ขออนุมัติลงนามและให้สัตยาบันสนธิสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐอินเดียว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday May 29, 2013 10:47 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เสนอ ดังนี้

1. เห็นชอบร่างสนธิสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐอินเดียว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน

2. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามสนธิสัญญาฯ

3. ให้ กต. ดำเนินการให้สนธิสัญญาฯ มีผลใช้บังคับในโอกาสอันเหมาะสมตามแต่จะตกลงกับฝ่ายอินเดียต่อไป

4. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างสนธิสัญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญก่อนมีการลงนาม ให้ กต. สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง

ร่างสนธิสัญญาฯ มีเนื้อหาสาระคล้ายคลึงกับสนธิสัญญาในเรื่องเดียวกันที่ประเทศไทยจัดทำกับประเทศต่าง ๆ และสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2551 ทุกประการ โดยกำหนดเงื่อนไขและขั้นตอนในการส่งผู้ร้ายข้ามแดน สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้

1. ความผิดที่จะส่งผู้ร้ายข้ามแดนให้แก่กันได้ต้องเป็นความผิดที่ลงโทษได้ตามกฎหมายของทั้งสองประเทศและเป็นความผิดที่มีกำหนดโทษจำคุกเกินกว่า 1 ปี

2. ผู้ประสานงานกลางของฝ่ายไทยตามสนธิสัญญานี้คืออัยการสูงสุดและฝ่ายอินเดียคือกระทรวงการต่างประเทศ

3. รัฐที่ได้รับคำร้องขอไม่ต้องส่งผู้ร้ายข้ามแดนบุคคลซึ่งกระทำความผิดทางการเมือง และความผิดทางทหาร ทั้งนี้ ความผิดต่อประมุขของรัฐหรือหัวหน้ารัฐบาลหรือสมาชิกในครอบครัวของบุคคลดังกล่าว และการกระทำหรือการละเว้นการกระทำซึ่งเป็นความผิดอาญาตามพันธกรณีภายใต้สนธิสัญญาพหุภาคีที่รัฐคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายเป็นภาคี ไม่ถือว่าเป็นความผิดทางการเมือง

4. รัฐที่ได้รับคำร้องขอสามารถปฏิเสธการส่งผู้ร้ายข้ามแดน เมื่อรัฐที่ได้รับคำร้องขอได้มีคำพิพากษาในความผิดนั้นแล้ว หรือเมื่อคดีขาดอายุความตามกฎหมายของประเทศใดประเทศหนึ่ง ทั้งนี้ ตามหลักการที่ว่า บุคคลย่อมไม่ต้องรับโทษซ้ำซ้อนในความผิดเดียวกัน

5. รัฐคู่สัญญาแต่ละฝ่ายมีสิทธิที่จะปฏิเสธไม่ส่งคนชาติเป็นผู้ร้ายข้ามแดน

6. ในกรณีเร่งด่วน รัฐคู่สัญญาแต่ละฝ่ายสามารถร้องขอให้มีการจับกุมตัวชั่วคราวบุคคลที่ต้องการเพื่อให้มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อไปได้

7. ให้มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดนชั่วคราวได้ในกรณีที่บุคคล ซึ่งถูกขอให้ส่งข้ามแดนกำลังถูกดำเนินคดี หรือรับโทษอยู่ในรัฐที่ได้รับคำร้องขอ หรือเลื่อนการส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั้นจนกว่าการดำเนินคดี หรือการรับโทษนั้นจะสิ้นสุดลง

8. ผู้กระทำผิดที่ถูกส่งตัวไปจะไม่ถูกลงโทษในความผิดอื่น นอกเหนือจากในความผิดที่ขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดน

9. ให้มีการส่งมอบทรัพย์สินที่อาจต้องใช้เป็นพยานหลักฐานหรือที่ได้มาโดยการกระทำความผิดและพบอยู่ในความครอบครองของบุคคลซึ่งถูกขอให้ส่งตัวข้ามแดนแก่รัฐที่ร้องขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดน

10. ให้มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดนแบบย่อ ในกรณีที่บุคคลที่ถูกร้องขอให้ส่งตัวยินยอมอย่างชัดแจ้งต่อหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ

11. รัฐที่ได้รับการร้องขอจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเพื่อให้มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดนจนกระทั่งถึงเวลาส่งมอบตัว

12. สนธิสัญญาจะเริ่มมีผลใช้บังคับในวันที่มีการแลกเปลี่ยนสัตยาบันสาร

ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายสามารถจัดให้มีการลงนามสนธิสัญญาฯ ได้ในโอกาสการเยือนประเทศไทยของนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐอินเดียระหว่างวันที่ 30-31 พฤษภาคม 2556

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 28 พฤษภาคม 2556--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ