คณะรัฐมนตรีพิจารณาการแก้ไขปัญหาหนี้สินโครงการปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตรและโครงการแผนฟื้นฟูการเกษตร ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ แล้วมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการเกี่ยวกับมาตรการและแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรในโครงการปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตร (คปร.) และโครงการแผนฟื้นฟูการเกษตร (ผกก.)
2. อนุมัติงบประมาณเพื่อชดเชยให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว ภายในวงเงินจำนวน 2,896.64 ล้านบาท
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า
1. แหล่งเงินที่ใช้ในการให้สินเชื่อทั้ง 2 โครงการ ดังกล่าว เมื่อเริ่มต้นโครงการ 17,322 ล้านบาท เป็นเงินส่วนที่ ธ.ก.ส. จัดหา 8,212 ล้านบาท เงินส่วนของรัฐ ทั้งเงินงบประมาณประจำปีและเงินกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) 9,110 ล้านบาท ซึ่ง ณ วันที่ 30 กันยายน 2547 มีต้นเงินกู้คงเหลือ 8,120 ล้านบาท เป็นเงินส่วนที่ ธ.ก.ส. จัดหา 2,084 ล้านบาท และเงินส่วนของรัฐ 6,036 ล้านบาท
2. ผลการดำเนินงานของโครงการ คปร. มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 5.50 แสนราย สามารถลดพื้นที่ปลูกพืชรวม 4.09 ล้านไร่ (ร้อยละ 91 จากเป้าหมาย) ส่วนผลการดำเนินงานของโครงการ ผกก. ดำเนินงานระหว่างปี 2535-2539 เกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 2.55 แสนราย สนับสนุนสินเชื่อทั้ง 2.55 แสนราย เพื่อนำไปใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ด้านปศุสัตว์ ปรับปรุงการผลิตข้าว การประมง และไร่นาสวนผสม ฯลฯ
3. ผลการดำเนินงานสินเชื่อ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2547 คปร. จ่ายสินเชื่อตั้งแต่ปี 2537-2540 แล้ว ทั้งสิ้น 9,922 ล้านบาท เกษตรกร 143,858 ราย เกษตรกรชำระต้นเงินกู้แล้ว 4,205 ล้านบาท จ่ายสินเชื่อตั้งแต่ปี 2535-2539 ทั้งสิ้น 7,444 ล้านบาท เกษตรกร 255,745 ราย ชำระเงินกู้แล้ว 5,041 ล้านบาท สรุปทั้ง 2 โครงการมีการจ่ายเงินกู้จนถึงปัจจุบัน 17,366 ล้านบาท เกษตรกร 399,603 ราย ชำระเงินกู้แล้ว 9,246 ล้านบาท เกษตรกร 218,607 ราย ต้นเงินกู้คงเหลือ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2547 จำนวน 8,120 ล้านบาท เกษตรกร 180,996 ราย
4. การบริหารสินเชื่อ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จ่ายค่าบริหารสินเชื่อให้ ธ.ก.ส. ในอัตราร้อยละ 4 ของต้นเงินกู้คงเป็นหนี้คงเหลือของเกษตรกร และในช่วงของเงินที่ ธ.ก.ส. จัดหามาให้เกษตรกรกู้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จ่ายค่าชดเชยส่วนต่างดอกเบี้ย โดยอัตราค่าชดเชยขึ้นกับแหล่งเงินที่ ธ.ก.ส. จัดหา ระหว่างร้อยละ 4.53 ถึงร้อยละ 8.61 ต่อปี ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2537-2546 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จ่ายค่าบริหารสินเชื่อและค่าชดเชยดอกเบี้ยให้ ธ.ก.ส. แล้ว 4,579 ล้านบาท จำแนกเป็นค่าบริหารฯ 2,938 ล้านบาท และค่าชดเชยฯ 1,641 ล้านบาท
5. หลักเกณฑ์และวิธีการช่วยเหลือมีดังนี้
5.1 หลักการ
(1) คณะกรรมการ คปร. เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2543 มีมติกำหนดให้มีการช่วยเหลือเกษตรกรที่ยังคงเป็นหนี้ตามโครงการ คปร. และโครงการ ผกก. ออกเป็นกลุ่มตามสภาพการทำกิจกรรมและความสามารถในการชำระหนี้ และเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2547 ได้มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้โครงการ คปร. และ โครงการ ผกก. เพื่อกำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาหนี้สินตามกรอบแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกรตามโครงการ ส่งเสริมหรือสงเคราะห์ของรัฐของสำนักงานคณะกรรมการบริหารสินเชื่อเกษตรแห่งชาติ (กบส.)
(2) คณะกรรมการ คปร. ในการประชุมเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2547 ได้มีมติอนุมัติหลักการช่วยเหลือเกษตรกรตามโครงการ คปร. และโครงการ ผกก. โดยการแขวนดอกเบี้ยของเกษตรกรที่ยังคงเป็นหนี้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2547 และให้ปรับปรุงโครงสร้างหนี้โดยการขยายระยะเวลาการชำระต้นเงินกู้ออกไปไม่เกินวันที่ 31 มีนาคม 2555 โดยงดคิดดอกเบี้ย หากเกษตรกรไม่สามารถชำระต้นเงินกู้ตามกำหนด เกษตรกรดังกล่าวจะต้องรับภาระดอกเบี้ยที่แขวนไว้ และดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นหลังจากวันแขวนดอกเบี้ยไปจนกว่าจะชำระเร็จ
5.2 วิธีการช่วยเหลือให้เกษตรกรมาขึ้นทะเบียนเพื่อขอรับการช่วยเหลือภายใน 60 วัน นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรี ให้ความเห็นชอบ
6. รัฐบาลต้องจัดสรรงบประมาณชดเชยแก่ ธ.ก.ส. ตามที่เสนอเป็นเงินประมาณปีละ 362.08 ล้านบาท จำนวน 8 ปี รวมเป็นเงินงบประมาณทั้งสิ้น 2,896.64 ล้านบาท ซึ่งทำให้เกษตรกรตามโครงการได้รับประโยชน์ 180,996 ราย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 16 พฤศจิกายน 2547--จบ--
-กภ-
1. อนุมัติหลักการเกี่ยวกับมาตรการและแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรในโครงการปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตร (คปร.) และโครงการแผนฟื้นฟูการเกษตร (ผกก.)
2. อนุมัติงบประมาณเพื่อชดเชยให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว ภายในวงเงินจำนวน 2,896.64 ล้านบาท
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า
1. แหล่งเงินที่ใช้ในการให้สินเชื่อทั้ง 2 โครงการ ดังกล่าว เมื่อเริ่มต้นโครงการ 17,322 ล้านบาท เป็นเงินส่วนที่ ธ.ก.ส. จัดหา 8,212 ล้านบาท เงินส่วนของรัฐ ทั้งเงินงบประมาณประจำปีและเงินกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) 9,110 ล้านบาท ซึ่ง ณ วันที่ 30 กันยายน 2547 มีต้นเงินกู้คงเหลือ 8,120 ล้านบาท เป็นเงินส่วนที่ ธ.ก.ส. จัดหา 2,084 ล้านบาท และเงินส่วนของรัฐ 6,036 ล้านบาท
2. ผลการดำเนินงานของโครงการ คปร. มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 5.50 แสนราย สามารถลดพื้นที่ปลูกพืชรวม 4.09 ล้านไร่ (ร้อยละ 91 จากเป้าหมาย) ส่วนผลการดำเนินงานของโครงการ ผกก. ดำเนินงานระหว่างปี 2535-2539 เกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 2.55 แสนราย สนับสนุนสินเชื่อทั้ง 2.55 แสนราย เพื่อนำไปใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ด้านปศุสัตว์ ปรับปรุงการผลิตข้าว การประมง และไร่นาสวนผสม ฯลฯ
3. ผลการดำเนินงานสินเชื่อ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2547 คปร. จ่ายสินเชื่อตั้งแต่ปี 2537-2540 แล้ว ทั้งสิ้น 9,922 ล้านบาท เกษตรกร 143,858 ราย เกษตรกรชำระต้นเงินกู้แล้ว 4,205 ล้านบาท จ่ายสินเชื่อตั้งแต่ปี 2535-2539 ทั้งสิ้น 7,444 ล้านบาท เกษตรกร 255,745 ราย ชำระเงินกู้แล้ว 5,041 ล้านบาท สรุปทั้ง 2 โครงการมีการจ่ายเงินกู้จนถึงปัจจุบัน 17,366 ล้านบาท เกษตรกร 399,603 ราย ชำระเงินกู้แล้ว 9,246 ล้านบาท เกษตรกร 218,607 ราย ต้นเงินกู้คงเหลือ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2547 จำนวน 8,120 ล้านบาท เกษตรกร 180,996 ราย
4. การบริหารสินเชื่อ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จ่ายค่าบริหารสินเชื่อให้ ธ.ก.ส. ในอัตราร้อยละ 4 ของต้นเงินกู้คงเป็นหนี้คงเหลือของเกษตรกร และในช่วงของเงินที่ ธ.ก.ส. จัดหามาให้เกษตรกรกู้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จ่ายค่าชดเชยส่วนต่างดอกเบี้ย โดยอัตราค่าชดเชยขึ้นกับแหล่งเงินที่ ธ.ก.ส. จัดหา ระหว่างร้อยละ 4.53 ถึงร้อยละ 8.61 ต่อปี ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2537-2546 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จ่ายค่าบริหารสินเชื่อและค่าชดเชยดอกเบี้ยให้ ธ.ก.ส. แล้ว 4,579 ล้านบาท จำแนกเป็นค่าบริหารฯ 2,938 ล้านบาท และค่าชดเชยฯ 1,641 ล้านบาท
5. หลักเกณฑ์และวิธีการช่วยเหลือมีดังนี้
5.1 หลักการ
(1) คณะกรรมการ คปร. เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2543 มีมติกำหนดให้มีการช่วยเหลือเกษตรกรที่ยังคงเป็นหนี้ตามโครงการ คปร. และโครงการ ผกก. ออกเป็นกลุ่มตามสภาพการทำกิจกรรมและความสามารถในการชำระหนี้ และเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2547 ได้มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้โครงการ คปร. และ โครงการ ผกก. เพื่อกำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาหนี้สินตามกรอบแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกรตามโครงการ ส่งเสริมหรือสงเคราะห์ของรัฐของสำนักงานคณะกรรมการบริหารสินเชื่อเกษตรแห่งชาติ (กบส.)
(2) คณะกรรมการ คปร. ในการประชุมเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2547 ได้มีมติอนุมัติหลักการช่วยเหลือเกษตรกรตามโครงการ คปร. และโครงการ ผกก. โดยการแขวนดอกเบี้ยของเกษตรกรที่ยังคงเป็นหนี้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2547 และให้ปรับปรุงโครงสร้างหนี้โดยการขยายระยะเวลาการชำระต้นเงินกู้ออกไปไม่เกินวันที่ 31 มีนาคม 2555 โดยงดคิดดอกเบี้ย หากเกษตรกรไม่สามารถชำระต้นเงินกู้ตามกำหนด เกษตรกรดังกล่าวจะต้องรับภาระดอกเบี้ยที่แขวนไว้ และดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นหลังจากวันแขวนดอกเบี้ยไปจนกว่าจะชำระเร็จ
5.2 วิธีการช่วยเหลือให้เกษตรกรมาขึ้นทะเบียนเพื่อขอรับการช่วยเหลือภายใน 60 วัน นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรี ให้ความเห็นชอบ
6. รัฐบาลต้องจัดสรรงบประมาณชดเชยแก่ ธ.ก.ส. ตามที่เสนอเป็นเงินประมาณปีละ 362.08 ล้านบาท จำนวน 8 ปี รวมเป็นเงินงบประมาณทั้งสิ้น 2,896.64 ล้านบาท ซึ่งทำให้เกษตรกรตามโครงการได้รับประโยชน์ 180,996 ราย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 16 พฤศจิกายน 2547--จบ--
-กภ-