คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงพลังงานเสนอให้สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) กู้ยืมเงินจำนวน 25,000 ล้านบาท จากสถาบันการเงินภายในประเทศ โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาเงื่อนไขและรายละเอียดต่าง ๆ ในการกู้ยืมตามความเหมาะสมและเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ และหากสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) สามารถนำพันธบัตรเสนอขายให้แก่นักลงทุนได้สำเร็จจนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีสภาพคล่องเพียงพอในการจ่ายชดเชยราคาน้ำมันเชื้อเพลิงก็ให้ยุติการใช้วงเงินกู้ในส่วนที่เหลือ
กระทรวงพลังงานรายงานว่า
1. รัฐบาลใช้นโยบายตรึงราคาน้ำมันเบนซิน ดีเซลหมุนเร็วตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2547 เป็นต้นมา และได้มีการทยอยปรับราคาน้ำมันเบนซินให้สะท้อนต้นทุนราคาในตลาดโลก ต่อมาได้ประกาศยกเลิกการตรึงราคาน้ำมันเบนซิน เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2547 แต่ยังคงตรึงราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่ระดับ 14.59 บาท/ลิตร จนถึงสิ้นไตรมาสแรกปี 2548 หลังจากนั้นจะทยอยปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วให้สะท้อนต้นทุนที่เป็นจริง เพื่อยุติภาระการจ่ายชดเชย
2. คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) กู้เงินจากสถาบันการเงินภายในประเทศ โดยกระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้ไปแล้ว 2 ครั้ง วงเงินรวมทั้งสิ้นจำนวน 38,000 ล้านบาท สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) ได้จ่ายเงินเพื่อชดเชยราคาน้ำมันเชื้อเพลิงให้กับผู้ประกอบการแล้ว จำนวน 36,575 ล้านบาท (ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2547 ถึง 31 ตุลาคม 2547) โดยแยกเป็นเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 3,775 ล้านบาท และจากเงินกู้จำนวน 32,800 ล้านบาท ซึ่งวงเงินกู้ยังคงเหลือ จำนวน 5,200 ล้านบาท
3. ในเดือนมกราคม 2548 คาดว่ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะมีภาระรายจ่ายชดเชยราคาน้ำมันเชื้อเพลิงประมาณ 7,526 ล้านบาท ทำให้วงเงินกู้ที่เหลือจำนวน 5,200 ล้านบาท ไม่เพียงพอสำหรับการจ่ายชดเชยเพื่อตรึงราคาน้ำมันเชื้อเพลิงงวดเดือนมกราคม 2548 ประกอบกับราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วในตลาดโลกยังคงอยู่ในระดับสูงและสถานการณ์ราคาน้ำมันมีความผันผวนสูง ซึ่งจากการประมาณการคาดว่าจากเดือนมกราคม 2547 ถึง เดือนมีนาคม 2548 กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีภาระในการจ่ายชดเชยราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ประมาณ 23,884 ล้านบาท
4. สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) มีแผนจะจัดหาเงินกู้ระยะยาวเพื่อชดเชยการตรึงราคาน้ำมันในเดือนเมษายน 2548 เป็นต้นไป โดยการออกพันธบัตร แต่ต้องใช้เวลาในการดำเนินการ หากในเดือนมีนาคม 2548 ยังไม่สามารถนำพันธบัตรเสนอขายให้กับนักลงทุนได้ จะทำให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงขาดสภาพคล่องประกอบกับเดือนมิถุนายน 2548 ถึง เดือนกันยายน 2548 มีเงินกู้ครบกำหนดชำระจำนวน 14,000 ล้านบาท ซึ่งหากไม่สามารถนำพันธบัตรเสนอขายให้กับนักลงทุนได้ จะทำให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไม่มีเงินชำระหนี้ที่ครบกำหนด
5. เพื่อให้สามารถดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลได้อย่างต่อเนื่อง และมีเงินจ่ายชดเชยราคาน้ำมันเชื้อเพลิง สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) มีความจำเป็นต้องกู้เงินจำนวน 40,000 ล้านบาท เพื่อชดเชยราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ถึงเดือนมีนาคม 2548 จำนวน 19,000 ล้านบาท และเพื่อสำรองไว้ในกรณีที่ไม่สามารถเสนอขายพันธบัตรได้ทันช่วงเวลาที่กำหนดไว้ จำนวน 21,000 ล้านบาท
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 21 ธันวาคม 2547--จบ--
กระทรวงพลังงานรายงานว่า
1. รัฐบาลใช้นโยบายตรึงราคาน้ำมันเบนซิน ดีเซลหมุนเร็วตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2547 เป็นต้นมา และได้มีการทยอยปรับราคาน้ำมันเบนซินให้สะท้อนต้นทุนราคาในตลาดโลก ต่อมาได้ประกาศยกเลิกการตรึงราคาน้ำมันเบนซิน เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2547 แต่ยังคงตรึงราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่ระดับ 14.59 บาท/ลิตร จนถึงสิ้นไตรมาสแรกปี 2548 หลังจากนั้นจะทยอยปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วให้สะท้อนต้นทุนที่เป็นจริง เพื่อยุติภาระการจ่ายชดเชย
2. คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) กู้เงินจากสถาบันการเงินภายในประเทศ โดยกระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้ไปแล้ว 2 ครั้ง วงเงินรวมทั้งสิ้นจำนวน 38,000 ล้านบาท สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) ได้จ่ายเงินเพื่อชดเชยราคาน้ำมันเชื้อเพลิงให้กับผู้ประกอบการแล้ว จำนวน 36,575 ล้านบาท (ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2547 ถึง 31 ตุลาคม 2547) โดยแยกเป็นเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 3,775 ล้านบาท และจากเงินกู้จำนวน 32,800 ล้านบาท ซึ่งวงเงินกู้ยังคงเหลือ จำนวน 5,200 ล้านบาท
3. ในเดือนมกราคม 2548 คาดว่ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะมีภาระรายจ่ายชดเชยราคาน้ำมันเชื้อเพลิงประมาณ 7,526 ล้านบาท ทำให้วงเงินกู้ที่เหลือจำนวน 5,200 ล้านบาท ไม่เพียงพอสำหรับการจ่ายชดเชยเพื่อตรึงราคาน้ำมันเชื้อเพลิงงวดเดือนมกราคม 2548 ประกอบกับราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วในตลาดโลกยังคงอยู่ในระดับสูงและสถานการณ์ราคาน้ำมันมีความผันผวนสูง ซึ่งจากการประมาณการคาดว่าจากเดือนมกราคม 2547 ถึง เดือนมีนาคม 2548 กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีภาระในการจ่ายชดเชยราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ประมาณ 23,884 ล้านบาท
4. สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) มีแผนจะจัดหาเงินกู้ระยะยาวเพื่อชดเชยการตรึงราคาน้ำมันในเดือนเมษายน 2548 เป็นต้นไป โดยการออกพันธบัตร แต่ต้องใช้เวลาในการดำเนินการ หากในเดือนมีนาคม 2548 ยังไม่สามารถนำพันธบัตรเสนอขายให้กับนักลงทุนได้ จะทำให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงขาดสภาพคล่องประกอบกับเดือนมิถุนายน 2548 ถึง เดือนกันยายน 2548 มีเงินกู้ครบกำหนดชำระจำนวน 14,000 ล้านบาท ซึ่งหากไม่สามารถนำพันธบัตรเสนอขายให้กับนักลงทุนได้ จะทำให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไม่มีเงินชำระหนี้ที่ครบกำหนด
5. เพื่อให้สามารถดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลได้อย่างต่อเนื่อง และมีเงินจ่ายชดเชยราคาน้ำมันเชื้อเพลิง สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) มีความจำเป็นต้องกู้เงินจำนวน 40,000 ล้านบาท เพื่อชดเชยราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ถึงเดือนมีนาคม 2548 จำนวน 19,000 ล้านบาท และเพื่อสำรองไว้ในกรณีที่ไม่สามารถเสนอขายพันธบัตรได้ทันช่วงเวลาที่กำหนดไว้ จำนวน 21,000 ล้านบาท
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 21 ธันวาคม 2547--จบ--