คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ และกลุ่มผู้ประกอบการ ได้หารือร่วมกันในการกำหนดมาตรการประหยัดพลังงาน โดยยึดหลัก 4 ประการดังนี้
- เป็นมาตรการเพื่อประหยัดพลังงาน
- ไม่กระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม
- ไม่กระทบการจ้างงานของพนักงาน
- มีความเป็นธรรมต่อผู้ประกอบการ
จากหลักการข้างต้น จึงมีมาตรการกำหนดเวลาเปิดปิดทำการห้องร้านที่มีพื้นที่ขายตั้งแต่ 1 หมื่นตารางเมตรขึ้นไป โดยให้กระทรวงพาณิชย์รับไปประสานงานกับผู้ประกอบการให้เริ่มดำเนินการภายใน 15 วัน ดังนี้
จันทร์-พฤหัสบดี ศุกร์ เสาร์-อาทิตย์-นักขัตฤกษ์
ห้างสรรพสินค้าทั่วไป เช่น Department 11.00-21.30 น. 11.00-22.00 น. 10.00-22.00 น.
Store, Hyper Mart เป็นต้น
กิจการขายส่ง เช่น Macro 06.00-21.30 น. 06.00-22.00 น. 06.00-22.00 น.
โดยกลุ่มผู้ประกอบการรายเล็กที่มีพื้นที่ขายต่ำกว่าหมื่นตารางเมตรได้แจ้งความจำนงค์ในการให้ความร่วมมือกับภาครัฐโดยจะเร่งจัดทำแนวทางลดใช้พลังงานเสนอให้ภาครัฐรับทราบ ซึ่งเรื่องนี้รัฐจะขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการอื่น ๆ ด้วย เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการประหยัดพลังงานร่วมกัน
นอกจากนี้คณะรัฐมนตรียังมีมติกำหนดเวลาห้ามจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิดและก๊าซปิโตรเลียมเหลว ตั้งแต่ 24.00-05.00 น. แต่ไม่รวมถึงก๊าซธรรมชาติอัด CNG หรือ NGV และได้กำหนดเวลาให้ปิดไฟฟ้าส่องป้ายโฆษณาสินค้า ป้ายชื่อร้าน ป้ายโรงภาพยนตร์ และไฟส่องตึก ตั้งแต่ 22.00 น.
อนึ่ง กระทรวงพลังงานได้รายงานผลลดใช้พลังงานในหน่วยงานภาครัฐตามนโยบายรัฐบาลว่าในเดือนมิถุนายน 2547 ซึ่งเป็นเดือนเริ่มต้นมาตรการ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมิถุนายน 2546 ปรากฏว่าการใช้ไฟฟ้าลดลง 5.3 ล้านหน่วย คิดเป็นเงินที่ประหยัดได้ 12 ล้านบาท สำหรับการลดใช้พลังงานในภาคประชาชนตามโครงการประหยัดไฟกำไร 2 ต่อ ซึ่งเริ่มต้นโครงการเดือนมิถุนายน 2547 และจะสิ้นสุดโครงการเดือนพฤษภาคม 2548 ปรากฏว่าได้รับความร่วมมือจากประชาชนเป็นอย่างดีสามารถลดใช้ ไฟฟ้าเดือนมิถุนายน 2547 เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2546 เท่ากับ 253 ล้านหน่วย คิดเป็นเงินที่ประหยัดได้ 634 ล้านบาท ดังนั้น คาดว่าการดำเนินงานตามโครงการนี้จะประหยัดค่าไฟฟ้าตลอดปีได้ประมาณไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 24 สิงหาคม 2547--จบ--
-กภ-
- เป็นมาตรการเพื่อประหยัดพลังงาน
- ไม่กระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม
- ไม่กระทบการจ้างงานของพนักงาน
- มีความเป็นธรรมต่อผู้ประกอบการ
จากหลักการข้างต้น จึงมีมาตรการกำหนดเวลาเปิดปิดทำการห้องร้านที่มีพื้นที่ขายตั้งแต่ 1 หมื่นตารางเมตรขึ้นไป โดยให้กระทรวงพาณิชย์รับไปประสานงานกับผู้ประกอบการให้เริ่มดำเนินการภายใน 15 วัน ดังนี้
จันทร์-พฤหัสบดี ศุกร์ เสาร์-อาทิตย์-นักขัตฤกษ์
ห้างสรรพสินค้าทั่วไป เช่น Department 11.00-21.30 น. 11.00-22.00 น. 10.00-22.00 น.
Store, Hyper Mart เป็นต้น
กิจการขายส่ง เช่น Macro 06.00-21.30 น. 06.00-22.00 น. 06.00-22.00 น.
โดยกลุ่มผู้ประกอบการรายเล็กที่มีพื้นที่ขายต่ำกว่าหมื่นตารางเมตรได้แจ้งความจำนงค์ในการให้ความร่วมมือกับภาครัฐโดยจะเร่งจัดทำแนวทางลดใช้พลังงานเสนอให้ภาครัฐรับทราบ ซึ่งเรื่องนี้รัฐจะขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการอื่น ๆ ด้วย เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการประหยัดพลังงานร่วมกัน
นอกจากนี้คณะรัฐมนตรียังมีมติกำหนดเวลาห้ามจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิดและก๊าซปิโตรเลียมเหลว ตั้งแต่ 24.00-05.00 น. แต่ไม่รวมถึงก๊าซธรรมชาติอัด CNG หรือ NGV และได้กำหนดเวลาให้ปิดไฟฟ้าส่องป้ายโฆษณาสินค้า ป้ายชื่อร้าน ป้ายโรงภาพยนตร์ และไฟส่องตึก ตั้งแต่ 22.00 น.
อนึ่ง กระทรวงพลังงานได้รายงานผลลดใช้พลังงานในหน่วยงานภาครัฐตามนโยบายรัฐบาลว่าในเดือนมิถุนายน 2547 ซึ่งเป็นเดือนเริ่มต้นมาตรการ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมิถุนายน 2546 ปรากฏว่าการใช้ไฟฟ้าลดลง 5.3 ล้านหน่วย คิดเป็นเงินที่ประหยัดได้ 12 ล้านบาท สำหรับการลดใช้พลังงานในภาคประชาชนตามโครงการประหยัดไฟกำไร 2 ต่อ ซึ่งเริ่มต้นโครงการเดือนมิถุนายน 2547 และจะสิ้นสุดโครงการเดือนพฤษภาคม 2548 ปรากฏว่าได้รับความร่วมมือจากประชาชนเป็นอย่างดีสามารถลดใช้ ไฟฟ้าเดือนมิถุนายน 2547 เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2546 เท่ากับ 253 ล้านหน่วย คิดเป็นเงินที่ประหยัดได้ 634 ล้านบาท ดังนั้น คาดว่าการดำเนินงานตามโครงการนี้จะประหยัดค่าไฟฟ้าตลอดปีได้ประมาณไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 24 สิงหาคม 2547--จบ--
-กภ-