให้มีการวางแผนการแจกจ่ายน้ำให้เพียงพอต่อการใช้น้ำของราษฎร และกำหนดหลักเกณฑ์ในการใช้น้ำเพื่อให้ทุกคนได้ใช้น้ำอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม
3) ประชาสัมพันธ์ให้ราษฎรสำรองน้ำและใช้น้ำอย่างประหยัด
4) ให้มีการรายงานและติดตามสถานการณ์ภัยแล้งอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและทันต่อเหตุการณ์
4.2 แนวทางการช่วยเหลือผู้ประสบภัย
1) การแจกจ่ายน้ำ ให้จังหวัดที่คาดว่าจะประสบภาวะความแห้งแล้งจัดทำแผนการแจกจ่ายน้ำให้แก่ราษฎร โดยคำนึงถึงความเพียงพอและสถานที่ (จุดแจกจ่ายน้ำ) ที่สะดวกกับประชาชนในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งในเขตการจ่ายน้ำของการประปานครหลวง (กปน.) และการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ที่จะสนับสนุนให้รถยนต์บรรทุกน้ำไปรับน้ำ ณ จุดแจกจ่ายน้ำ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
2) พัฒนาบ่อบาดาลโดยการขุดเจาะ ล้าง เป่าบ่อ โดยประสานกับกรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรน้ำบาดาล และหน่วยการปกครองส่วนท้องถิ่น
3) ปรับปรุงระบบประปาหมู่บ้าน การซ่อมแซมภาชนะเก็บกักน้ำ รวมทั้งหาแหล่งน้ำดิบสำรอง โดยประสานหน่วยการปกครองส่วนท้องถิ่นและกรมชลประทาน
4) การจัดสร้างทำนบกั้นน้ำชั่วคราวตามลำน้ำ และแหล่งน้ำต่าง ๆ ที่มีเฉพาะฤดูกาล โดยให้มีการใช้กระสอบทรายเพื่อปิดกั้นลำน้ำ ลำห้วย สำหรับกักเก็บน้ำ เพื่อชะลอการไหลของน้ำให้มีปริมาณน้ำเพียงพอใช้ตลอดช่วงฤดูแล้ง
5) งบประมาณในการช่วยเหลือ ให้จังหวัดพิจารณาใช้จ่ายเงินทดรองราชการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2546 ในอำนาจอนุมัติของผู้ว่าราชการจังหวัด ในวงเงิน 50 ล้านบาท และหากสถานการณ์รุนแรงเกินขีดความสามารถของจังหวัด ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจะให้การสนับสนุนงบประมาณช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ หรือของบกลางฯ เพื่อให้ความช่วยเหลือตามความจำเป็นเร่งด่วนต่อไป
6) เพื่อให้ราษฎรในหมู่บ้านที่ประสบภัยแล้ง ได้มีงานทำในช่วงฤดูแล้ง ให้จังหวัดขอความร่วมมือผู้รับจ้างโครงการจากงบประมาณก่อสร้างของทางราชการ หรือขององค์กรปกครองส่วนทิ้งถิ่นจ้างแรงงานราษฎรในหมู่บ้าน ตำบล ที่มีการดำเนินการตามโครงการ เป็นลำดับแรก เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่ราษฎรอีกทางหนึ่ง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2547--จบ--
-กภ-
1. ให้ทุกส่วนราชการสนับสนุนกำลังคน เครื่องมือเครื่องใช้/อุปกรณ์ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งในกรณีที่เกิดสถานการณ์รุนแรงตามที่จังหวัดร้องขอ
2. พื้นที่การเกษตรนอกเขตชลประทานที่ประสบภัยแล้ง ขอให้กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์สนับสนุนการทำฝนเทียมให้แก่พื้นที่ดังกล่าวตามที่จังหวัดแจ้งประสานขอความช่วยเหลือไป
3. ให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะสำนักเลขาธิการป้องกันฝ่ายพลเรือนเป็นหน่วยประสานการปฏิบัติในส่วนกลาง โดยให้หน่วยงานต่าง ๆ ให้ความร่วมมือตามที่ได้รับการแจ้งประสาน ทั้งนี้ เพื่อให้การแก้ปัญหาให้แก่จังหวัดเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและทันต่อเหตุการณ์
ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแบบบูรณาการ (CEO) ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่อย่างใกล้ชิด หากมีอุปสรรคในการปฏิบัติงานให้ประสานงานส่วนราชการในระดับกระทรวง กรมที่รับผิดชอบ เร่งแก้ไขปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้นโดยทันที เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของราษฎรที่ประสบภัยตามที่ได้รับแจ้งจากจังหวัดโดยเร็ว
1. พื้นที่ที่คาดว่าจะประสบภัยแล้งในปี 2547
1) คาดว่ามีจังหวัดที่จะประสบภัยแล้ง จำนวนทั้งสิ้น 68 จังหวัด ใน 608 อำเภอ/กิ่งอำเภอ 3,491 ตำบล 19,497 หมู่บ้าน แยกเป็นรายภาค ดังนี้ ภาคเหนือ 17 จังหวัด 147 อำเภอ/กิ่งอำเภอ 4,093 หมู่บ้าน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด 228 อำเภอ/กิ่งอำเภอ 8,798 หมู่บ้าน ภาคกลาง 11 จังหวัด 70 อำเภอ/กิ่งอำเภอ 1,544 หมู่บ้าน ภาคตะวันออก 8 จังหวัด 59 อำเภอ/กิ่งอำเภอ 2,430 หมู่บ้าน ภาคใต้ 13 จังหวัด 104 อำเภอ/กิ่งอำเภอ 2,632 หมู่บ้าน
2) ประชาชนจะได้รับผลกระทบขาดน้ำอุปโภคบริโภค 2,086,301 ครัวเรือน 10,252,689 คน
3) แหล่งน้ำต้นทุนเพื่อการอุปโภคบริโภค (ตลอดช่วงฤดูแล้ง) มีเพียงพอ 3,577 หมู่บ้าน ไม่เพียงพอ 15,920 หมู่บ้าน
4) แหล่งน้ำต้นทุนเพื่อการเกษตร (ตลอดช่วงฤดูแล้ง) มีเพียงพอ 8,574 หมู่บ้าน ไม่เพียงพอ 10,923 หมู่บ้าน
5) แหล่งน้ำต้นทุนเพื่อการเลี้ยงสัตว์ (ตลอดช่วงฤดูแล้ง) มีเพียงพอ 13,922 หมู่บ้าน ไม่เพียงพอ 5,575 หมู่บ้าน
6) จังหวัดที่คาดว่าจะไม่ประสบภัยแล้ง มี 7 จังหวัด คือ สมุทรปราการ นครปฐม นนทบุรี สิงห์บุรี ปัตตานี อ่างทอง และปทุมธานี
7) ช่วงระยะเวลาที่คาดว่าจะเกิดสถานการณ์ภัยแล้ง แยกเป็น ภาคเหนือ ช่วงระหว่างเดือนธันวาคม 2546- เมษายน 2547 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงระหว่างเดือนมกราคม - พฤษภาคม 2547 ภาคกลาง ช่วงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ - พฤษภาคม 2547 ภาคตะวันออก ช่วงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ - พฤษภาคม 2547ภาคใต้ ช่วงระหว่างมีนาคม - พฤษภาคม 2547
2. สถานการณ์ภัยแล้งปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มกราคม 2547)
1) พื้นที่ประสบภัย 27 จังหวัด 47 อำเภอ/กิ่งอำเภอ 244 ตำบล 1,262 หมู่บ้าน แยกเป็น ภาคเหนือ 14 จังหวัด 24 อำเภอ/กิ่งอำเภอ 374 หมู่บ้าน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7 จังหวัด 13 อำเภอ/กิ่งอำเภอ 662 หมู่บ้าน ภาคกลาง 3 จังหวัด 4 อำเภอ/กิ่งอำเภอ 23 หมู่บ้าน ภาคตะวันออก 3 จังหวัด 6 อำเภอ/กิ่งอำเภอ 203 หมู่บ้าน
2) ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 150,308 ครัวเรือน 545,789 คน
3) พื้นที่การเกษตรที่คาดว่าจะเสียหาย 381,423 ไร่
4) แจกจ่ายน้ำเพื่อการบริโภค 3,520,000 ลิตร น้ำเพื่อการอุปโภค 4,040,000 ลิตร รวม 7,560,000 ลิตร
3. การเตรียมการของส่วนราชการและจังหวัด
1) ด้านเครื่องมือเครื่องใช้ ในการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาภัยแล้งของทางราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ รถยนต์บรรทุกน้ำ จำนวน 4,103 คัน เครื่องสูบน้ำ จำนวน 2,874 เครื่องแยกเป็น ดังนี้
- กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รถยนต์บรรทุกน้ำ จำนวน 216 คัน เครื่องสูบน้ำ จำนวน 121 เครื่อง
- กรมการปกครอง รถยนต์บรรทุกน้ำประจำอำเภอ/กิ่งอำเภอ จำนวน 876 คัน
- กรมชลประทาน รถยนต์บรรทุกน้ำ จำนวน 460 คัน เครื่องสูบน้ำ จำนวน 700 เครื่อง
- กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท) รถยนต์บรรทุกน้ำ จำนวน 685 คัน เครื่องสูบน้ำ จำนวน 419 เครื่อง
- กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมทรัพยากรน้ำ และ กรมทรัพยากรธรณี) รถยนต์บรรทุกน้ำ จำนวน 355 คัน เครื่องสูบน้ำ จำนวน 444 เครื่อง
- กระทรวงกลาโหม (กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ) รถยนต์บรรทุกน้ำ จำนวน 619 คัน เครื่องสูบน้ำ จำนวน 160 เครื่อง
- ส่วนราชการอื่น ๆ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รถยนต์บรรทุกน้ำ จำนวน 937 คัน เครื่องสูบน้ำ จำนวน 1,125 เครื่อง
2) ได้ให้ทุกจังหวัดรณรงค์และส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดหาภาชนะเก็บกักน้ำไว้ประจำครัวเรือนและใช้น้ำอย่างประหยัด ถูกวิธี ถูกสุขลักษณะ ตลอดจนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซ่อมแซมภาชนะเก็บน้ำ ถังน้ำกลางประจำหมู่บ้าน ตลอดช่วงเดือน มกราคม 2547 ที่ผ่านมา
3) ให้จังหวัดชี้แจงทำความเข้าใจและแนะนำให้เกษตรกร ปลูกข้าวนาปรังไม่เกิน 6.8 ล้านไร่ โดยส่งเสริมให้ปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยหรือพืชชนิดอื่นทดแทนในช่วงฤดูแล้งแทนการทำนาปรัง ครั้งที่ 2 ตลอดจนให้มีการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพในลักษณะของประชาคมกลุ่มผู้ใช้น้ำตามที่ได้มีการจัดตั้งไว้แล้ว
4) ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ความสำคัญในการดูแลรักษาแหล่งน้ำสาธารณะ คู คลอง หนอง บึง และภาชนะเก็บกักน้ำอื่น ๆ เพื่อให้มีน้ำอุปโภคและบริโภคได้ตลอดฤดูแล้งตลอดจนจัดทำโครงการพัฒนาแหล่งน้ำสาธารณะให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้น้ำของประชาชน อีกทั้งพิจารณาสนับสนุนงบประมาณในการป้องกันและบรรเทาความเดือดร้อนจากความแห้งแล้งในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ให้นำข้อมูลแหล่งน้ำและภาชนะเก็บกักน้ำดังกล่าวข้างต้นมาใช้เป็นฐานข้อมูลในการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งในปีต่อ ๆ ไป
4. มาตรการและแนวทางการช่วยเหลือ
กระทรวงมหาดไทย ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง เพื่อเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผุ้ประสบภัย ประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสนับสนุนการปฏิบัติตามแผนป้องกันฝ่ายพลเรือน ทั้งนี้ ในระดับจังหวัดได้มีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯ เช่นเดียวกัน โดยกำหนดมาตรการและแนวทางการช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบภัยแล้ง ดังนี้
4.1 มาตรการในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งปี 2547
1) ให้จังหวัดและอำเภอ รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ระดมกำลังคน รถยนต์บรรทุกน้ำ เครื่องสูบน้ำ และวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ไว้ให้เพียงพอและตรวจสอบให้พร้อมที่จะใช้การได้ทันทีเพื่อรับสถานการณ์ภัยแล้งที่จะเกิดขึ้น
2) ให้มีการวางแผนการแจกจ่ายน้ำให้เพียงพอต่อการใช้น้ำของราษฎร และกำหนดหลักเกณฑ์ในการใช้น้ำเพื่อให้ทุกคนได้ใช้น้ำอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม
3) ประชาสัมพันธ์ให้ราษฎรสำรองน้ำและใช้น้ำอย่างประหยัด
4) ให้มีการรายงานและติดตามสถานการณ์ภัยแล้งอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและทันต่อเหตุการณ์
4.2 แนวทางการช่วยเหลือผู้ประสบภัย
1) การแจกจ่ายน้ำ ให้จังหวัดที่คาดว่าจะประสบภาวะความแห้งแล้งจัดทำแผนการแจกจ่ายน้ำให้แก่ราษฎร โดยคำนึงถึงความเพียงพอและสถานที่ (จุดแจกจ่ายน้ำ) ที่สะดวกกับประชาชนในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งในเขตการจ่ายน้ำของการประปานครหลวง (กปน.) และการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ที่จะสนับสนุนให้รถยนต์บรรทุกน้ำไปรับน้ำ ณ จุดแจกจ่ายน้ำ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
2) พัฒนาบ่อบาดาลโดยการขุดเจาะ ล้าง เป่าบ่อ โดยประสานกับกรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรน้ำบาดาล และหน่วยการปกครองส่วนท้องถิ่น
3) ปรับปรุงระบบประปาหมู่บ้าน การซ่อมแซมภาชนะเก็บกักน้ำ รวมทั้งหาแหล่งน้ำดิบสำรอง โดยประสานหน่วยการปกครองส่วนท้องถิ่นและกรมชลประทาน
4) การจัดสร้างทำนบกั้นน้ำชั่วคราวตามลำน้ำ และแหล่งน้ำต่าง ๆ ที่มีเฉพาะฤดูกาล โดยให้มีการใช้กระสอบทรายเพื่อปิดกั้นลำน้ำ ลำห้วย สำหรับกักเก็บน้ำ เพื่อชะลอการไหลของน้ำให้มีปริมาณน้ำเพียงพอใช้ตลอดช่วงฤดูแล้ง
5) งบประมาณในการช่วยเหลือ ให้จังหวัดพิจารณาใช้จ่ายเงินทดรองราชการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2546 ในอำนาจอนุมัติของผู้ว่าราชการจังหวัด ในวงเงิน 50 ล้านบาท และหากสถานการณ์รุนแรงเกินขีดความสามารถของจังหวัด ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจะให้การสนับสนุนงบประมาณช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ หรือของบกลางฯ เพื่อให้ความช่วยเหลือตามความจำเป็นเร่งด่วนต่อไป
6) เพื่อให้ราษฎรในหมู่บ้านที่ประสบภัยแล้ง ได้มีงานทำในช่วงฤดูแล้ง ให้จังหวัดขอความร่วมมือผู้รับจ้างโครงการจากงบประมาณก่อสร้างของทางราชการ หรือขององค์กรปกครองส่วนทิ้งถิ่นจ้างแรงงานราษฎรในหมู่บ้าน ตำบล ที่มีการดำเนินการตามโครงการ เป็นลำดับแรก เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่ราษฎรอีกทางหนึ่ง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2547--จบ--
-กภ-