เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการผู้ได้รับการพิจารณาบำเหน็จ
ความชอบเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควต้าปกติ (สำนักงานผู้แทนการค้าไทย)
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่ประธานคณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติเสนอ การกำหนดโควตาให้ผู้แทนการค้าไทยในการพิจารณาบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษหนึ่งขั้นสำหรับเลื่อนขั้นเงินเดือนในวันที่ 1 เมษายน และ 1 ตุลาคม ให้กับผู้มาช่วยปฏิบัติงาน ในลักษณะเดียวกับผู้ที่ไปช่วยปฏิบัติราชการในงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวง/รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคือให้ผู้แทนการค้าไทยมีโควตาไม่เกิน 2 คน และผู้ไปช่วยราชการในงานผู้แทนการค้าไทยดังกล่าวต้องมีระยะเวลาช่วยปฏิบัติราชการไม่น้อยกว่า 4 เดือนในแต่ละรอบการประเมิน โดยถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2544 และวันที่ 13 สิงหาคม 2546 เรื่อง การเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการผู้ได้รับการพิจารณาบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติ
ประธานคณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติแจ้งว่า สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ขอให้คณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติ (กงช.) พิจารณาให้ความเห็นชอบให้ข้าราชการหรือลูกจ้างของส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้องโดยคำสั่งของนายกรัฐมนตรี หรือพนักงานหรือลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจหรือหน่ายงานอื่นของรัฐ โดยมติคณะรัฐมนตรีไปช่วยปฏิบัติราชการให้แก่ผู้แทนการค้าไทย ได้รับการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติ ซึ่ง กงช. พิจารณาแล้วมีความเห็น ดังนี้
1. การเลื่อนขั้นเงินเดือนกรณีพิเศษ "นอกเหนือโควตาปกติ" คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2544 กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเลื่อนขั้นเงินเดือนสำหรับข้าราชการผู้มิได้ปฏิบัติงานให้กับต้นสังกัด ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2544
2. สำนักผู้แทนการค้าไทยเป็นส่วนราชการของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีมีอำนาจหน้าที่เสนอแนะข้อมูลหรือแนวทางแก่ผู้แทนการค้าไทยเกี่ยวกับนโยบาย ท่าที ยุทธศาสตร์และวางแผนเจรจาด้านการค้า ศึกษาวิเคราะห์ วิจัยนโยบายและมาตรการทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนของประเทศคู่ค้า ตลอดจนประสานกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน และตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดตั้งสำนักผู้แทนการค้าไทย พ.ศ. 2545 ข้อ 4 กำหนดให้มีตำแหน่งผู้แทนการค้าไทย และเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติงานให้ผู้แทนการค้าไทยได้รับเกียรติในฐานะทัดเทียมกับรัฐมนตรีและให้ได้รับค่าจ้างและประโยชน์ตอบแทนอื่นเทียบเท่ารัฐมนตรี
3. ผู้แทนการค้าไทย เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในฐานะผู้แทนพิเศษของนายกรัฐมนตรีในการเจรจาระดับรัฐมนตรีหรือระดับอื่นในการเจรจาทางการค้าระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ และเพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการของสำนักผู้แทนการค้าไทยหากมีความจำเป็นสามารถจะยืมตัวข้าราชการหรือลูกจ้างของส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือพนักงานหรือลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่นของรัฐมาช่วยปฏิบัติราขการให้แก่ผู้แทนการค้าไทยก็ได้ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดตั้งสำนักผู้แทนการค้าไทย พ.ศ. 2545ข้อ 8
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 4 พฤษภาคม 2547--จบ--
-กภ-
ความชอบเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควต้าปกติ (สำนักงานผู้แทนการค้าไทย)
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่ประธานคณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติเสนอ การกำหนดโควตาให้ผู้แทนการค้าไทยในการพิจารณาบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษหนึ่งขั้นสำหรับเลื่อนขั้นเงินเดือนในวันที่ 1 เมษายน และ 1 ตุลาคม ให้กับผู้มาช่วยปฏิบัติงาน ในลักษณะเดียวกับผู้ที่ไปช่วยปฏิบัติราชการในงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวง/รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคือให้ผู้แทนการค้าไทยมีโควตาไม่เกิน 2 คน และผู้ไปช่วยราชการในงานผู้แทนการค้าไทยดังกล่าวต้องมีระยะเวลาช่วยปฏิบัติราชการไม่น้อยกว่า 4 เดือนในแต่ละรอบการประเมิน โดยถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2544 และวันที่ 13 สิงหาคม 2546 เรื่อง การเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการผู้ได้รับการพิจารณาบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติ
ประธานคณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติแจ้งว่า สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ขอให้คณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติ (กงช.) พิจารณาให้ความเห็นชอบให้ข้าราชการหรือลูกจ้างของส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้องโดยคำสั่งของนายกรัฐมนตรี หรือพนักงานหรือลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจหรือหน่ายงานอื่นของรัฐ โดยมติคณะรัฐมนตรีไปช่วยปฏิบัติราชการให้แก่ผู้แทนการค้าไทย ได้รับการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติ ซึ่ง กงช. พิจารณาแล้วมีความเห็น ดังนี้
1. การเลื่อนขั้นเงินเดือนกรณีพิเศษ "นอกเหนือโควตาปกติ" คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2544 กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเลื่อนขั้นเงินเดือนสำหรับข้าราชการผู้มิได้ปฏิบัติงานให้กับต้นสังกัด ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2544
2. สำนักผู้แทนการค้าไทยเป็นส่วนราชการของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีมีอำนาจหน้าที่เสนอแนะข้อมูลหรือแนวทางแก่ผู้แทนการค้าไทยเกี่ยวกับนโยบาย ท่าที ยุทธศาสตร์และวางแผนเจรจาด้านการค้า ศึกษาวิเคราะห์ วิจัยนโยบายและมาตรการทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนของประเทศคู่ค้า ตลอดจนประสานกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน และตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดตั้งสำนักผู้แทนการค้าไทย พ.ศ. 2545 ข้อ 4 กำหนดให้มีตำแหน่งผู้แทนการค้าไทย และเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติงานให้ผู้แทนการค้าไทยได้รับเกียรติในฐานะทัดเทียมกับรัฐมนตรีและให้ได้รับค่าจ้างและประโยชน์ตอบแทนอื่นเทียบเท่ารัฐมนตรี
3. ผู้แทนการค้าไทย เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในฐานะผู้แทนพิเศษของนายกรัฐมนตรีในการเจรจาระดับรัฐมนตรีหรือระดับอื่นในการเจรจาทางการค้าระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ และเพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการของสำนักผู้แทนการค้าไทยหากมีความจำเป็นสามารถจะยืมตัวข้าราชการหรือลูกจ้างของส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือพนักงานหรือลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่นของรัฐมาช่วยปฏิบัติราขการให้แก่ผู้แทนการค้าไทยก็ได้ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดตั้งสำนักผู้แทนการค้าไทย พ.ศ. 2545ข้อ 8
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 4 พฤษภาคม 2547--จบ--
-กภ-