คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานมาตรการดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภค (เพิ่มเติม) เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งมาตรการส่วนใหญ่ยังคงหลักการเหมือนเดิม แต่เพิ่มความเข้มข้นในการดำเนินการมากขึ้น โดยประกอบด้วยมาตรการกฎหมาย มาตรการตรวจสอบมาตรการบริหารจัดการสินค้า มาตรการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน และมาตรการช่วยบรรเทาค่าครองชีพ ในส่วนมาตรการที่มีการขยายเพิ่มเติม อาทิเช่น
1. การเพิ่มโทษปรับเป็น 2 เท่า โดยขยายเวลาออกไป 3 เดือน จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2547
2. การจูงใจให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบได้ โดยตั้งรางวัลสินบนนำจับ
3. การจัดสายตรวจเคลื่อนที่เร็ว
4. โครงการธงฟ้า-ราคาประหยัดเคลื่อนที่ ซึ่งการดำเนินมาตรการดังกล่าวจะช่วยให้การกำกับดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคเกิดประสิทธิภาพและได้รับผลสำเร็จตามเจตนารมณ์ของรัฐบาล
กระทรวงพาณิชย์รายงานว่า จากสถานการณ์น้ำมันในตลาดโลกมีราคาสูงขึ้นมาโดยตลอด และมีผลทำให้ราคาน้ำมันเบนซินในประเทศต้องปรับสูงขึ้นตามไปด้วย แม้ว่ารัฐบาลยังคงตรึงราคาจำหน่ายน้ำมันดีเซลก็ตาม แต่ในข้อเท็จจริงยังมีปัจจัยภายนอกประเทศที่มีผลกระทบต่อเนื่องจากวิกฤติการณ์น้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้น และสร้างแรงกดดันต่อต้นทุนและราคาจำหน่ายสินค้าบางกลุ่มที่ต้องนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยง ได้แก่
1. กลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี เช่น เม็ดพลาสติก และผลิตภัณฑ์พลาสติก
2. กลุ่มปัจจัยการเกษตร เช่น ปุ๋ยเคมี ยาปราบศัตรูพืช และอาหารสัตว์
3. กลุ่มวัสดุก่อสร้าง เช่น เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก และสายไฟฟ้า
4. กลุ่มยารักษาโรค เช่น ยารักษาเฉพาะโรค
สำหรับกลุ่มสินค้าอื่น ๆ เช่น กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ของใช้ประจำวัน เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ ส่วนใหญ่จะใช้วัตถุดิบในประเทศและตลาดมีการแข่งขันสูง ผลกระทบต่อราคาจึงมีน้อย ด้วยเหตุที่ปัจจัยแวดล้อมทั้งในประเทศและต่างประเทศเปลี่ยนไป กระทรวงพาณิชย์จึงจำเป็นต้องปรับมาตรการในการดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคจากที่เคยนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีรับทราบเมื่อคราวปรับเงินเดือนข้าราชการในเดือนเมษายน 2547 ให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจการค้านปัจจุบัน โดยเสนอมาตรการเพิ่มเติมจากที่กำหนดไว้เดิม ซึ่งจะเป็นกรอบมาตรฐานการดำเนินงานในการกำกับดูแลราคาสินค้าให้ได้รับผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายดังนี้
1. เป้าหมาย
1.1 ราคาสินค้าและบริการมีความเหมาะสมและเป็นธรรม
1.2 ปริมาณสินค้ามีเพียงพอไม่ขาดแคลน
1.3 ป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าหรือกักตุนสินค้าในสถานการณ์ที่ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น2. มาตรการดำเนินการ
2.1 มาตรการกฎหมาย1) ปรับเพิ่มรายการสินค้าและบริการควบคุม2) ปรับเพิ่มมาตรการกำกับดูแล3) เข้มงวดการปิดป้ายแสดงราคาจำหน่าย4) ขยายเวลาการเพิ่มโทษปรับเป็น 2 เท่า5) ป้องกันการค้ากำไรเกินควรและปฏิเสธการจำหน่าย
2.2 มาตรการตรวจสอบ (ดำเนินการทั้งใน กทม. และภูมิภาค)
1)ตรวจสอบพฤติกรรมและราคาจำหน่ายอย่างใกล้ชิด
2) ตรวจสอบเครื่องชั่งตวงวัดและสินค้าหีบห่อ
3) ตรวจสอบพิเศษโดยหน่วยเคลื่อนที่เร็ว
2.3 มาตรการบริหารจัดการสินค้า
1) เพิ่มรายการสินค้าที่ติดตามดูแล
2) ปรับระบบการพิจารณาราคาสินค้าให้สอดคล้องกับต้นทุน
3) จัดระบบการแก้ไขปัญหาราคาสินค้า
2.4 มาตรการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน
1) แจ้งสิทธิ-ปัญหา ที่ผู้ซื้อไดรับไปที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 ใน กทม. หรือศูนย์บริการประชาชน (Call Center) ที่สำนักงานการค้าภายในจังหวัดทุกจังหวัด เมื่อพบเห็นพฤติกรรมไม่เป็นธรรมทางการค้า
2) สร้างแรงจูงใจให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ
2.5 มาตรการช่วยบรรเทาค่าครองชีพ
1) จัดโครงการมุมธงฟ้า-ราคาประหยัด
2) จัดโครงการธงฟ้า-ราคาประหยัดเคลื่อนที่
3)ให้ร้านอาหารธงฟ้าและห้างสรรพสินค้า ทั้งใน กทม. และภูมิภาค ให้จำหน่ายอาหารใน Food Center ในราคาเท่าเดิม
4) เพิ่มปริมาณผักสดเข้าสู่ตลาด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 6 กรกฎาคม 2547--จบ--
-กภ-
1. การเพิ่มโทษปรับเป็น 2 เท่า โดยขยายเวลาออกไป 3 เดือน จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2547
2. การจูงใจให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบได้ โดยตั้งรางวัลสินบนนำจับ
3. การจัดสายตรวจเคลื่อนที่เร็ว
4. โครงการธงฟ้า-ราคาประหยัดเคลื่อนที่ ซึ่งการดำเนินมาตรการดังกล่าวจะช่วยให้การกำกับดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคเกิดประสิทธิภาพและได้รับผลสำเร็จตามเจตนารมณ์ของรัฐบาล
กระทรวงพาณิชย์รายงานว่า จากสถานการณ์น้ำมันในตลาดโลกมีราคาสูงขึ้นมาโดยตลอด และมีผลทำให้ราคาน้ำมันเบนซินในประเทศต้องปรับสูงขึ้นตามไปด้วย แม้ว่ารัฐบาลยังคงตรึงราคาจำหน่ายน้ำมันดีเซลก็ตาม แต่ในข้อเท็จจริงยังมีปัจจัยภายนอกประเทศที่มีผลกระทบต่อเนื่องจากวิกฤติการณ์น้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้น และสร้างแรงกดดันต่อต้นทุนและราคาจำหน่ายสินค้าบางกลุ่มที่ต้องนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยง ได้แก่
1. กลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี เช่น เม็ดพลาสติก และผลิตภัณฑ์พลาสติก
2. กลุ่มปัจจัยการเกษตร เช่น ปุ๋ยเคมี ยาปราบศัตรูพืช และอาหารสัตว์
3. กลุ่มวัสดุก่อสร้าง เช่น เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก และสายไฟฟ้า
4. กลุ่มยารักษาโรค เช่น ยารักษาเฉพาะโรค
สำหรับกลุ่มสินค้าอื่น ๆ เช่น กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ของใช้ประจำวัน เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ ส่วนใหญ่จะใช้วัตถุดิบในประเทศและตลาดมีการแข่งขันสูง ผลกระทบต่อราคาจึงมีน้อย ด้วยเหตุที่ปัจจัยแวดล้อมทั้งในประเทศและต่างประเทศเปลี่ยนไป กระทรวงพาณิชย์จึงจำเป็นต้องปรับมาตรการในการดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคจากที่เคยนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีรับทราบเมื่อคราวปรับเงินเดือนข้าราชการในเดือนเมษายน 2547 ให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจการค้านปัจจุบัน โดยเสนอมาตรการเพิ่มเติมจากที่กำหนดไว้เดิม ซึ่งจะเป็นกรอบมาตรฐานการดำเนินงานในการกำกับดูแลราคาสินค้าให้ได้รับผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายดังนี้
1. เป้าหมาย
1.1 ราคาสินค้าและบริการมีความเหมาะสมและเป็นธรรม
1.2 ปริมาณสินค้ามีเพียงพอไม่ขาดแคลน
1.3 ป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าหรือกักตุนสินค้าในสถานการณ์ที่ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น2. มาตรการดำเนินการ
2.1 มาตรการกฎหมาย1) ปรับเพิ่มรายการสินค้าและบริการควบคุม2) ปรับเพิ่มมาตรการกำกับดูแล3) เข้มงวดการปิดป้ายแสดงราคาจำหน่าย4) ขยายเวลาการเพิ่มโทษปรับเป็น 2 เท่า5) ป้องกันการค้ากำไรเกินควรและปฏิเสธการจำหน่าย
2.2 มาตรการตรวจสอบ (ดำเนินการทั้งใน กทม. และภูมิภาค)
1)ตรวจสอบพฤติกรรมและราคาจำหน่ายอย่างใกล้ชิด
2) ตรวจสอบเครื่องชั่งตวงวัดและสินค้าหีบห่อ
3) ตรวจสอบพิเศษโดยหน่วยเคลื่อนที่เร็ว
2.3 มาตรการบริหารจัดการสินค้า
1) เพิ่มรายการสินค้าที่ติดตามดูแล
2) ปรับระบบการพิจารณาราคาสินค้าให้สอดคล้องกับต้นทุน
3) จัดระบบการแก้ไขปัญหาราคาสินค้า
2.4 มาตรการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน
1) แจ้งสิทธิ-ปัญหา ที่ผู้ซื้อไดรับไปที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 ใน กทม. หรือศูนย์บริการประชาชน (Call Center) ที่สำนักงานการค้าภายในจังหวัดทุกจังหวัด เมื่อพบเห็นพฤติกรรมไม่เป็นธรรมทางการค้า
2) สร้างแรงจูงใจให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ
2.5 มาตรการช่วยบรรเทาค่าครองชีพ
1) จัดโครงการมุมธงฟ้า-ราคาประหยัด
2) จัดโครงการธงฟ้า-ราคาประหยัดเคลื่อนที่
3)ให้ร้านอาหารธงฟ้าและห้างสรรพสินค้า ทั้งใน กทม. และภูมิภาค ให้จำหน่ายอาหารใน Food Center ในราคาเท่าเดิม
4) เพิ่มปริมาณผักสดเข้าสู่ตลาด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 6 กรกฎาคม 2547--จบ--
-กภ-