ข้อเสนอแผนงาน/โครงการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 และ 2 รวม 8 จังหวัด

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday May 22, 2012 14:02 —มติคณะรัฐมนตรี

เรื่อง ข้อเสนอแผนงาน/โครงการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 และ 2 รวม 8 จังหวัด ในการประชุมคณะรัฐมนตรี

นอกสถานที่ ณ จังหวัดกาญจนบุรี วันที่ 20 พฤษภาคม 2555

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณ เสนอดังนี้

1. เห็นชอบกรอบแผนงาน/โครงการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดและจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 และ 2 รวม 8 จังหวัด จำนวน 203โครงการ วงเงินรวม 33,111.49 ล้านบาท

2. เห็นชอบโครงการที่มีความพร้อมและสามารถดำเนินการได้ทันทีจำนวน 60 โครงการ วงเงินรวม 1,041.43 ล้านบาท โดยให้หน่วยงานเจ้าของโครงการ เร่งจัดทำรายละเอียดคำขอรับการจัดสรรงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2555 จัดส่งให้สำนักงบประมาณภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อสำนักงบประมาณพิจารณาวงเงินงบประมาณที่เหมาะสม โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นต่อไป

3. สำหรับแผน/โครงการที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนกลาง 1 และ 2 เสนอในส่วนที่เหลือ เห็นชอบมอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบรับไปพิจารณาศึกษาความเหมาะสม และจัดทำรายละเอียดแผนงาน/โครงการ รวมทั้งดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้วแต่กรณีและนำเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป เช่น โครงการจัดตั้งอุทยานวิทยาศาสตร์เกษตร (Agricultural Science Park) วงเงิน 3,300 ล้านบาท เห็นชอบมอบหมายกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับข้อเสนอโครงการพัฒนาวิชาชีพดนตรีสู่ความเป็นเลิศวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ วงเงิน 760 ล้านบาท และโครงการพัฒนาโรงพยาบาลสัตว์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์หัวหินฯ วงเงิน 502 ล้านบาท เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการหารือร่วมกับมหาวิทยาลัยที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป เป็นต้น

สาระสำคัญของเรื่อง

สศช. และ สงป. ได้ร่วมกันพิจารณาแผนงาน/โครงการในรายสาขา โดยได้พิจารณาข้อสั่งการของคณะรัฐมนตรีที่ได้ลงพื้นที่ตรวจราชการ พบว่าข้อเสนอแผนงาน/โครงการ ของกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 และ 2 และจังหวัดภาคกลาง รวม 8 จังหวัด วงเงินรวม 33,150.36 ล้านบาท มีการปรับลดตามผลการพิจารณาเบื้องต้น วงเงินรวม 38.87 ล้านบาท คงเหลือกรอบวงเงินที่ผ่านการพิจารณาแล้ว วงเงินรวม 33,111.49 ล้านบาท สรุปความเห็นได้ ดังนี้

1. ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม / เกษตร วงเงิน 19,822.04 ล้านบาท ประกอบด้วย

1.1 ทรัพยากรน้ำ วงเงิน 15,264.71 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นโครงการก่อสร้างระบบกักเก็บน้ำและระบบจัดการน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบชลประทานและบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำดิบเพื่อการอุปโภคบริโภค และโครงการขุดลอกแหล่งน้ำ การก่อสร้างระบบระบายน้ำและจัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์ เพื่อเพิ่มศักยภาพของระบบส่งน้ำและระบายน้ำ สำหรับการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ที่มีผลต่อการบริหารจัดการน้ำของประเทศที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันปัญหาน้ำท่วมภัยแล้งเห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาถึงความเหมาะสมในการเชื่อมต่อกับระบบการกระจายน้ำที่ได้ดำเนินการแล้ว พร้อมทั้งจัดทำรายละเอียดโครงการเสนอคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) เพื่อนำเสนอคณะกรรมการนโยบายน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (กนอช.) พิจารณาตามขั้นตอน

ทั้งนี้ มีโครงการที่เห็นชอบให้ดำเนินการได้ทันที จำนวน 18 โครงการ วงเงินรวม 370.68 ล้านบาท

1.2 เกษตรและสิ่งแวดล้อม วงเงิน 4,557.33 ล้านบาท ประกอบด้วย

(1) ด้านเกษตร วงเงิน 4,158.11 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นโครงการจัดตั้งอุทยานวิทยาศาสตร์เกษตร (Agricultural Science Park) วงเงิน 3,300 ล้านบาท ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการศึกษาความเหมาะสมของโครงการในลักษณะภาพรวมทั้งจังหวัด ความเป็นไปได้ทางเทคโนโลยีและแผนบริหารจัดการ การเตรียมความพร้อมด้านพื้นที่ และให้ความสำคัญกับการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการของประชาชนในพื้นที่ เพื่อนำเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณประจำปีตามขั้นตอนต่อไป

ทั้งนี้ มีโครงการที่เห็นชอบให้ดำเนินการได้ทันที จำนวน 6 โครงการ วงเงินรวม 94.46 ล้านบาท ได้แก่ (1) โครงการจัดทำระบบสารสนเทศเพื่อความมั่นคงทางอาหารและสุขภาพจังหวัดสุพรรณบุรี กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 วงเงิน 6.90 ล้านบาท (2) โครงการเร่งรัดปรับโครงสร้างการผลิตปศุสัตว์เศรษฐกิจตะวันตก จังหวัดกาญจนบุรี วงเงิน 33.74 ล้านบาท (3) โครงการส่งเสริมและการพัฒนาการผลิตมะพร้าว กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 วงเงิน 8.21 ล้านบาท (4) โครงการส่งเสริมการผลิตมะม่วงเพื่อการส่งออก จังหวัดสมุทรสาคร วงเงิน 6.50 ล้านบาท (5) โครงการจัดสร้างชุดอาคารปฏิบัติการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำพร้อมครุภัณฑ์และถนนคอนกรีตในวิทยาลัยประมงสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร วงเงิน 14.38 ล้านบาท (6) โครงการป้องกันกำจัดแมลงศัตรูมะพร้าวและฟื้นฟูสวนมะพร้าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วงเงิน 24.73 ล้านบาท

(2) ด้านสิ่งแวดล้อม วงเงิน 399.22 ล้านบาท ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการ จัดทำรายละเอียดแผนงาน/โครงการ และดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ เพื่อนำเสนอไว้ในแผนปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อประกอบการขอรับการจัดสรรงบประมาณประจำปีต่อไป

ทั้งนี้ มีโครงการที่เห็นชอบให้ดำเนินการได้ทันที จำนวน 2 โครงการ วงเงินรวม 36 ล้านบาท ได้แก่ (1) โครงการปลูกป่าชายเลนเพื่อป้องกันการกัดเซาะ ฟื้นฟูและรักษาระบบนิเวศชายฝั่งทะเล จังหวัดสมุทรสาคร วงเงิน 1 ล้านบาท (7) โครงการจัดสร้างอาศัยสัตว์ทะเล (ปะการังเทียม) จังหวัดสมุทรสงคราม วงเงิน 35 ล้านบาท

2. ด้านโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ วงเงิน 8,385.08 ล้านบาท ประกอบด้วย

2.1 ระบบขนส่งทางบก วงเงิน 6,514.50 ล้านบาท ทั้งนี้ มีโครงการที่เห็นชอบให้ดำเนินการได้ทันที จำนวน 11 โครงการ วงเงินรวม 285.33 ล้านบาท ได้แก่ (1) โครงการเส้นทางเชื่อมโยงเมืองทวารวดี กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 วงเงิน 45 ล้านบาท (2) โครงการขยายผิวจราจรทางหลวงหมายเลข 3512 สายลำทราย — พุน้ำร้อน กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 วงเงิน 20 ล้านบาท (3) โครงการปรับปรุงและพัฒนา เมืองโบราณอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี วงเงิน 29.50 ล้านบาท (4) โครงการก่อสร้างถนนทางหลวงชนบทสาย รบ.4068 ถึงทางเข้าน้ำตกเก้าชั้น จังหวัดราชบุรี วงเงิน 45 ล้านบาท (5) โครงการพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลอ่าวไทย กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 วงเงิน 61.50 ล้านบาท (6) โครงการพัฒนาภูมิทัศน์ส่งเสริมการท่องเที่ยว กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 วงเงิน 19.99 ล้านบาท (7) โครงการปรับปรุงถนนลาดยางแอสฟัลติกคอนกรีต สายบ้านสวนส้ม — บ้านคลองตัน จังหวัดสมุทรสาคร วงเงิน 20 ล้านบาท (8) โครงการก่อสร้างถนนลาดยาง AC สายวัดราษฎรศรัทธากะยา จังหวัดสมุทรสาคร วงเงิน 8.50 ล้านบาท (9) โครงการปรับปรุงถนน สาย สค.4008 แยกทางหลวงหมายเลข 3423 — นิคมบ้านไร่ จังหวัดสมุทรสาคร วงเงิน 5 ล้านบาท (10) โครงการซ่อมสร้างผิวทางลาดยางแอสฟัล ติกคอนกรีต สายแยกทางหลวงหมายเลข 35 ระยะทาง 1.85 กิโลเมตร จังหวัดสมุทรสาคร วงเงิน 20 ล้านบาท (11) โครงการก่อสร้างแอสฟัลติกคอนกรีต สายปากน้ำปราณ — บ้านใหม่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วงเงิน 10.84 ล้านบาท

2.2 ระบบขนส่งทางอากาศ วงเงิน 15 ล้านบาท เห็นควรจัดตั้งคณะกรรมการบริหารท่าอากาศยานในความรับผิดชอบของกิจการทหาร เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ท่าอากาศยานทั้งทางด้านกิจการทหารและเชิงพาณิชย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

2.3 ระบบขนส่งทางน้ำและโลจิสติกส์ วงเงิน 54 ล้านบาท เป็นการศึกษาความเหมาะสมเพื่อเพิ่มศักยภาพท่าเทียบเรือขนส่งสินค้า เพื่อสนับสนุนด่านชายแดนสิงขร และเส้นท่าง EAST — WEST Ferry เพื่อเชื่อมโยงระบบการส่งสินค้าและการท่องเที่ยว รวมทั้งการปรับปรุงสะพานปลาให้เป็นท่าเทียบเรือเพื่อการท่องเที่ยวทางทะเลเห็นควรให้กระทรวงคมนาคม (กรมเจ้าท่า) จัดทำข้อเสนอโครงการประกอบการขอรับจัดสรรงบประมาณประจำปีต่อไป

2.4 ระบบสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ วงเงิน 1,801.58 ล้านบาท ประกอบด้วย

(1) ด้านสาธารณูปการ 1,625.62 ล้านบาท มอบหมายให้กระทรวงการคลัง(กรมศุลกากร) บูรณาการแผนงาน/โครงการที่เกี่ยวข้องก่อนเสนอขอรับการพิจารณาจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป

ทั้งนี้ มีโครงการที่เห็นชอบให้ดำเนินการได้ทันที จำนวน 5 โครงการ วงเงินรวม 61.26 ล้านบาท เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการพัฒนาในระยะต่อไปได้แก่ (1) โครงการจัดตั้งด่านศุลกากรบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านพุน้ำร้อน กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 วงเงิน 15 ล้านบาท (เป็นงานศึกษาความเหมาะสมของโครงการ) (2) โครงการก่อสร้างอาคารชั่วคราวที่ทำการด่านศุลกากรและการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณด่านชายแดนบ้านพุน้ำร้อน จังหวัดกาญจนบุรี วงเงิน 17.28 ล้านบาท (3) โครงการปรับปรุงด่านเจดีย์สามองค์ เพื่อพัฒนาเป็นจุดผ่านแดนถาวรของด่านศุลกากรสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี วงเงิน 5.60 ล้านบาท (4) โครงการปรับปรุงห้องประชุมศาลากลาง จังหวัดกาญจนบุรี วงเงิน 8.39 ล้านบาท (5) โครงการสำรวจออกแบบรายละเอียดโครงการก่อสร้างศูนย์ราชการด่านสิงขร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วงเงิน 15 ล้านบาท

(2) ด้านสาธารณูปโภค จำนวน 175.96 ล้านบาท ทั้งนี้ มีโครงการที่เห็นชอบให้ดำเนินการได้ทันที จำนวน 9 โครงการ วงเงินรวม 105.59 ล้านบาท ได้แก่ โครงการวางท่อขยายเขตจ่ายน้ำ จังหวัดสมุทรสงคราม จำนวน 8 โครงการ วงเงินรวม 50 ล้านบาท ในพื้นที่ (1) ปากทางออกเมืองสมุทรสงครามตลาดบางแก้ว (2) ปากทางเข้าบางบ่อ — สะพานปากมาบ (3) ตลาดปลา — คลองสองล่อง (4) ตำบลบางนางลี่ (5) ตำบลบางกุ้ง (6) ตำบลแควอ้อม (7) ตำบลบางช้าง (8) ตำบลหยี่สาร และโครงการก่อสร้างขยายระบบผลิตน้ำประปา จำนวน 1 โครงการ วงเงิน 55.59 ล้านบาท ในพื้นที่เทศบาลเมืองชะอำ จังหวัดเพชรบุรี

3. ด้านเศรษฐกิจ วงเงิน 131.76 ล้านบาท ประกอบด้วย

3.1 การค้าการลงทุน วงเงิน 32.76 ล้านบาทเห็นควรสนับสนุนให้ดำเนินการได้ทันทีจำนวน 2 โครงการ วงเงินรวม 31.11 ล้านบาท ได้แก่ โครงการศึกษาวิจัยการเพิ่มศักยภาพการอำนวยความสะดวกทางการค้าสินค้า บริการ และการลงทุนกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 เพื่อรองรับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) วงเงิน 6.11 ล้านบาท และโครงการจัดตั้งนิคมการผลิตกล้วยไม้เพื่อการส่งออก จังหวัดสมุทรสาคร วงเงิน 25 ล้านบาท เนื่องจากจะช่วยส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาสินค้าเกษตรที่มีศักยภาพ และสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางเลือกใหม่ ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศต่อไป สำหรับการลงทุนส่วนที่เหลือซึ่งเป็นการศึกษาวิจัยศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันการค้าชายแดนไทย — พม่า เห็นควรให้ดำเนินการจัดทำรายละเอียดโครงการเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณประจำปีตามขั้นตอนต่อไป

3.2 การท่องเที่ยว วงเงิน 99 ล้านบาท ทั้งนี้ มีโครงการที่เห็นชอบให้ดำเนินการได้ทันที จำนวน 3 โครงการ วงเงินรวม 15 ล้านบาท ได้แก่ (1) โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณโซนบริการอุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ จังหวัดกาญจนบุรี วงเงิน 5 ล้านบาท (2) โครงการจัดสร้างทางเดินทางศึกษาธรรมชาติบันไดขึ้นสู่น้ำตกและปรับปรุงภูมิทัศน์ป้องกันการพังทลายของหน้าดิน จังหวัดกาญจนบุรี วงเงิน 5 ล้านบาท และ (3) โครงการล่องเรือประมงชมอ่าวมหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร วงเงิน 5 ล้านบาท

4. ด้านสังคม วงเงิน 4,246.29 ล้านบาท ทั้งนี้ มีโครงการที่เห็นชอบให้ดำเนินการได้ทันที จำนวน 3 โครงการ วงเงินรวม 27 ล้านบาท ได้แก่ (1) โครงการศูนย์อาเซียนศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี วงเงิน 7 ล้านบาท (2) โครงการก่อสร้างอาคารส่งเสริมสุขภาพและอเนกประสงค์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วงเงิน 15 ล้านบาท และ (3) โครงการยกระดับศักยภาพแรงงานไทยในจังหวัดสมุทรสาครให้มีศักยภาพสูงขึ้น จังหวัดสมุทรสาคร วงเงิน 5 ล้านบาท

5. ด้านความมั่นคง วงเงิน 526.32 ล้านบาท เป็นโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจภูธรพุน้ำร้อน และหน่วยตำรวจที่เกี่ยวข้องพร้อมอาคารที่พักอาศัย ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจำเป็นต้องรอผลการศึกษาความเหมาะสมและความพร้อมในการยกระดับด่านชายแดนบ้านพุน้ำร้อนเป็นด่านถาวรตามขั้นตอนของกฎและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น จึงเห็นควรให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) รับข้อเสนอโครงการดังกล่าวไปประกอบการบูรณาการแผนงาน/โครงการที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนการพัฒนาด่านชายแดนบริเวณบ้านพุน้ำร้อนก่อนเสนอขอรับการพิจารณาจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 20 พฤษภาคม 2555--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ