คณะรัฐมนตรีพิจารณาเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรตามโครงการปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตรและโครงการแผนฟื้นฟูการเกษตร ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ในฐานะประธานกรรมการบริหารสินเชื่อเกษตรแห่งชาติเสนอ แล้วมีมติดังนี้
1. เห็นชอบหลักการและวิธีการให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกรตามโครงการปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตร (คปร.) และโครงการแผนฟื้นฟูการเกษตร (ผกก.) ดังนี้
1.1 กำหนดให้เกษตรกรมาขึ้นทะเบียนเพื่อขอรับความช่วยเหลือภายใน 3 เดือน นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
1.2 ปรับปรุงหนี้ให้กับเกษตรกรที่มาขึ้นทะเบียนและมีแผนการฟื้นฟูอาชีพ โดยต้นเงินกู้จะลดให้กึ่งหนึ่งและไม่ต้องชำระดอกเบี้ยที่ค้างชำระ สำหรับต้นเงินกู้ส่วนที่เหลืออีกกึ่งหนึ่งให้ขยายเวลาชำระคืนตามศักยภาพของเกษตรกรและไม่เกิน 15 ปี พร้อมกับงดคิดดอกเบี้ยที่จะเกิดขึ้นในอนาคต สำหรับการฟื้นฟูอาชีพเกษตรกรที่ได้รับการปรับปรุงหนี้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ
1.3 ให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณเพื่อชดเชยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จากการดำเนินการตามหลักการและวิธีการดังกล่าว จำแนกเป็นดังนี้
- ชดเชยดอกเบี้ยที่ค้างชำระในส่วนที่เป็นเงินทุนของ ธ.ก.ส. ณ วันที่ 30 กันยายน 2547 จำนวน 594.46 ล้านบาท
- ชดเชยค่าบริหารสินเชื่อในอัตราร้อยละ 3 ต่อปีของต้นเงินกู้คงเหลือที่จะขยายเวลาชำระหนี้ให้แก่เกษตรกร
- ชดเชยค่าต้นทุนเงินเฉพาะต้นเงินกู้ที่เหลืออยู่ในส่วนที่เป็นเงินทุนของ ธ.ก.ส. ในอัตราร้อยละ 2.78 ต่อปี
1.4 การชำระคืนเงินทุนในส่วนที่ ธ.ก.ส. จัดหาให้เรียกเก็บจากเงินที่เกษตรกรนำมาชำระคืน
2. เห็นชอบแนวทางการป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจากการดำเนินการโครงการส่งเสริมหรือสงเคราะห์ของรัฐในอนาคต ดังนี้
2.1 ควรกำหนดนโยบายสินเชื่อให้สอดคล้องกับกรอบยุทธศาสตร์การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในระยะ 4 ปี (ปี 2548-2551) ซึ่งจัดทำโดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้แก่
- การปรับปรุงประสิทธิภาพของปัจจัยการผลิต
- การขยายการผลิตสินค้าเกษตร
- การจัดระบบการตลาดและการกระจายสินค้าที่สดและตรงถึงผู้ผลิตและผู้บริโภค
- การสร้างเสถียรภาพทางราคาสินค้าเกษตร โดยบริหารจัดการอุปสงค์และอุปทานสินค้าเกษตรและการรวมตัวผู้ผลิตสินค้าเกษตรในภูมิภาค รวมทั้งการสร้างความมั่นคงของอุปทานอาหารในภูมิภาค
- การพัฒนาระบบมาตรฐานสินค้าเกษตรและความปลอดภัยของอาหาร และข้อปฏิบัติ (Good Agricultural Practice / GAP)
- การเพิ่มการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาพันธุ์พืชปศุสัตว์และประมง
2.2 ควรกำหนดนโยบายด้านสินเชื่อการเกษตรด้านต่าง ๆ ประกอบด้วย
- นโยบายสินเชื่อด้านการผลิต
- นโยบายสินเชื่อด้านการตลาด
- นโยบายสินเชื่อด้านการพัฒนาเกษตรกรและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของเกษตรกร
- นโยบายสินเชื่อด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม
- นโยบายสินเชื่อด้านการบริหารและการจัดการหนี้เกษตรกร
ทั้งนี้ ข้อเสนอตามข้อ 1 ได้รับความเห็นชอบจากการคณะกรรมการบริหารสินเชื่อเกษตรแห่งชาติ (กบส.) ตามโครงการแล้ว สำหรับข้อเสนอตามข้อ 2 สำนักงาน กบส. ได้ดำเนินการตามการสั่งการของประธาน กบส.
ทั้งนี้ สำนักงาน คณะกรรมการบริหารสินเชื่อเกษตรแห่งชาติรายงานว่า จากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2547 ได้มีการประชุมครั้งที่ 1/2548 เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2548 ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบหลักการและวิธีการให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกร โดยมีข้อสังเกตในการดำเนินการตามหลักการและวิธีการดังกล่าว ดังนี้
1. การปรับปรุงหนี้สินโดยลดต้นเงินให้กึ่งหนึ่ง จะไม่ลดให้เกษตรกรทุกรายที่มาขึ้นทะเบียน แต่จะลดให้เฉพาะรายที่ตั้งใจ และมีแผนการฟื้นฟูอาชีพที่เหมาะสมสามารถพึ่งพาตนเองได้ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกษตรกรเกิดความตั้งใจจริง และแสดงถึงการเพิ่มศักยภาพในการผลิตของเกษตรกร รวมทั้งเป็นการบ่งชี้ว่าภายหลังจากได้รับการช่วยเหลือแล้วเกษตรกรจะสามารถช่วยเหลือหรือพึ่งพาตนเองได้ โดยไม่กลับมาเป็นปัญหาซ้ำซ้อนให้รัฐบาลแก้ไขอีก
2. การฟื้นฟูอาชีพเกษตรกร ควรจะเป็นการฟื้นฟูตามกรอบยุทธศาสตร์ของโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่ รัฐบาลกำลังจะจัดทำขึ้นใหม่ และต้องอยู่บนพื้นฐานของการมีส่วนร่วมในการวางแผนและตัดสินใจของเกษตรกรด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2548--จบ--
1. เห็นชอบหลักการและวิธีการให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกรตามโครงการปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตร (คปร.) และโครงการแผนฟื้นฟูการเกษตร (ผกก.) ดังนี้
1.1 กำหนดให้เกษตรกรมาขึ้นทะเบียนเพื่อขอรับความช่วยเหลือภายใน 3 เดือน นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
1.2 ปรับปรุงหนี้ให้กับเกษตรกรที่มาขึ้นทะเบียนและมีแผนการฟื้นฟูอาชีพ โดยต้นเงินกู้จะลดให้กึ่งหนึ่งและไม่ต้องชำระดอกเบี้ยที่ค้างชำระ สำหรับต้นเงินกู้ส่วนที่เหลืออีกกึ่งหนึ่งให้ขยายเวลาชำระคืนตามศักยภาพของเกษตรกรและไม่เกิน 15 ปี พร้อมกับงดคิดดอกเบี้ยที่จะเกิดขึ้นในอนาคต สำหรับการฟื้นฟูอาชีพเกษตรกรที่ได้รับการปรับปรุงหนี้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ
1.3 ให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณเพื่อชดเชยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จากการดำเนินการตามหลักการและวิธีการดังกล่าว จำแนกเป็นดังนี้
- ชดเชยดอกเบี้ยที่ค้างชำระในส่วนที่เป็นเงินทุนของ ธ.ก.ส. ณ วันที่ 30 กันยายน 2547 จำนวน 594.46 ล้านบาท
- ชดเชยค่าบริหารสินเชื่อในอัตราร้อยละ 3 ต่อปีของต้นเงินกู้คงเหลือที่จะขยายเวลาชำระหนี้ให้แก่เกษตรกร
- ชดเชยค่าต้นทุนเงินเฉพาะต้นเงินกู้ที่เหลืออยู่ในส่วนที่เป็นเงินทุนของ ธ.ก.ส. ในอัตราร้อยละ 2.78 ต่อปี
1.4 การชำระคืนเงินทุนในส่วนที่ ธ.ก.ส. จัดหาให้เรียกเก็บจากเงินที่เกษตรกรนำมาชำระคืน
2. เห็นชอบแนวทางการป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจากการดำเนินการโครงการส่งเสริมหรือสงเคราะห์ของรัฐในอนาคต ดังนี้
2.1 ควรกำหนดนโยบายสินเชื่อให้สอดคล้องกับกรอบยุทธศาสตร์การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในระยะ 4 ปี (ปี 2548-2551) ซึ่งจัดทำโดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้แก่
- การปรับปรุงประสิทธิภาพของปัจจัยการผลิต
- การขยายการผลิตสินค้าเกษตร
- การจัดระบบการตลาดและการกระจายสินค้าที่สดและตรงถึงผู้ผลิตและผู้บริโภค
- การสร้างเสถียรภาพทางราคาสินค้าเกษตร โดยบริหารจัดการอุปสงค์และอุปทานสินค้าเกษตรและการรวมตัวผู้ผลิตสินค้าเกษตรในภูมิภาค รวมทั้งการสร้างความมั่นคงของอุปทานอาหารในภูมิภาค
- การพัฒนาระบบมาตรฐานสินค้าเกษตรและความปลอดภัยของอาหาร และข้อปฏิบัติ (Good Agricultural Practice / GAP)
- การเพิ่มการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาพันธุ์พืชปศุสัตว์และประมง
2.2 ควรกำหนดนโยบายด้านสินเชื่อการเกษตรด้านต่าง ๆ ประกอบด้วย
- นโยบายสินเชื่อด้านการผลิต
- นโยบายสินเชื่อด้านการตลาด
- นโยบายสินเชื่อด้านการพัฒนาเกษตรกรและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของเกษตรกร
- นโยบายสินเชื่อด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม
- นโยบายสินเชื่อด้านการบริหารและการจัดการหนี้เกษตรกร
ทั้งนี้ ข้อเสนอตามข้อ 1 ได้รับความเห็นชอบจากการคณะกรรมการบริหารสินเชื่อเกษตรแห่งชาติ (กบส.) ตามโครงการแล้ว สำหรับข้อเสนอตามข้อ 2 สำนักงาน กบส. ได้ดำเนินการตามการสั่งการของประธาน กบส.
ทั้งนี้ สำนักงาน คณะกรรมการบริหารสินเชื่อเกษตรแห่งชาติรายงานว่า จากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2547 ได้มีการประชุมครั้งที่ 1/2548 เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2548 ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบหลักการและวิธีการให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกร โดยมีข้อสังเกตในการดำเนินการตามหลักการและวิธีการดังกล่าว ดังนี้
1. การปรับปรุงหนี้สินโดยลดต้นเงินให้กึ่งหนึ่ง จะไม่ลดให้เกษตรกรทุกรายที่มาขึ้นทะเบียน แต่จะลดให้เฉพาะรายที่ตั้งใจ และมีแผนการฟื้นฟูอาชีพที่เหมาะสมสามารถพึ่งพาตนเองได้ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกษตรกรเกิดความตั้งใจจริง และแสดงถึงการเพิ่มศักยภาพในการผลิตของเกษตรกร รวมทั้งเป็นการบ่งชี้ว่าภายหลังจากได้รับการช่วยเหลือแล้วเกษตรกรจะสามารถช่วยเหลือหรือพึ่งพาตนเองได้ โดยไม่กลับมาเป็นปัญหาซ้ำซ้อนให้รัฐบาลแก้ไขอีก
2. การฟื้นฟูอาชีพเกษตรกร ควรจะเป็นการฟื้นฟูตามกรอบยุทธศาสตร์ของโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่ รัฐบาลกำลังจะจัดทำขึ้นใหม่ และต้องอยู่บนพื้นฐานของการมีส่วนร่วมในการวางแผนและตัดสินใจของเกษตรกรด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2548--จบ--