คณะรัฐมนตรีรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรี Ayeyawady - Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy (ACMECS) อย่างไม่เป็นทางการตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ตามที่ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรี ACMECS อย่างไม่เป็นทางการ ระหว่างวันที่ 1-2 พฤศจิกายน 2547 ที่จังหวัดกระบี่ นั้น สาระสำคัญของการประชุมสรุปได้ดังนี้
1. การประชุมระดับรัฐมนตรี ACMECS อย่างไม่เป็นทางการ ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าของการดำเนินกิจกรรมในประเทศสมาชิกภายใต้กรอบ ACMECS ทั้งนี้ ในส่วนของไทย ได้แจ้งที่ประชุมทราบถึงการดำเนินการของไทยในโครงการต่าง ๆ กับประเทศเพื่อนบ้าน ภายใต้สาขาความร่วมมือทั้ง 5 สาขา อาทิ การอำนวยความสะดวกการค้าและการลงทุน ไทยได้ขยายการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร AISP สำหรับสินค้าเกษตร 9 รายการกับประเทศเพื่อนบ้าน มีความร่วมมือในการทำ Contract farming ในประเทศเพื่อนบ้าน ในการนี้ ประเทศสมาชิก ACMECS เห็นพ้องกับแนวคิดของไทยที่อาจให้มีการปลูกพืชเศรษฐกิจ เช่น มันสำปะหลังหรืออ้อยเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบที่ไทยจะรับซื้อสำหรับการผลิตพลังงานชีวภาพในประเทศไทยซึ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีในเรื่องนี้
ในด้านการคมนาคมขนส่งได้มีความร่วมมือในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การพัฒนาเส้นทางคมนาคมในประเทศเพื่อบ้าน และความร่วมมือเพื่อปรับเปลี่ยนกฎระเบียบในการอำนวยความสะดวกเพื่อสนับสนุนการไปมาหาสู่ระดับประชาชน เช่น การอนุญาตให้รถยนต์พวงมาลัยด้านต่างกันเข้าประเทศ
ทางด้านการท่องเที่ยวได้มีความร่วมมือเพื่อส่งเสริมกิจกรรมของประเทศในกลุ่ม ACMECS
ภายใต้แนวคิด Five Countries One Destination และการศึกษาความเป็นไปได้ของระบบการตรวจลงตราร่วมกันระหว่างประเทศ ACMECS (ACMECS Single Visa) ในส่วนของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ก็มีการให้ความช่วยเหลือ เช่น การอบรมและทุนการศึกษาในด้านต่าง ๆ อาทิ การท่องเที่ยว การศุลกากร และการเกษตร เป็นต้น
ในการนี้ ได้ยืนยันการอนุมัติงบประมาณของไทยสำหรับโครงการเร่งด่วน 42 โครงการ จำนวน 100 ล้านบาท และแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ไทยกำลังพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะกำหนดวงเงินเพื่อสนับสนุนความร่วมมือเพื่อการพัฒนากับประเทศเพื่อนบ้านในช่วง 5 ปีข้างหน้าเป็นจำนวน 10,000 ล้านบาทซึ่งในจำนวนดังกล่าวไทยได้ให้ความเห็นชอบกับโครงการความร่วมมือ ในวงเงิน 4,000 ล้านบาทด้วยแล้ว
ที่ประชุมตกลงจัดตั้งกลไกประสานงานระหว่างกัน โดยให้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อประสานงานในสาขาความร่วมมือทั้ง 5 สาขา และมอบหมายประเทศสมาชิกแต่ละประเทศทำหน้าที่เป็นประเทศผู้ประสานงาน (Coordinating Country) สำหรับแต่ละสาขา ดังนี้ สาขาการอำนวยความสะดวกการค้าและการลงทุน-ไทย สาขาความร่วมมือด้านเกษตรและอุตสาหกรรม - พม่า สาขาการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคม - ลาว สาขาความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว- กัมพูชา สาขาการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ - เวียดนาม และมอบหมายให้เจ้าหน้าที่อาวุโสพบกันทุก 6 เดือน เพื่อติดตามการดำเนินการของคณะทำงาน ทั้ง 5 สาขาดังกล่าว โดยให้พบกับประเทศหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและติดตามผลการดำเนินความร่วมมือระหว่างกันในโอกาสดังกล่าวด้วย
ที่ประชุมเรียกร้องให้ภาคเอกชนมีบทบาทในกิจกรรมความร่วมมือในทุกสาขา และเห็นว่าสภาธุรกิจ ACMECS (ACMECS Business Council) จะเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยผลักดันเรื่องนี้ต่อไป นอกจากนี้ ไทยได้รับที่จะจัดทำ ACMECS website เพื่อเป็นศูนย์ข้อมูลซึ่งจะเป็นประโยชน์ ทั้งในแง่การเผยแพร่ข้อมูลแก่สาธารณชนและประสานงานระหว่างประเทศสมาชิก โดยสมาชิก ACMECS รับจะให้ความร่วมมืออย่างแข็งขัน
2. การประชุมร่วมกับหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา ภายหลังจากการประชุมรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการดังกล่าว รัฐมนตรี ACMECS ยังได้ประชุมร่วมกับผู้แทนจากประเทศหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา ได้แก่ ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส เยอรมนี ญี่ปุ่น และนิวซีแลนด์ รวมทั้งธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชียด้วย
3. ข้อสังเกตและข้อคิดเห็น
3.1 การประชุมประสบผลสำเร็จอย่างดียิ่ง สมาชิก ACMECS ทั้ง 5 ประเทศ ได้ร่วมกันแสดงความเป็นเอกภาพ โดยยืนยันเจตนารมณ์ที่จะดำเนินการตามกรอบความร่วมมือ ACMECS อย่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันต่อผู้แทนของประเทศหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา
3.2 การประชุมครั้งนี้มีการหารือถึงความคืบหน้าของการดำเนินโครงการระหว่างกันอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ ยังสามารถมีข้อสรุปที่สำคัญ ๆ เกี่ยวกับกลไกการประสานงานระหว่างกันซึ่งจะช่วยให้การดำเนินกิจกรรมความร่วมมือของ ACMECS มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นต่อไป
3.3 การพบหารือกับประเทศหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา ช่วยให้ประเทศเหล่านี้มีความเข้าใจที่ลึกซึ้งและชัดเจนยิ่งขึ้นถึงหลักการและเป้าหมายของ ACMECS รวมทั้งเห็นถึงความแตกต่างของกรอบความร่วมมือ ACMECS จากกรอบความร่วมมืออื่น ๆ ที่มีอยู่ และช่องทางการเข้ามามีบทบาทอย่างสร้างสรรค์ได้ต่อไปในอนาคต
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 16 พฤศจิกายน 2547--จบ--
-กภ-
ตามที่ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรี ACMECS อย่างไม่เป็นทางการ ระหว่างวันที่ 1-2 พฤศจิกายน 2547 ที่จังหวัดกระบี่ นั้น สาระสำคัญของการประชุมสรุปได้ดังนี้
1. การประชุมระดับรัฐมนตรี ACMECS อย่างไม่เป็นทางการ ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าของการดำเนินกิจกรรมในประเทศสมาชิกภายใต้กรอบ ACMECS ทั้งนี้ ในส่วนของไทย ได้แจ้งที่ประชุมทราบถึงการดำเนินการของไทยในโครงการต่าง ๆ กับประเทศเพื่อนบ้าน ภายใต้สาขาความร่วมมือทั้ง 5 สาขา อาทิ การอำนวยความสะดวกการค้าและการลงทุน ไทยได้ขยายการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร AISP สำหรับสินค้าเกษตร 9 รายการกับประเทศเพื่อนบ้าน มีความร่วมมือในการทำ Contract farming ในประเทศเพื่อนบ้าน ในการนี้ ประเทศสมาชิก ACMECS เห็นพ้องกับแนวคิดของไทยที่อาจให้มีการปลูกพืชเศรษฐกิจ เช่น มันสำปะหลังหรืออ้อยเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบที่ไทยจะรับซื้อสำหรับการผลิตพลังงานชีวภาพในประเทศไทยซึ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีในเรื่องนี้
ในด้านการคมนาคมขนส่งได้มีความร่วมมือในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การพัฒนาเส้นทางคมนาคมในประเทศเพื่อบ้าน และความร่วมมือเพื่อปรับเปลี่ยนกฎระเบียบในการอำนวยความสะดวกเพื่อสนับสนุนการไปมาหาสู่ระดับประชาชน เช่น การอนุญาตให้รถยนต์พวงมาลัยด้านต่างกันเข้าประเทศ
ทางด้านการท่องเที่ยวได้มีความร่วมมือเพื่อส่งเสริมกิจกรรมของประเทศในกลุ่ม ACMECS
ภายใต้แนวคิด Five Countries One Destination และการศึกษาความเป็นไปได้ของระบบการตรวจลงตราร่วมกันระหว่างประเทศ ACMECS (ACMECS Single Visa) ในส่วนของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ก็มีการให้ความช่วยเหลือ เช่น การอบรมและทุนการศึกษาในด้านต่าง ๆ อาทิ การท่องเที่ยว การศุลกากร และการเกษตร เป็นต้น
ในการนี้ ได้ยืนยันการอนุมัติงบประมาณของไทยสำหรับโครงการเร่งด่วน 42 โครงการ จำนวน 100 ล้านบาท และแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ไทยกำลังพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะกำหนดวงเงินเพื่อสนับสนุนความร่วมมือเพื่อการพัฒนากับประเทศเพื่อนบ้านในช่วง 5 ปีข้างหน้าเป็นจำนวน 10,000 ล้านบาทซึ่งในจำนวนดังกล่าวไทยได้ให้ความเห็นชอบกับโครงการความร่วมมือ ในวงเงิน 4,000 ล้านบาทด้วยแล้ว
ที่ประชุมตกลงจัดตั้งกลไกประสานงานระหว่างกัน โดยให้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อประสานงานในสาขาความร่วมมือทั้ง 5 สาขา และมอบหมายประเทศสมาชิกแต่ละประเทศทำหน้าที่เป็นประเทศผู้ประสานงาน (Coordinating Country) สำหรับแต่ละสาขา ดังนี้ สาขาการอำนวยความสะดวกการค้าและการลงทุน-ไทย สาขาความร่วมมือด้านเกษตรและอุตสาหกรรม - พม่า สาขาการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคม - ลาว สาขาความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว- กัมพูชา สาขาการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ - เวียดนาม และมอบหมายให้เจ้าหน้าที่อาวุโสพบกันทุก 6 เดือน เพื่อติดตามการดำเนินการของคณะทำงาน ทั้ง 5 สาขาดังกล่าว โดยให้พบกับประเทศหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและติดตามผลการดำเนินความร่วมมือระหว่างกันในโอกาสดังกล่าวด้วย
ที่ประชุมเรียกร้องให้ภาคเอกชนมีบทบาทในกิจกรรมความร่วมมือในทุกสาขา และเห็นว่าสภาธุรกิจ ACMECS (ACMECS Business Council) จะเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยผลักดันเรื่องนี้ต่อไป นอกจากนี้ ไทยได้รับที่จะจัดทำ ACMECS website เพื่อเป็นศูนย์ข้อมูลซึ่งจะเป็นประโยชน์ ทั้งในแง่การเผยแพร่ข้อมูลแก่สาธารณชนและประสานงานระหว่างประเทศสมาชิก โดยสมาชิก ACMECS รับจะให้ความร่วมมืออย่างแข็งขัน
2. การประชุมร่วมกับหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา ภายหลังจากการประชุมรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการดังกล่าว รัฐมนตรี ACMECS ยังได้ประชุมร่วมกับผู้แทนจากประเทศหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา ได้แก่ ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส เยอรมนี ญี่ปุ่น และนิวซีแลนด์ รวมทั้งธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชียด้วย
3. ข้อสังเกตและข้อคิดเห็น
3.1 การประชุมประสบผลสำเร็จอย่างดียิ่ง สมาชิก ACMECS ทั้ง 5 ประเทศ ได้ร่วมกันแสดงความเป็นเอกภาพ โดยยืนยันเจตนารมณ์ที่จะดำเนินการตามกรอบความร่วมมือ ACMECS อย่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันต่อผู้แทนของประเทศหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา
3.2 การประชุมครั้งนี้มีการหารือถึงความคืบหน้าของการดำเนินโครงการระหว่างกันอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ ยังสามารถมีข้อสรุปที่สำคัญ ๆ เกี่ยวกับกลไกการประสานงานระหว่างกันซึ่งจะช่วยให้การดำเนินกิจกรรมความร่วมมือของ ACMECS มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นต่อไป
3.3 การพบหารือกับประเทศหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา ช่วยให้ประเทศเหล่านี้มีความเข้าใจที่ลึกซึ้งและชัดเจนยิ่งขึ้นถึงหลักการและเป้าหมายของ ACMECS รวมทั้งเห็นถึงความแตกต่างของกรอบความร่วมมือ ACMECS จากกรอบความร่วมมืออื่น ๆ ที่มีอยู่ และช่องทางการเข้ามามีบทบาทอย่างสร้างสรรค์ได้ต่อไปในอนาคต
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 16 พฤศจิกายน 2547--จบ--
-กภ-