คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กู้เงินเพื่อชำระหนี้ค้างชำระค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษารถโดยสาร (มิถุนายน 2544 - ตุลาคม 2545) เป็นเงินจำนวน 2,875.205 ล้านบาท โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
ทั้งนี้ ขสมก. ได้ค้างชำระหนี้ค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษารถโดยสาร ทำให้ ขสมก. ต้องเสียค่าดอกเบี้ยปรับจากการไม่สามารถชำระหนี้ตามกำหนดเวลา ซึ่งในคราวประชุมคณะกรรมการบริหารกิจการ ขสมก. ครั้งที่ 16/2545เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2545 ได้มีมติให้ ขสมก. นำเสนอกระทรวงคมนาคม เพื่อดำเนินการนำเสนอคณะรัฐมนตรีขออนุมัติกู้เงินเพื่อชำระหนี้ค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษารถโดยสารเป็นเงินทั้งสิ้น 2,877.330 ล้านบาท (หนี้ค่าซ่อมแซม 2,572.175ล้านบาท ค่าดอกเบี้ย 305.155 ล้านบาท)
ขสมก. ได้ดำเนินการตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ให้รัฐวิสาหกิจบริหารหนี้ของตนเอง โดยหาแหล่งเงินกู้และค้ำประกันตนเอง รัฐบาลจะค้ำประกันเงินกู้ให้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น โดยขอความร่วมมือจากธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) และธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อขอกู้เงินชำระหนี้ ซึ่งธนาคารทั้ง 2 แห่งแจ้งว่ายินดีให้ ขสมก.กู้เงินเพื่อชำระหนี้ดังกล่าว ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะต้องค้ำประกันเงินกู้ ขสมก. จึงขอให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาหาแหล่งเงินกู้ให้ ขสมก. กู้เงินเพื่อนำมาชำระหนี้ดังกล่าว
เนื่องจากได้เคยมีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2545 กระทรวงคมนาคมได้ให้ ขสมก. ไปเจรจาขอลดดอกเบี้ยค่าซ่อมแซมบำรุงรักษารถโดยสาร ซึ่ง ขสมก. ได้รายงานว่าบริษัทผู้รับจ้างซ่อมแซมบำรุงรักษารถโดยสารของขสมก. ได้ลดดอกเบี้ยให้ ขสมก. จำนวน 2.125 ล้านบาท โดยประมาณการเป็นตัวเงินจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยชำระค่าเหมาซ่อมบำรุงครั้งนี้ (ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2545) จะเป็นเงินจำนวน 84.698 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมกับดอกเบี้ยที่ลดให้ในครั้งนี้อีก 2.125 ล้านบาท แล้วคิดเป็นจำนวนดอกเบี้ยที่บริษัทลดให้ ขสมก. แล้ว ทั้งสิ้น 86.823 ล้านบาท (คงเหลือค่าดอกเบี้ย จำนวน 303.03 ล้านบาท
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 2 มีนาคม 2547--จบ--
-กภ-
ทั้งนี้ ขสมก. ได้ค้างชำระหนี้ค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษารถโดยสาร ทำให้ ขสมก. ต้องเสียค่าดอกเบี้ยปรับจากการไม่สามารถชำระหนี้ตามกำหนดเวลา ซึ่งในคราวประชุมคณะกรรมการบริหารกิจการ ขสมก. ครั้งที่ 16/2545เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2545 ได้มีมติให้ ขสมก. นำเสนอกระทรวงคมนาคม เพื่อดำเนินการนำเสนอคณะรัฐมนตรีขออนุมัติกู้เงินเพื่อชำระหนี้ค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษารถโดยสารเป็นเงินทั้งสิ้น 2,877.330 ล้านบาท (หนี้ค่าซ่อมแซม 2,572.175ล้านบาท ค่าดอกเบี้ย 305.155 ล้านบาท)
ขสมก. ได้ดำเนินการตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ให้รัฐวิสาหกิจบริหารหนี้ของตนเอง โดยหาแหล่งเงินกู้และค้ำประกันตนเอง รัฐบาลจะค้ำประกันเงินกู้ให้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น โดยขอความร่วมมือจากธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) และธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อขอกู้เงินชำระหนี้ ซึ่งธนาคารทั้ง 2 แห่งแจ้งว่ายินดีให้ ขสมก.กู้เงินเพื่อชำระหนี้ดังกล่าว ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะต้องค้ำประกันเงินกู้ ขสมก. จึงขอให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาหาแหล่งเงินกู้ให้ ขสมก. กู้เงินเพื่อนำมาชำระหนี้ดังกล่าว
เนื่องจากได้เคยมีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2545 กระทรวงคมนาคมได้ให้ ขสมก. ไปเจรจาขอลดดอกเบี้ยค่าซ่อมแซมบำรุงรักษารถโดยสาร ซึ่ง ขสมก. ได้รายงานว่าบริษัทผู้รับจ้างซ่อมแซมบำรุงรักษารถโดยสารของขสมก. ได้ลดดอกเบี้ยให้ ขสมก. จำนวน 2.125 ล้านบาท โดยประมาณการเป็นตัวเงินจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยชำระค่าเหมาซ่อมบำรุงครั้งนี้ (ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2545) จะเป็นเงินจำนวน 84.698 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมกับดอกเบี้ยที่ลดให้ในครั้งนี้อีก 2.125 ล้านบาท แล้วคิดเป็นจำนวนดอกเบี้ยที่บริษัทลดให้ ขสมก. แล้ว ทั้งสิ้น 86.823 ล้านบาท (คงเหลือค่าดอกเบี้ย จำนวน 303.03 ล้านบาท
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 2 มีนาคม 2547--จบ--
-กภ-