ทำเนียบรัฐบาล--27 ก.ย.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ครั้งที่ 27 ณ กรุง บันดาร์ เสรีเบกาวัน ประเทศบรูไน ระหว่างวันที่ 7 - 8 กันยายน 2538 ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายอำนวย วีรวรรณ)เสนอ สรุปผลการประชุมมีสาระสำคัญ ดังนี้ การประชุม AEM
1. เขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA)
1.1 การเร่งรัดการลดภาษีใน AFTA ที่ประชุมให้ความเห็นชอบ
- โปรแกรมการลดภาษีเป็นรายสินค้าของแต่ละประเทศใหม่ ตามกำหนดการ 10 ปี (2536 - 2546)
- โปรแกรมการลดภาษีของสินค้าในรายการยกเว้นชั่วคราว (Temporary Exclusion List : TEL) ที่จะนำเข้ามาลดภาษีงวดแรกในปี 2539
- รายการสินค้าเกษตรไม่แปรรูปที่จะนำเข้ามาลดภาษีภายใต้ AFTA ได้ทันที ทั้งนี้ สำหรับรายการสินค้าเกษตรไม่แปรรูปที่มีความอ่อนไหว (Sensitive List) ยังต้องมีการพิจารณา รายการสินค้าและการจัดทำมาตรการพิเศษของสินค้าอ่อนไหวต่อไป
1.2 การยื่นขอถอนรายการที่เคยนำมาลดภาษีภายใต้ AFTA
อินโดนีเซียได้ขอถอนรายการสินค้าอาหารที่เคยยื่นนำมาลดภาษีแล้วจำนวน 14 รายการไป ไว้ใน Sensitive List ของสินค้าเกษตร ได้แก่ ข้าว แป้งข้าว น้ำตาล กากถั่วเหลือง ซึ่งทุก ประเทศเห็นว่าในหลักการแล้วเมื่อประเทศใดเสนอรายการลดภาษีไปแล้วไม่ควรถอนรายการนั้น ๆ ออก ในที่สุดที่ประชุมมีมติให้ตั้งคณะทำงานพิเศษขึ้นมาพิจารณาคำขอของอินโดนีเซีย
1.3 การเข้าร่วมใน AFTA ของเวียดนาม
เวียดนามได้ยื่นรายการสินค้า (Indicative List) ที่จะนำมาลดภาษีในวันที่ 1 มกราคม 2539 โดยสินค้า TEL จะเริ่มนำมาลดภาษีในวันที่ 1 มกราคม 2543 สิ้นสุดวันที่ 1 มกราคม 2549 ทั้งนี้ เวียดนามจะยืนยันรายการที่ยื่นอีกครั้งภายในเดือนพฤศจิกายน 2538 ภายหลังจากผ่านขั้น ตอนด้านกฎหมายภายในแล้ว
1.4 การร่นระยะเวลาการดำเนินการ AFTA
สุลต่านบรูไนฯ ทรงเรียกร้องในพระราชดำรัสเปิดประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศและ รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ให้สมาชิกอาเซียนเร่งรัดดำเนินการ AFTA ให้เสร็จภายในปี 2000 ซึ่งที่ ประชุม AEM ได้พิจารณาแนวทางเพื่อสนองพระราชดำริดังกล่าว และได้มีมติขอให้ประเทศสมา ชิกขยายจำนวนสินค้าที่จะลดภาษีให้เหลือ 0% ภายในปี 2543 (2000)ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อ ให้มีการค้าเสรีมากที่สุดก่อนกำหนดวันเสร็จสิ้นการดำเนินการ AFTA ในปี 2546 (2003)โดยขึ้นอยู่กับความสมัครใจของแต่ละประเทศ
2. ความร่วมมือด้านอุตสาหกรรม
ที่ประชุมเร่งรัดให้มีการจัดทำโครงการความร่วมมือทางอุตสาหกรรมใหม่แทนโครงการแบ่ง ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ (BBC) และโครงการร่วมลงทุนของอาเซียน (AIJV) ซึ่งสิทธิประโยชน์ส่วนลดภาษี จะลดลงเนื่องจากการลดภาษีภายใต้ AFTA อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่ยังไม่มีโครงการใหม่ ให้ยัง คงอนุมัติคำขอเข้าร่วมโครงการ BBC และ AIJV ต่อไปได้ และผู้เข้าร่วมในโครงการ BBC และ AIJV อยู่แล้วก็จะได้รับสิทธิประโยชน์ของโครงการต่อไป
3. ความร่วมมือด้านการขนส่งและสื่อสาร
ที่ประชุมให้ความเห็นชอบแผนดำเนินการด้านการขนส่งและสื่อสาร ซึ่งมุ่งพัฒนาการขนส่ง แบบ multimodal และการเชื่อมโยงการสื่อสาร โดยเสนอให้รวมเรื่องการพัฒนานโยบายเปิดน่านฟ้า เสรี (open sky policy) ไว้ในแผนดำเนินงานด้วย รวมทั้งเสนอให้มีการประชุมระดับรัฐมนตรี ด้านการขนส่งและสื่อสารเพื่อพิจารณาต่อไป
4. ความร่วมมือด้านบริการ
ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการต่อร่างกรอบความตกลงด้านบริการและมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ไป พิจารณาขัดเกลาถ้อยคำให้เหมาะสม เพื่อให้ AEM ลงนาม รวมทั้งให้มีการประกาศเปิดการเจรจาเปิด เสรีเฉพาะสาขาในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 5 โดยการเจรจารอบแรกจะเริ่มวันที่ 1 มกราคม 2539 ซึ่งสาขาที่อาเซียนพร้อมจะเปิดเสรีในชั้นนี้ ได้แก่ สาขาการเงิน การขนส่งทางเรือและ ทางอากาศ โทรคมนาคม ท่องเที่ยว ก่อสร้างและการบริการธุรกิจ
5. ความร่วมมือทางทรัพย์สินทางปัญญา
ที่ประชุมมีมติให้คณะทำงานด้านทรัพย์สินทางปัญญาจัดทำร่างกรอบความตกลงฯ ให้แล้ว เสร็จเพื่อให้ AEM ลงนามในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่5
6. กลไกยุติข้อพิพาท
ที่ประชุมตกลงให้คณะทำงานจัดทำพิธีสารว่าด้วยกลไกยุติข้อพิพาทเพื่อใช้กับข้อพิพาทภายใต้ ความตกลงด้านเศรษฐกิจของอาเซียนทุกด้าน และภายใต้พิธีสารดังกล่าวให้มีกลไกยุติข้อพิพาทเฉพาะ สำหรับ AFTA บริการทรัพย์สินทางปัญญา และโครงการร่วมมือทางอุตสาหกรรม ทั้งนี้ ให้คณะทำงานจัดทำ ร่างพิธีสารฯ และกลไกยุติข้อพิพาทสำหรับ AFTA ให้เสร็จภายในเดือนพฤศจิกายน 2538
7. ความร่วมมือในกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
ที่ประชุมได้รับทราบความคืบหน้าในการเตรียมการการประชุมรัฐมนตรีเอเปคและผู้นำเอ เปคที่ญี่ปุ่นการประชุมสุดยอดเอเซีย - ยุโรปที่ประเทศไทย และการประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้า โลกที่สิงคโปร์ รวมทั้งความคืบหน้าในการก่อตั้งกลุ่มเศรษฐกิจเอเชียตะวันออก (EAEC) และมีมติสนับสนุนเวียดนามเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลกและเอเปค การประชุม AEM - CER ที่ประชุม AEM และรัฐมนตรีการค้าออสเตรเลีย - นิวซีแลนด์เห็นชอบให้มีความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูล การ พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ระเบียบพิธีด้านศุลกากร มาตรฐานสินค้า การอำนวยความสะดวกและส่งเสริม ด้านการค้าการลงทุนนโยบายการแข่งขัน และความร่วมมือด้านอุตสาหกรรม ทั้งนี้ คณะทำงานด้านต่างๆ ของอาเซียนที่มีอยู่แล้วจะประสานงานกับฝ่ายออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ โดยให้มีเอกชนเข้าร่วมด้วย ในการดำเนินกิจกรรมความร่วมมือต่อไปการประชุม AEM - MITI
1. การแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นด้านเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศ
ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับเศรษฐกิจอาเซียน เศรษฐกิจญี่ปุ่น การเตรียมการ การประชุมรัฐมนตรีเอเปคและผู้นำเอเปคที่ญี่ปุ่น การประชุมสุดยอดเอเซีย - ยุโรปที่ประเทศไทยและ การประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลกที่สิงคโปร์
2. คณะทำงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจเขมร ลาว พม่า
ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าของคณะทำงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจเขมร ลาว พม่า ซึ่ง ได้ระบุสาขาที่อาเซียนและญี่ปุ่นจะร่วมมือกับเขมร ลาว และพม่า ได้แก่ การส่งเสริมการปรับตัวเข้าสู่ ระบบตลาดการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ การสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การส่งเสริมการเชื่อม โยงตลาดเป็นรายสินค้า ความร่วมมือด้านการพัฒนาทรัพยากรเหมืองแร่และทรัพยากรมนุษย์ และมอบ หมายให้คณะทำงานฯ วางแผนดำเนินงานแต่ละสาขาต่อไป โดยมอบให้ประเทศไทยทำหน้าที่ประธานคณะ ทำงานฯ ต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 26 กันยายน 2538--
                          
          คณะรัฐมนตรีรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ครั้งที่ 27 ณ กรุง บันดาร์ เสรีเบกาวัน ประเทศบรูไน ระหว่างวันที่ 7 - 8 กันยายน 2538 ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายอำนวย วีรวรรณ)เสนอ สรุปผลการประชุมมีสาระสำคัญ ดังนี้ การประชุม AEM
1. เขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA)
1.1 การเร่งรัดการลดภาษีใน AFTA ที่ประชุมให้ความเห็นชอบ
- โปรแกรมการลดภาษีเป็นรายสินค้าของแต่ละประเทศใหม่ ตามกำหนดการ 10 ปี (2536 - 2546)
- โปรแกรมการลดภาษีของสินค้าในรายการยกเว้นชั่วคราว (Temporary Exclusion List : TEL) ที่จะนำเข้ามาลดภาษีงวดแรกในปี 2539
- รายการสินค้าเกษตรไม่แปรรูปที่จะนำเข้ามาลดภาษีภายใต้ AFTA ได้ทันที ทั้งนี้ สำหรับรายการสินค้าเกษตรไม่แปรรูปที่มีความอ่อนไหว (Sensitive List) ยังต้องมีการพิจารณา รายการสินค้าและการจัดทำมาตรการพิเศษของสินค้าอ่อนไหวต่อไป
1.2 การยื่นขอถอนรายการที่เคยนำมาลดภาษีภายใต้ AFTA
อินโดนีเซียได้ขอถอนรายการสินค้าอาหารที่เคยยื่นนำมาลดภาษีแล้วจำนวน 14 รายการไป ไว้ใน Sensitive List ของสินค้าเกษตร ได้แก่ ข้าว แป้งข้าว น้ำตาล กากถั่วเหลือง ซึ่งทุก ประเทศเห็นว่าในหลักการแล้วเมื่อประเทศใดเสนอรายการลดภาษีไปแล้วไม่ควรถอนรายการนั้น ๆ ออก ในที่สุดที่ประชุมมีมติให้ตั้งคณะทำงานพิเศษขึ้นมาพิจารณาคำขอของอินโดนีเซีย
1.3 การเข้าร่วมใน AFTA ของเวียดนาม
เวียดนามได้ยื่นรายการสินค้า (Indicative List) ที่จะนำมาลดภาษีในวันที่ 1 มกราคม 2539 โดยสินค้า TEL จะเริ่มนำมาลดภาษีในวันที่ 1 มกราคม 2543 สิ้นสุดวันที่ 1 มกราคม 2549 ทั้งนี้ เวียดนามจะยืนยันรายการที่ยื่นอีกครั้งภายในเดือนพฤศจิกายน 2538 ภายหลังจากผ่านขั้น ตอนด้านกฎหมายภายในแล้ว
1.4 การร่นระยะเวลาการดำเนินการ AFTA
สุลต่านบรูไนฯ ทรงเรียกร้องในพระราชดำรัสเปิดประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศและ รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ให้สมาชิกอาเซียนเร่งรัดดำเนินการ AFTA ให้เสร็จภายในปี 2000 ซึ่งที่ ประชุม AEM ได้พิจารณาแนวทางเพื่อสนองพระราชดำริดังกล่าว และได้มีมติขอให้ประเทศสมา ชิกขยายจำนวนสินค้าที่จะลดภาษีให้เหลือ 0% ภายในปี 2543 (2000)ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อ ให้มีการค้าเสรีมากที่สุดก่อนกำหนดวันเสร็จสิ้นการดำเนินการ AFTA ในปี 2546 (2003)โดยขึ้นอยู่กับความสมัครใจของแต่ละประเทศ
2. ความร่วมมือด้านอุตสาหกรรม
ที่ประชุมเร่งรัดให้มีการจัดทำโครงการความร่วมมือทางอุตสาหกรรมใหม่แทนโครงการแบ่ง ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ (BBC) และโครงการร่วมลงทุนของอาเซียน (AIJV) ซึ่งสิทธิประโยชน์ส่วนลดภาษี จะลดลงเนื่องจากการลดภาษีภายใต้ AFTA อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่ยังไม่มีโครงการใหม่ ให้ยัง คงอนุมัติคำขอเข้าร่วมโครงการ BBC และ AIJV ต่อไปได้ และผู้เข้าร่วมในโครงการ BBC และ AIJV อยู่แล้วก็จะได้รับสิทธิประโยชน์ของโครงการต่อไป
3. ความร่วมมือด้านการขนส่งและสื่อสาร
ที่ประชุมให้ความเห็นชอบแผนดำเนินการด้านการขนส่งและสื่อสาร ซึ่งมุ่งพัฒนาการขนส่ง แบบ multimodal และการเชื่อมโยงการสื่อสาร โดยเสนอให้รวมเรื่องการพัฒนานโยบายเปิดน่านฟ้า เสรี (open sky policy) ไว้ในแผนดำเนินงานด้วย รวมทั้งเสนอให้มีการประชุมระดับรัฐมนตรี ด้านการขนส่งและสื่อสารเพื่อพิจารณาต่อไป
4. ความร่วมมือด้านบริการ
ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการต่อร่างกรอบความตกลงด้านบริการและมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ไป พิจารณาขัดเกลาถ้อยคำให้เหมาะสม เพื่อให้ AEM ลงนาม รวมทั้งให้มีการประกาศเปิดการเจรจาเปิด เสรีเฉพาะสาขาในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 5 โดยการเจรจารอบแรกจะเริ่มวันที่ 1 มกราคม 2539 ซึ่งสาขาที่อาเซียนพร้อมจะเปิดเสรีในชั้นนี้ ได้แก่ สาขาการเงิน การขนส่งทางเรือและ ทางอากาศ โทรคมนาคม ท่องเที่ยว ก่อสร้างและการบริการธุรกิจ
5. ความร่วมมือทางทรัพย์สินทางปัญญา
ที่ประชุมมีมติให้คณะทำงานด้านทรัพย์สินทางปัญญาจัดทำร่างกรอบความตกลงฯ ให้แล้ว เสร็จเพื่อให้ AEM ลงนามในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่5
6. กลไกยุติข้อพิพาท
ที่ประชุมตกลงให้คณะทำงานจัดทำพิธีสารว่าด้วยกลไกยุติข้อพิพาทเพื่อใช้กับข้อพิพาทภายใต้ ความตกลงด้านเศรษฐกิจของอาเซียนทุกด้าน และภายใต้พิธีสารดังกล่าวให้มีกลไกยุติข้อพิพาทเฉพาะ สำหรับ AFTA บริการทรัพย์สินทางปัญญา และโครงการร่วมมือทางอุตสาหกรรม ทั้งนี้ ให้คณะทำงานจัดทำ ร่างพิธีสารฯ และกลไกยุติข้อพิพาทสำหรับ AFTA ให้เสร็จภายในเดือนพฤศจิกายน 2538
7. ความร่วมมือในกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
ที่ประชุมได้รับทราบความคืบหน้าในการเตรียมการการประชุมรัฐมนตรีเอเปคและผู้นำเอ เปคที่ญี่ปุ่นการประชุมสุดยอดเอเซีย - ยุโรปที่ประเทศไทย และการประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้า โลกที่สิงคโปร์ รวมทั้งความคืบหน้าในการก่อตั้งกลุ่มเศรษฐกิจเอเชียตะวันออก (EAEC) และมีมติสนับสนุนเวียดนามเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลกและเอเปค การประชุม AEM - CER ที่ประชุม AEM และรัฐมนตรีการค้าออสเตรเลีย - นิวซีแลนด์เห็นชอบให้มีความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูล การ พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ระเบียบพิธีด้านศุลกากร มาตรฐานสินค้า การอำนวยความสะดวกและส่งเสริม ด้านการค้าการลงทุนนโยบายการแข่งขัน และความร่วมมือด้านอุตสาหกรรม ทั้งนี้ คณะทำงานด้านต่างๆ ของอาเซียนที่มีอยู่แล้วจะประสานงานกับฝ่ายออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ โดยให้มีเอกชนเข้าร่วมด้วย ในการดำเนินกิจกรรมความร่วมมือต่อไปการประชุม AEM - MITI
1. การแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นด้านเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศ
ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับเศรษฐกิจอาเซียน เศรษฐกิจญี่ปุ่น การเตรียมการ การประชุมรัฐมนตรีเอเปคและผู้นำเอเปคที่ญี่ปุ่น การประชุมสุดยอดเอเซีย - ยุโรปที่ประเทศไทยและ การประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลกที่สิงคโปร์
2. คณะทำงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจเขมร ลาว พม่า
ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าของคณะทำงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจเขมร ลาว พม่า ซึ่ง ได้ระบุสาขาที่อาเซียนและญี่ปุ่นจะร่วมมือกับเขมร ลาว และพม่า ได้แก่ การส่งเสริมการปรับตัวเข้าสู่ ระบบตลาดการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ การสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การส่งเสริมการเชื่อม โยงตลาดเป็นรายสินค้า ความร่วมมือด้านการพัฒนาทรัพยากรเหมืองแร่และทรัพยากรมนุษย์ และมอบ หมายให้คณะทำงานฯ วางแผนดำเนินงานแต่ละสาขาต่อไป โดยมอบให้ประเทศไทยทำหน้าที่ประธานคณะ ทำงานฯ ต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--วันที่ 26 กันยายน 2538--