ทำเนียบรัฐบาล--11 ก.พ.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยการจดทะเบียนชาวไร่อ้อย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไป
เนื่องจากคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายได้พิจารณาเห็นควรแก้ไขปรับปรุงระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยการจดทะเบียนชาวไร่อ้อย ที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันมีข้อบกพร่อง ส่งผลให้การดำเนินการเกี่ยวกับการจดทะเบียนชาวไร่อ้อยเป็นไปด้วยความล่าช้าและยังไม่มีหลักเกณฑ์ปฏิบัติเกี่ยวกับกรณีที่ชาวไร่อ้อยโอนที่ดินที่ใช้เพื่อการปลูกอ้อย หรือกรณีที่ชาวไร่อ้อยเสียชีวิต เพื่อให้ผู้รับโอนและทายาทสืบสิทธิ์จากชาวไร่อ้อยคนเดิมทำการปลูกอ้อยในที่ดินนั้นต่อไป ซึ่งร่างระเบียบดังกล่าวมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ยกเลิกระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยการจดทะเบียนชาวไร่อ้อยที่ใช้อยู่ในปัจจุบันรวม 3 ฉบับ
2. ให้นายทะเบียนมีหน้าที่ตรวจสอบและแก้ไขทะเบียนชาวไร่อ้อยให้ถูกต้องครบถ้วนอยู่เสมอ และต้องจัดทำรายงานสรุปทะเบียนชาวไร่อ้อยเสนอต่อคณะกรรมการอ้อยในเดือนกันยายนของทุกปี รวมทั้งให้มีอำนาจที่จะอนุญาตให้ผู้ร้องขอคัดสำเนาหรือถ่ายเอกสาร หรือให้ข้อมูลใดเกี่ยวกับทะเบียนชาวไร่อ้อยได้ โดยไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพราะถือว่าเป็นหน้าที่ของทางราชการที่จะอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน
3. ให้คณะกรรมการอ้อยต้องประกาศให้มีการรับจดทะเบียนชาวไร่อ้อยในทุกห้าปี เพื่อเปิดโอกาสให้เกษตรกรสามารถยื่นคำขอจดทะเบียนเป็นชาวไร่อ้อยได้สะดวกและชัดเจนแน่นอน รวมทั้งในกรณีที่มีความจำเป็นก็อาจประกาศให้มีการรับจดทะเบียนก่อนถึงกำหนดเวลาห้าปีก็ได้
4. กำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิยื่นคำขอจดทะเบียนชาวไร่อ้อย และหลักฐานประกอบคำขอ
5. ให้คณะอนุกรรมการซึ่งคณะกรรมการอ้อยแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการจดทะเบียนชาวไร่อ้อยประจำแต่ละพื้นที่ที่มีการส่งเสริมการปลูกอ้อย พิจารณาคำขอและจัดทำรายชื่อผู้มีสิทธิ์ได้รับจดทะเบียนชาวไร่อ้อยให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวันนับแต่วันสิ้นสุดการรับคำขอจดทะเบียน และให้ปิดประกาศรายชื่อดังกล่าวไว้ ณ ที่ทำการสถาบันชาวไร่อ้อย โรงงาน และสถานที่อื่นในเขตพื้นที่นั้นตามที่คณะอนุกรรมการเห็นสมควร
6. กำหนดวิธีการและการพิจารณาการคัดค้านเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้ยื่นคำขอจดทะเบียนชาวไร่อ้อยให้ชัดเจนและเหมาะสม
7. ให้คณะกรรมการอ้อยมีอำนาจพิจารณาสั่งให้ลบชื่อชาวไร่อ้อยออกจากทะเบียนชาวไร่อ้อย เมื่อคณะอนุกรรมการฯ รายงานว่า ผู้นั้นได้กระทำการหรือมีกรณีที่สมควรจะลบชื่อออกไปจากทะเบียน
8. กำหนดให้กรณีที่ชาวไร่อ้อยได้โอนสิทธิในที่ดินที่ใช้เพื่อการปลูกอ้อยทั้งหมดหรือบางส่วนให้แก่ผู้อื่นซึ่งมิได้เป็นชาวไร่อ้อย หากผู้รับโอนสิทธิในที่ดินนั้นประสงค์ที่จะปลูกอ้อยเพื่อส่งโรงงานต่อไป ให้ผู้รับโอนมีหนังสือร้องของต่อคณะอนุกรรมการพร้อมด้วยหลักฐานแสดงสิทธิในที่ดินนั้น เมื่อคณะอนุกรรมการได้รับคำร้องขอดังกล่าวแล้วให้ตรวจสอบหลักฐานและอาจสอบถามข้อเท็จจริงจากบุคคลที่เกี่ยวข้องเท่าที่จำเป็น แล้วจึงเสนอเรื่องและความเห็นต่อคณะกรรมการอ้อยเพื่อพิจารณา
9. กำหนดให้กรณีที่ชาวไร่อ้อยตายและทายาทผู้ได้รับสิทธิในที่ดินประสงค์จะปลูกอ้อยเพื่อส่งโรงงานต่อไปให้มีหนังสือร้องขอต่อคณะอนุกรรมการแสดงการเป็นทายาทพร้อมด้วยหลักฐานการได้รับสิทธิในที่ดินนั้น เมื่อคณะอนุกรรมการได้รับคำร้องขอแล้วให้ตรวจสอบหลักฐาน และอาจสอบถามข้อเท็จจริงจากบุคคลที่เกี่ยวข้องแล้วจึงเสนอเรื่องและความเห็นต่อคณะกรรมการอ้อยเพื่อพิจารณา
10. กำหนดให้ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของคณะกรรมการอ้อยเกี่ยวกับการแก้ไขทะเบียนชาวไร่อ้อยสามารถยื่นอุทธรณ์เป็นหนังสือต่อคณะกรรมการบริหารภายใน 15 วันนับแต่วันได้รับคำสั่งและให้คำวินิจฉัยของคณะกรรมการบริหารถือเป็นที่สุด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2540--
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยการจดทะเบียนชาวไร่อ้อย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไป
เนื่องจากคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายได้พิจารณาเห็นควรแก้ไขปรับปรุงระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยการจดทะเบียนชาวไร่อ้อย ที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันมีข้อบกพร่อง ส่งผลให้การดำเนินการเกี่ยวกับการจดทะเบียนชาวไร่อ้อยเป็นไปด้วยความล่าช้าและยังไม่มีหลักเกณฑ์ปฏิบัติเกี่ยวกับกรณีที่ชาวไร่อ้อยโอนที่ดินที่ใช้เพื่อการปลูกอ้อย หรือกรณีที่ชาวไร่อ้อยเสียชีวิต เพื่อให้ผู้รับโอนและทายาทสืบสิทธิ์จากชาวไร่อ้อยคนเดิมทำการปลูกอ้อยในที่ดินนั้นต่อไป ซึ่งร่างระเบียบดังกล่าวมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ยกเลิกระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยการจดทะเบียนชาวไร่อ้อยที่ใช้อยู่ในปัจจุบันรวม 3 ฉบับ
2. ให้นายทะเบียนมีหน้าที่ตรวจสอบและแก้ไขทะเบียนชาวไร่อ้อยให้ถูกต้องครบถ้วนอยู่เสมอ และต้องจัดทำรายงานสรุปทะเบียนชาวไร่อ้อยเสนอต่อคณะกรรมการอ้อยในเดือนกันยายนของทุกปี รวมทั้งให้มีอำนาจที่จะอนุญาตให้ผู้ร้องขอคัดสำเนาหรือถ่ายเอกสาร หรือให้ข้อมูลใดเกี่ยวกับทะเบียนชาวไร่อ้อยได้ โดยไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพราะถือว่าเป็นหน้าที่ของทางราชการที่จะอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน
3. ให้คณะกรรมการอ้อยต้องประกาศให้มีการรับจดทะเบียนชาวไร่อ้อยในทุกห้าปี เพื่อเปิดโอกาสให้เกษตรกรสามารถยื่นคำขอจดทะเบียนเป็นชาวไร่อ้อยได้สะดวกและชัดเจนแน่นอน รวมทั้งในกรณีที่มีความจำเป็นก็อาจประกาศให้มีการรับจดทะเบียนก่อนถึงกำหนดเวลาห้าปีก็ได้
4. กำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิยื่นคำขอจดทะเบียนชาวไร่อ้อย และหลักฐานประกอบคำขอ
5. ให้คณะอนุกรรมการซึ่งคณะกรรมการอ้อยแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการจดทะเบียนชาวไร่อ้อยประจำแต่ละพื้นที่ที่มีการส่งเสริมการปลูกอ้อย พิจารณาคำขอและจัดทำรายชื่อผู้มีสิทธิ์ได้รับจดทะเบียนชาวไร่อ้อยให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวันนับแต่วันสิ้นสุดการรับคำขอจดทะเบียน และให้ปิดประกาศรายชื่อดังกล่าวไว้ ณ ที่ทำการสถาบันชาวไร่อ้อย โรงงาน และสถานที่อื่นในเขตพื้นที่นั้นตามที่คณะอนุกรรมการเห็นสมควร
6. กำหนดวิธีการและการพิจารณาการคัดค้านเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้ยื่นคำขอจดทะเบียนชาวไร่อ้อยให้ชัดเจนและเหมาะสม
7. ให้คณะกรรมการอ้อยมีอำนาจพิจารณาสั่งให้ลบชื่อชาวไร่อ้อยออกจากทะเบียนชาวไร่อ้อย เมื่อคณะอนุกรรมการฯ รายงานว่า ผู้นั้นได้กระทำการหรือมีกรณีที่สมควรจะลบชื่อออกไปจากทะเบียน
8. กำหนดให้กรณีที่ชาวไร่อ้อยได้โอนสิทธิในที่ดินที่ใช้เพื่อการปลูกอ้อยทั้งหมดหรือบางส่วนให้แก่ผู้อื่นซึ่งมิได้เป็นชาวไร่อ้อย หากผู้รับโอนสิทธิในที่ดินนั้นประสงค์ที่จะปลูกอ้อยเพื่อส่งโรงงานต่อไป ให้ผู้รับโอนมีหนังสือร้องของต่อคณะอนุกรรมการพร้อมด้วยหลักฐานแสดงสิทธิในที่ดินนั้น เมื่อคณะอนุกรรมการได้รับคำร้องขอดังกล่าวแล้วให้ตรวจสอบหลักฐานและอาจสอบถามข้อเท็จจริงจากบุคคลที่เกี่ยวข้องเท่าที่จำเป็น แล้วจึงเสนอเรื่องและความเห็นต่อคณะกรรมการอ้อยเพื่อพิจารณา
9. กำหนดให้กรณีที่ชาวไร่อ้อยตายและทายาทผู้ได้รับสิทธิในที่ดินประสงค์จะปลูกอ้อยเพื่อส่งโรงงานต่อไปให้มีหนังสือร้องขอต่อคณะอนุกรรมการแสดงการเป็นทายาทพร้อมด้วยหลักฐานการได้รับสิทธิในที่ดินนั้น เมื่อคณะอนุกรรมการได้รับคำร้องขอแล้วให้ตรวจสอบหลักฐาน และอาจสอบถามข้อเท็จจริงจากบุคคลที่เกี่ยวข้องแล้วจึงเสนอเรื่องและความเห็นต่อคณะกรรมการอ้อยเพื่อพิจารณา
10. กำหนดให้ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของคณะกรรมการอ้อยเกี่ยวกับการแก้ไขทะเบียนชาวไร่อ้อยสามารถยื่นอุทธรณ์เป็นหนังสือต่อคณะกรรมการบริหารภายใน 15 วันนับแต่วันได้รับคำสั่งและให้คำวินิจฉัยของคณะกรรมการบริหารถือเป็นที่สุด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)--วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2540--